เล่าเรื่องชีวิต ม.6 ไปเรื่อยๆค่ะ

สวัสดีค่ะ ทุกคนตอนนี้เราอยู่ม.6 ค่ะ ที่มาตั้งกระทู้เพราะมีหลายเรื่องเลยค่ะที่เครียดเอามากๆ สำหรับบางคนอาจคิดว่าปัญหาแค่นี้ทำไมถึงเครียด เราขอบอกเลยค่ะว่าเราเองก็ไม่รู้

-ฉันว่าคนที่อยู่ม.6 คงคุ้นเคยกับคำถามนี้ดี กับคำถามที่ว่า "มีที่เรียนหรือยัง" มันกลายเป็นคำถามโปรดของฉันไปแล้ว ทุกๆวันฉันจะได้ยินถามนี้มาจากคนรอบข้าง คนที่ควาดหวังในความสำเร็จของฉัน หรือแม้แต่คนที่รอเหยียบก็ยังฉีกยิ้มเพื่อถาม คำถามนี้จะจบหลังจากที่ฉันหลับไปแล้วเท่านั้นแหละเพราะแม้แต่กระทั้งเวลาที่ไม่มีใครถามกลับเป็นตัวฉันเองที่คอยต้องย้ำตัวเองว่าเมื่อไรตัวจะหาความฝันของตัวเองเจอสักที เมื่อไรจะก้าวออกมาจากความเป็นเด็กสักที เมื่อไรจะกล้าที่จะเสี่ยงกับอะไรสักอย่างสักที แตสุดท้ายแล้วเมื่อถึงเวลาที่เราต้องเลือกทำจริงๆเราอาจไม่ได้เลือกทำตามความฝันแต่เาเลือกทำตามความเหมาะสม มีหลายคนที่เลือกที่จะเรียนราชกาลเพราะความมั่นคงของชิวิตท้งๆทีตนเองอาจจะอยากเป็นนักข่าวก็ได้ เลือกเรียนหมอเพราะพ่อแม่อยากให้เรียนทั้งๆที่ในใจอาจจะอากสอนเด็กนักเรียนก็ได้ คนกลุ่มนี้มีทั้งความน่าอิจฉาและไม่น่าอิจฉา เพราะเขาไม่ต้องตามหาความฝันของตนเองเพราะมีคนวาดความฝันไว้ให้เค้าแล้วแต่ก็เป็นความไม่น่าอิจฉาตรงที่เขาไม่สามารถเลือกทางเดินตามความฝันของเค้าได้ แลมีอีกหลายคนค่ะที่ไม่มีความฝันไม่มีจุกมุ่งหมายในชีวิตว่าตนเองควรไปทางไหน คนกลุ่มนี่น่าอิจฉาตรงที่เค้าไม่ต้องมาจดจ่อกัลอะไรอย่างหนึ่งไปเรื่อยๆเหมือนที่คนที่มีเป้าหมายทำอยู่แต่สิ่งที่ไม่น่าอิจฉาที่สุดคือ เค้าคือกลุ่มคนที่เดินช้ากว่าคนื่นไปแล้ว 1 ก้าว และกลุ่มสุดท้ายที่ฉันจะพูดถึงคือกลุ่มคนที่มีความฝันและมีโอกาส อย่าคิดนะคะว่าคนกลุ่มนี้จะมีแต่เรื่องที่น่าอิจฉาจริงๆแล้วคนกลุ่มนี้มีความกดดันเอามากๆเลยต่างหาก ฉันเป็นคนหนึ่งค่ะที่อยู่ในกลุ่มนี้ฉันฦันว่าฉันอยากเข้าเรียนในคณะนิเทศศาสตร์ และแม่ฉันก็อนุญาติที่จะให้เรียนทุกอย่างดูราบรื่นและไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ แต่จริงๆแล้วกลับไม่ใช่แบบนั้นคนขอบข้างที่คาดหวังฉันกลับไม่เห็นด้วยกับคณะที่ฉันเรียน อ่อ ฉันลืมบอกไปค่ะว่าฉันเป็นเด็กบ้านนอกเป็นคนอีสานค่ะ คนรอบข้างมักมองว่าคนบ้านนอกอย่างฉันจะไปอยู่เมืองกรุงได้อย่างไร หลังจากที่มีที่เรียนพอมีคนถามว่าเรียนอะไรทุกคนคงภูมิใจยืดอกตอบแต่ฉันกลับไม่ ทุกครั้งที่ครูถามฉัน ฉันรู้ดีค่ะว่าประโยคสนทนาถัดไปที่อยู่จะพูดคืออะไร แต่ฉันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะตอบและทุกครั้งที่จบการสนทนาลงฉันจะคอยบอกตัวเองเสมอค่ะ ว่าอย่าเอากลับไปคิด ให้ทำตามความฝันของตัวเอง และมันก็เป็นเพียงความคิดชั่วครู่เท่านั้นแหละเพราะพอกลับเข้ามาในห้องคนเดียวทุกคำพูดที่ทำร้ายตัวฉัน ฉันกลับได้ยินมันชัดขึ้นทุกที มันเป็นค่ำคืนที่หลับไปพร้อมกับคำพูดเหล่านั้นที่มันทำร้ายฉันอยู่  แต่ฉันก็รู้สึกดีมากเลยค่ะที่มีแม่และน้าที่เข้าใจฉันมากคอยอยู่ข้างๆฉันตลอด มีวันหนึ่งที่ฉันขึ้นไปจ่ายเงินค่าเทอมและเลยไปหาที่ทำงานอยู่ชลบุรี ฉันไปหาแม่แล้เล่าเรื่องที่ฉันเครียดให้แม่ฟังแม่บอกฉันว่า "คนที่ส่งฉันเรียนคือเเม่ จะสนใจคำพูดของคนอื่นไปทำไม"
และอีกคนหนึ่งท่เปรีบยเสมือนเเม่ของฉันคือน้า ฉันกัลน้าสนิทกันมากค่ะและฉันจะเล่าทุกอย่างให้น้าฟัง และฉันก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้น้าฟัง น้าตอบมาว่า "ชั้นควรที่เราคำพูดดูถูกของคนอื่น มาผลักดันตัวเองให้ดีขึ้นน่ะ" เป็นคำพูดของผู้หญิงสองคนที่ฉันรักที่สุดที่คอยพูดให้ฉันรู้สึกดีมากขึ้น มันทำให้ฉันกลับมาคิดอีกค่ะว่าถ้าวันหนึ่งฉันเกิดทำให้เขาผิดหวังฉันจะทำอย่างไร ถ้าเรียนจบออกมาแล้วหางานทำไม่ได้จะเป็นอย่างไร ฉันจะเงินให้เขาใช้ได้เมื่อไร แล้วเขาจะได้พักตอนไหน คำถามที่เกิดจากความคาดหวังของตัวเองเกิดขึ้นมากมาย ฉันไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไร.............
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่