[CR] เที่ยวรัวรัว : Café Hopping 12 คาเฟ่ในกรุงเทพ นั่งชิวเพลินๆ

สวัสดีค่ะ “พี่หยอดวัดยาง” จะพาไปนั่งชิวตามคาเฟ่ชิคๆกัน
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนไกล การไปหาคาเฟ่เก๋ๆ นั่งทานขนม ทานกาแฟ ชิวๆสบายๆ เม๊ามอยกับเพื่อนบ้าง นั่งอ่านหนังสือเล่นบ้าง หรือจะนั่งนิ่งๆหายใจเบาๆ ก็ทำให้วันหยุดอันแสนสั้นฟินกันได้รัวรัว เหมือนได้ไปชาร์ตแบตให้พร้อมกลับมาทำงานอีกครั้งในวันจันทร์...

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา “พี่หยอด” ก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนคาเฟ่อยู่หลายที่ค่ะ ใกล้บ้านบ้าง ไกลบ้านบ้าง (เพราะเสาร์อาทิตย์ก็ไม่มีทริปไปไหน)
ก็เลยถือโอกาสนี้รวบรวมรีวิวคาเฟ่ต่างๆ ที่ได้ไปมาฝากเพื่อนๆค่ะ
นับไปนับมา นับได้ 12 คาเฟ่ 12 สไตล์
แต่ละร้านก็มีแนวคิด การตกแต่งร้าน บรรยากาศ เมนู หรือแม้แต่ราคาที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง

ปล. หากมีที่ไหนเก๋ๆแนะนำอีก มีคอมเม้นกันไว้ได้เลยนะคะ จะได้ขอไปตามรอยเพื่อนๆบ้าง


ก่อนอื่นขอฝากแฟนเพจเล็กๆของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบเลย
จิ้มเข้าไปตามกันที่ Facebook Fanpage “เที่ยวรัวรัว”
www.facebook.com/travelruarua หรือที่ www.travelruarua.com

มาเริ่มกันเลยดีกว่า

1. “ชวนพิศมัย” Chuanpisamai Cafe’

จากบ้านพักในย่านอารีย์สัมพันธ์ ถูกปรับเปลี่ยนตกแต่งใหม่เป็นคาเฟ่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่หอมหวลชวนฝัน สไตล์วินเทจใช้สีโทรพาสเทลอ่อนๆ สร้างบรรยากาศให้ร้านโดนรวมดูอบอุ่น และเป็นมิตรกับแขกที่มาเยือน...

การได้มานั่งชิวในช่วงบ่ายๆนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งจิบชาสไตล์อังกฤษ อยู่กลางสวนเล็กๆในบ้านทำนองนั้น... ภายในร้านมีหลายมุมให้เราได้เลือกนั่งค่ะ แต่ละมุมมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไป ใช้วัสดุที่หลากหลายมา mix & match คุมโทนได้เป็นอย่างดี มีทั้งโซนเทอเรสหน้าบ้าน โซนที่นั่งริมทางเดิน และโซนที่นั่งภายในบ้าน และที่นี่ยังมีร้าน wedding studio เล็กๆอีกด้วย เจ้าสาวแนววินเทจน่าจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน

ที่ Chuanpisamai Cafe มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่มให้บริการ โดยน้องพนักงานจะเอาเมนูมาให้และรับออเดอร์จากที่โต๊ะเลยค่ะ
ไหนๆ ก็มาเยือนในบรรยากาศยามบ่ายหลังทานข้าวกลางวันเสร็จ เลยขอจัดน้ำชาและขนมมาทานเบาๆ
วันนี้สั่งชากุหลาบเย็น ชา Earl Grey และขนมที่เป็น signature ของร้านนี้ก็คือ CHUAN-MAI แพนเค้ก ที่ตกแต่งด้วยขนมสายไหมสีสวยๆ ผลไม้ และไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่ หน้าตาสวยงาม น่าทาน อร่อยใช้ได้ค่ะ เมนูนี้ราคา198 บาท

สิ่งที่ชอบมากๆ ก็คือร้านนี้เก็บทุกรายละเอียดจริงๆค่ะ แม้แต่จานช้อน ยังคงคอนเซ็ปท์ความวินเทจ
เรียกได้ว่า “ชวนพิศมัย” ตลอดเวลาที่อยู่ในร้านเลยทีเดียว...

สำหรับใครที่ชอบใช้เวลาว่างๆไปกับการนั่งชิวที่คาเฟ่ หรือหามุมถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่เป็นอีกที่ที่น่าสนใจค่ะ
การเดินทาง ร้าน Chuanpisamai Cafe ตั้งอยู่ในซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 (ปากซอยคือร้านปลาดิบ) ซอยตรงข้ามกับกรมประชาสัมพันธ์ พอเข้าซอยมาประมาณ 200 เมตร จะเจอร้านอยู่ทางขวามือค่ะ
เปิด 10.30-21.00 น. (ปิดวันจันทร์)
พิกัด Chuanpisamai café https://goo.gl/maps/2LqxtXjJHV32
ปล. ที่นี่ที่จอดรถหาค่อนข้างยากมากค่ะ แนะนำว่าถ้าไม่นำรถมาได้จะดีกว่า



2. N10 Cafe’

คาเฟ่ริมน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยฝั่งวังหลังค่ะ หากใครคุ้นเคยกับตลาดวังหลังเป็นอย่างดีก็น่าจะได้เคยเดินผ่านกันบ้าง แต่ถ้าใครยังไม่เคยไป ว่าง่ายๆ ร้านนี้อยู่ในซอยเล็กๆที่ขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยานั่นแหละค่ะ ผู้คนจะพลุกพล่านหน่อยเพราะแถววังหลังนี้ทั้งของกิน ของขายเพียบบบ

ร้าน N10 Cafe’ ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของ Baan Wanglang Riverside ค่ะ ถ้าเห็นชื่อโรงแรมนี้เมื่อไหร่ก็จะเจอกับร้านนี้เลย โดยภายในร้านจะมีโซนที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอกริมแม่น้ำค่ะ... และไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเลือกนั่งด้านนอก... ยิ่งในช่วงแดดร่มลมตกแล้วละก็ คนแน่นเลยค่ะ...
เป็นอีกหนึ่งร้านที่แอดชอบเป็นการส่วนตัว เพราะเป็นคนชอบอยู่ริมแม่น้ำไรงี้... ได้นั่งพักผ่อน ปล่อยอารมณ์ไปเพลินๆ มองไปฝั่งตรงข้ามก็จะเห็น landmark มากมายเช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่ามหาราช วัดพระแก้ว และสะพานพระราม 8
ที่นี่มีบริการทั้งเครื่องดื่มและขนมให้เลือกเยอะค่ะ ราคาก็จัดอยู่ระดับกลางๆไม่โหดมาก แอดสั่งเครื่องดื่มไป 2 แก้ว ราคารวม 150 บาท แลกกับวิวแบบนี้ จัดว่าคุ้ม!!

และนอกจาก N10 Cafe’ แล้วที่ Baan Wanglang Riverside ยังมีร้านอาหารไทยอยู่ที่ชั้น 2 ชื่อว่า ต้นมะกอก Tonmakok อร่อยดีแอดไปลองทานมาแล้ว ให้เป็นร้านรับแขกบ้านแขกเมืองได้เลย แต่ราคาก็จะสูงนิดนึง... และที่ดาดฟ้าของที่นี่ก็ยังมีบาร์ที่ฮิตมากๆ ก็คือ 342 Bar นั่นเอง สรุปคือมาที่เดียวทานได้ทั้งอาหารคาว ของหวาน และปิดท้ายด้วยดื่ม ฟินไปรัวรัวค่ะ

พิกัด N10café Baan Wanglang Riverside, Bangkok https://goo.gl/maps/F2vwV7MVnAy
ที่นี่ไม่มีที่จอดรถนะคะ ต้องหาที่จอดจากด้านนอก แอดเลือกที่จะจอดที่อาคารจอดรถของวัดระฆังฯ แล้วเดินเข้าซอยเรียบแม่น้ำมาไม่ไกลค่ะ (แวะไหว้พระก่อนก็ยังได้)



3. "Little Hide Out Cafe & Bakery"

ร้านคาเฟ่เล็กๆสไตล์อบอุ่นเหมือนนั่งทานอยู่ที่บ้าน (เพราะร้านนี้อยู่ในบ้านจริงๆ!)
ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้รอบๆ ตกแต่งด้วยโต๊ะไม้ ลงตัวสุดๆ ภายในร้านมีที่นั่งแบ่งเป็นหลายโซนค่ะ
โต๊ะในบ้านเหมือนนั่งในห้องรับแขกตากแอร์เย็นๆ  โต๊ะหน้าบ้านเหมือนนั่งชิวๆลมโกรก เม๊ามอยกับเพื่อนๆ และ...
โต๊ะหลังบ้านเหมือนนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ ติวหนังสือกับเดอะแก๊งค์

บอกเลยว่าทุกมุมน่านั่งหมดเลยล่ะ เลือกไม่ถูกเดินเลือกอยู่สองรอบ 555 ไปจบที่หลังบ้าน...
ส่วนเมนูขนมวันนี้ที่สั่งมาก็คือ Classic Scone แยมสตรอเบอร์รี่ อุ่นๆอร่อยค่ะ

พิกัด Little Hide Out https://goo.gl/maps/owj63nuBeo62
ร้านตั้งอยู่ปากซอยฉิมพลี จากเส้นบรมราชชนนี (ฝั่งขาเข้า) เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชพฤกษ์ ประมาณ 500 เมตร ซอยจะอยู่ซ้ายมือเลย (อย่าเผลอขึ้นสะพานนะ เลยแน่ๆ) ส่วนที่จอดรถ แปะได้หน้าร้านนะคะ


4. “Blue Whale Bangkok”

บริเวณท่าเตียนตอนนี้เต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านอาหารสวยๆเยอะแยะมากมายค่ะ แต่ที่สะดุดตามากๆก็คือ คาเฟ่ตึกแถวหนึ่งคูหาบรรยากาศ old town ถนนมหาราช ที่ตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศใต้ท้องทะเลสีฟ้าคราม มีปลาวาฬสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ประจำร้าน

ร้านนี้อาจจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีที่โต๊ะนั่งอยู่ประมาณ 10 โต๊ะเห็นจะได้ มีที่นั่งอยู่บนชั้น 2 ที่มีระเบียง และชั้นลอยที่มีโซนที่นั่งแบบญี่ปุ่น (ถอดรองเท้านั่งพื้น)
อย่างที่บอกไปว่าบรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งด้วย theme ใต้ทะเล เราเลยเหมือนได้เดินเข้าไปในโลกแห่งสีฟ้า ร้านตกแต่งได้ดูอบอุ่นและผ่อนคลาย มีภาพ painting ปลาวาฬอยู่หลายจุดย้ำตัวตนของร้าน...

เมื่อเข้าไปถึงจะเจอกับเคาเตอร์สั่งอาหารและเครื่องดื่มก่อนเลยค่ะ... วันนี้มาชิวๆทานเบาๆเลยสั่งแค่น้ำและขนมตามนี้
- Iced Butterfly Pea Latte ราคา 120 บาท อันนี้เป็นเมนูแนะนำเลยค่ะ เครื่องดื่มสีฟ้าลาเต้อัญชันหอมกลิ่นชินนามอน
- Iced Chocolate ราคา 100 บาท และ
- Pancake (Berry Crumble) ราคา 200 บาท
เมื่อสั่งแล้วเราก็จะได้เบอร์ แล้วก็ไปเลือกโต๊ะนั่งตามสบายเดี๋ยวจะมีพนักงานนำอาหารมาเสริฟให้ค่ะ
วันนี่เลือกนั่งที่ระเบียงชั้น 2 เพราะอากาศดีชิวมากๆค่ะ

ร้านเปิดเวลา 10.00-20.00 น. (ปิดวันพฤหัสบดี)
แนะนำว่ามาเร็วหน่อยก็ดีนะคะ คนไม่เยอะมาก...
เพราะเคยไปมาครั้งนึงแล้วช่วงบ่ายๆหน่อย โต๊ะเต็มต้องลงคิวไว้ยาวยืดเลยขอบาย ต้องกลับมาลองอีกทีวันหลัง
สำหรับใครที่เป็นสายชิว สายนั่งคาเฟ่ น่ามาลองค่ะ
ร้านสวยจริงๆไรจริง เก็บรายละเอียดทุก detail เลย
เผื่อมาไหว้พระวัดพระแก้ว เที่ยวเล่นแถวมิวเซียมสยาม ก็แวะมาพักขาได้ที่นี่ค่ะ

ร้านอยู่บริเวณท่าเตียนค่ะ ตรงข้ามวัดโพธิ์ (ถนนส่วนบุคคล ซอยเพ็ญพัฒน์ 1)
พิกัด Blue Whale Maharaj-Wat Pho. https://goo.gl/maps/UCjjppBYaB72
ที่จอดรถค่อนข้างหายาก แนะนำให้มาโดยรถสาธารณะหรือจอดแถวๆราชนาวีสโมสร (ท่าช้าง) แล้วเดินมาค่ะ



5. “โกปี๊ ยิ้มะไถ้กี่ ณ เสาชิงช้า”

ร้านกาแฟโบราณบรรยากาศคลาสสิคสไตล์สภากาแฟที่ยังหาได้ในกรุงเทพ...ร้านนี้เปิดมากว่า 13 ปีแล้วค่ะ จริงๆแล้วร้าน original อยู่ตรงแยกวิสุทธิกษัตริย์ อันนั้นเปิดมานานกว่า 60 ปี

ที่นี่มีทั้งอาหารคาว ของหวาน และเครื่องดื่มชากาแฟ
วันนี้มาเดินเล่นตอนบ่าย เลยสั่งมาทานขำขำ คือ กาแฟสูตร 1 เย็น , โกโก้เย็น เพิ่มวิปครีมเพราะที่ร้านเชียร์สุดๆบอกว่าวิปครีมที่ร้านทำเองนะจ๊ะ หวานมันกำลังดี... แก้วละ 60 บาท
และอีกเมนูเบาๆทานเล่นยามบ่ายก็คือ “โรติม” คือ โรตี+ไอติม นั้นเอง แต่โรตีที่นี่ไม่ได้มาแบบแบนๆนาจา แต่เป็นโรตีร้อนๆ ฟูๆกรอบๆ เสริฟพร้อมไอติมวนิลลาและวิปครีม ราคาจานละ 129 บาท

นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมายนะคะ เมนูเล่มหนาเชียวล่ะ... จะทานแบบจิงจังหรือจะทานแบบชิวๆก็แล้วแต่สะดวกเลย ร้านนี้เป็นแบบ self-service นะคะ สั่งอาหารที่เคาเตอร์ บอกเบอร์โต๊ะ แล้วรอเรียก

ร้านอยู่ติดกับศาลาว่าการกรุงเทพฯ อยู่ต้นซอยสำราญราษฏร์
พิกัด โกปี๊ยิ้มะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า https://goo.gl/maps/uATvuMi6HtP2
ถ้าใครขับรถมา แนะนำให้หาที่จอดข้างๆวัดสุทัศฯ นะคะ แต่ไม่เอารถไปดีที่สุด ! (เพราะที่จอดค่อนข้างหายาก)
ทานร้านนี้เสร็จ แถวนี้มีร้านอื่นน่าสนใจอีกเพียบ...

ชื่อสินค้า:   คาเฟ่ ร้านกาแฟ กรุงเทพ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่