สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของตัวเองหลังจากที่เป็นแฟนคลับพันธ์ทิพย์มานาน เมื่อวันก่อนหาข้อมูลการยื่นวีซ่าเชงเก้นประเทศสวีเดนจากกระทู้พันธุ์ทิพย์มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ข้อมูลที่ได้แต่ละครั้งนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่อัพเดทเพราะไม่มีใครเขียนสักเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่าสวีเดนอาจจะยังไม่เป็นประเทศยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ดังนั้นจึงตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าได้วีซ่าเชงเก้นมาแล้วก็ตั้งใจที่จะเอาประสบการณ์มาบอกต่อ เผื่อมีใครจะวางแผนไปเที่ยวในปีนี้ ก็จะได้มีการเตรียมเอกสารให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของสถานทูต และไม่ถูกปฏิเสธให้เสียความรู้สึกค่ะ
วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เป็นวีซ่าระยะสั้น ที่ใช้พำนักอยู่ในกลุ่มเชงเก้นไม่เกิน 90 วัน และมีจุดประสงค์เพื่อ
1 ท่องเที่ยว
2 เยี่ยมเยียนมิตรสหาย (รวมถึงคู่รัก)
3 เยี่ยมเยือน ญาติ
4 ติดต่อธุรกิจการค้าหรือการประชุม
เอกสารที่ใช้ยื่นก็จะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการเยือน และสถานทูตประเทศต่างๆที่อยู่ในขอบเขตของเชงเก้นเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการคัดกรองและออกวีซ่าให้กับผู้ไปเยือน
จุดประสงค์ที่เราจะไปประเทศสวีเดนคือ จะพาคุณลูก (คนสวีเดน) ไปเยี่ยมครอบครัวทางฝั่งของคุณพ่อค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วจุดประสงค์ก็ยังไม่ชัดเจนเพราะอยู่ระหว่างไปท่องเที่ยวหรือไปเยี่ยมญาติ ในเคสของเราไม่ได้ไปพักอาศัยอยู่กับคุณพ่อค่ะ เลยตัดสินใจยื่นขอวีซ่าเชงเก้นเพื่อการท่องเที่ยวดีกว่า เพราะสะดวกที่สุด แต่บอกเลยเอกสารต้องเป๊ะค่ะ ไม่งั้นวีซ่าโดนปฏิเสธโดยง่าย (เคยโดนมาแล้ว เสียใจ T_T) เอกสารหลักตาม check list ที่จะต้องมี ก็เป็นหางว่าวตามรายการด้านล่างเลยค่ะ
•
แบบฟอร์มการขอวีซ่าเชงเก้น
อันนี้จะต้องกรอกเอกสารให้ครบถ้วนชัดเจน และลงลายมือชื่อให้เหมือนในหนังสือเดินทาง เพื่อความสวยงาม สะดวก และเป็นระเบียบ เราสามารถกรอกแบบฟอร์มก่อนที่จะปริ๊นท์ออกมาได้ค่ะ แต่ถ้าใครคัดลายมือได้สวย จะลงมือเขียนเอาเองก็ไม่ว่ากัน
•
รูปถ่ายสี 1 ใบ ขนาด(45mm x 35mm)
อันนี้ไม่ต้องเตรียมไปค่ะ เพราะว่าทาง VFS จะถ่ายรูปและเก็บลายนิ้วมือเป็นข้อมูลไบโอเมตริก ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ขอวีซ่าจะต้องเข้าไปยื่นเอกสารด้วยตัวเอง
•
หนังสือเดินทางเล่มจริง
ต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันสุดท้ายที่ท่านเดินทางออกจากประเทศในกลุ่มเชงเก้น และใครที่เหลือหน้าน้อยๆ (คือน้อยกว่า 2 หน้า) จะต้องไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่หมดอายุก็ตาม แนะนำให้ตรวจสอบให้ละเอียดก่อนยื่นนะคะ
•
หนังสือเดินทางเล่มเก่า และวีซ่าที่เคยได้รับจากประเทศในกลุ่มเชงเก้น
อันนี้ใช้แค่ตัวสำเนา หากใครไม่เคยเข้าไปเหยียบเชงเก้นเลยแต่มีการตรวจลงตราหรือวีซ่าของประเทศอื่นๆ แนะนำให้ถ่ายแนบไปด้วยค่ะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเราก็เคยเดินทางออกจากประเทศบ้างนะ อย่างไรก็ตามอันนี้เป็นแค่เอกสารประกอบการพิจารณาของเจ้าหน้าที่สถานทูตเท่านั้น ใครที่เคยไปประเทศในกลุ่มเชงเก้นยังถูกปฏิเสธการให้วีซ่าก็มี (อย่างเราเป็นต้น)
•
ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า
จ่ายที่ VFS เลยค่ะ รับเงินสดเท่านั้นนะคะ ส่วนราคา ณ วันที่ 6 ก.พ. จะอยู่ที่ 3105 บาท
•
หนังสือรับรองการทำงาน หรือ สัญญาการว่าจ้างงานต้นฉบับ
เอกสารนี้สำคัญ เพราะเป็นเอกสารใบหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเรายังมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในประเทศไทย อันนี้ต้องระบุตำแหน่งงาน ระยะเวลาของสัญญาว่าจ้าง อัตราเงินเดือนที่ได้รับ และระบุรายละเอียดจากนายจ้างว่าอนุญาตให้ลาได้เป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ฝ่ายบุคคลแต่ละหน่วยงานจะมีแบบฟอร์มของตัวเองอยู่แล้วค่ะ แต่ตรงนี้อยากเพิ่มเติมให้ใส่ใบลาหรือว่าปฏิทินวันหยุดของบริษัท เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือว่าชั้นได้รับอนุญาตให้ไปเที่ยวละนะ แล้วก็จะกลับมาทำงานหลังจากเวลาที่กำหนด
•
ในกรณีที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือ เป็นเจ้าของธุรกิจ
อันนี้เราไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะไม่มีธุรกิจของตัวเอง แต่แนะนำว่าให้แสดงสำเนาเอกสารจดทะเบียนบริษัท จดทะเบียนพานิชย์จากกรมการค้าภายใน หรือเอกสารรับรองการถือหุ้นส่วน และหลักฐานรายได้ต่อปี ยังไงให้ผู้รู้เข้ามาตอบอีกทีนะคะ
•
ในกรณีนักเรียน
หนังสือรับรองจากโรงเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ จะเดินทางในช่วงเวลาปิดภาคการศึกษา และจะต้องแนบเอกสารที่รับรองว่าเข้ารับการลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษาถัดไปแล้วด้วย อันนี้คนที่ไม่ได้เรียนก็ข้ามไปข้อถัดไปเลยค่ะ
•
หลักฐานการเงินที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการพำนักอยู่ชั่วคราวตลอดระยะเวลาในต่างประเทศ
ได้แก่ สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากหรือหนังสือรับรองจากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันที่กำหนดคือ 450 โครน (ประมาณ 1755 บาท) ต่อวัน อันนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของเราว่าจะอยู่นานสักแค่ไหน แต่อย่างน้อยควรจะมีเงินในบัญชีอยู่ 5 หลักกลางๆ หรือปลายๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือค่ะ (ครั้งก่อนขอวีซ่ามีเงินในบัญชีอยู่ 19000 บาท ไปเที่ยวยุโรป 14 วัน แม้ว่าจะซื้อตั๋วเอาไว้แล้ว แลกเงินติดตัวไว้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ดูตรงนั้นก็เลยโดนปฏิเสธวีซ่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว) และหากใครมีสปอนเซอร์ก็จะต้องแนบหนังสือรับรอง พร้อมทั้งรายการเดินบัญชีของจากสปอนเซอร์ด้วยค่ะ
•
สำเนาการจองที่พัก/โรงแรม
แนะนำให้จองแบบยกเลิกได้ตามเว็บดังๆ เช่น
https://www.booking.com/ เผื่อว่าวีซ่าไม่ได้รับการอนุมัติเราก็ยังยกเลิกได้ทัน หากใครมั่นใจในรายการเดินบัญชี ที่สวยงามก็สามารถจองโรงแรมราคาถูกล่วงหน้าได้โดยไม่เสียโอกาส อันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนนะคะ
•
สำเนาการจองตั๋วเครื่องบินทั้งเที่ยวไปและกลับ
จริงๆแล้วไม่ควรจะจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่วีซ่าจะได้รับการอนุมัติ เราสามารถขอให้บริษัทขายตั๋วออกตั๋วชั่วคราวเพื่อเอาไว้ยื่นวีซ่าก่อนก็ได้ แล้วพอวีซ่าผ่านค่อยไปซื้อก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใครเป็นสายโหดอย่างเราจ่ายเงินซื้อตั๋วราคาถูกก่อนวันออกเดินทางนานๆ ก็ต้องมานั่งลุ้นกันอีกทีว่าวีซ่าจะผ่านไหม เอิ๊กๆๆ
•
สำเนากรมธรรม์ประกันสุขภาพสำหรับการเดินทาง
กรมธรรม์นี้จะต้องคุ้มครองค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาพยาบาลสำหรับเหตุฉุกเฉิน การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับบ้านและต้องมีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 30,000 ยูโร ในกลุ่มประเทศเชงเก้น เพื่อความมั่นใจควรเข้าไปตรวจสอบในเว็บของสถานทูตหรือ VFS และอีกอย่าง ควรจะหากรมธรรม์ที่สามารถคืนเงินได้หากวีซ่าไม่ผ่าน เพราะเราจะได้ไม่เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
•
โฉนดที่ดิน หรือ หลักฐานยืนยันความผูกพันกับบ้านเกิด
อันนี้เป็นเอกสารเพิ่มเติมจากปีก่อนๆ อาจจะเป็นทะเบียนบ้าน หรือเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หามาได้ ส่วนเรายื่นแต่ทะเบียนบ้านที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้านน่ะค่ะ ไม่มีปัญหา
•
แผนการเดินทาง
ควรจะทำแผนการเดินทางแบบกระชับแต่ชัดเจนให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าวันนี้ จะทำอะไร ที่ไหน และควรจะแนบใบจองการเดินทาง การเปลี่ยนเที่ยวบินด้วยค่ะ ถ้าอยากจะเพิ่มความชัดเจนให้มากขึ้น แนะนำให้ทำเอกสารแจกแจงรายจ่ายทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบว่าจะใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่จะได้เห็นว่าเรามีเงินเพียงพอที่จะไปเที่ยวโดยไม่ลำบาก
•
กรอกแบบสอบถาม สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว
อันนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลของแต่ละบุคคล แต่ต้องตอบตามความจริงทุกข้อค่ะ
***เดี๋ยวมาต่อเอกสารเพิ่มเติมนะคะ ความน่าเชื่อถือมันอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ***
Schengen Visa Sweden : ขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเก้นสวีเดน 2018 อย่างละเอียด
วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เป็นวีซ่าระยะสั้น ที่ใช้พำนักอยู่ในกลุ่มเชงเก้นไม่เกิน 90 วัน และมีจุดประสงค์เพื่อ
1 ท่องเที่ยว
2 เยี่ยมเยียนมิตรสหาย (รวมถึงคู่รัก)
3 เยี่ยมเยือน ญาติ
4 ติดต่อธุรกิจการค้าหรือการประชุม
เอกสารที่ใช้ยื่นก็จะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการเยือน และสถานทูตประเทศต่างๆที่อยู่ในขอบเขตของเชงเก้นเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการคัดกรองและออกวีซ่าให้กับผู้ไปเยือน
จุดประสงค์ที่เราจะไปประเทศสวีเดนคือ จะพาคุณลูก (คนสวีเดน) ไปเยี่ยมครอบครัวทางฝั่งของคุณพ่อค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วจุดประสงค์ก็ยังไม่ชัดเจนเพราะอยู่ระหว่างไปท่องเที่ยวหรือไปเยี่ยมญาติ ในเคสของเราไม่ได้ไปพักอาศัยอยู่กับคุณพ่อค่ะ เลยตัดสินใจยื่นขอวีซ่าเชงเก้นเพื่อการท่องเที่ยวดีกว่า เพราะสะดวกที่สุด แต่บอกเลยเอกสารต้องเป๊ะค่ะ ไม่งั้นวีซ่าโดนปฏิเสธโดยง่าย (เคยโดนมาแล้ว เสียใจ T_T) เอกสารหลักตาม check list ที่จะต้องมี ก็เป็นหางว่าวตามรายการด้านล่างเลยค่ะ
•แบบฟอร์มการขอวีซ่าเชงเก้น
อันนี้จะต้องกรอกเอกสารให้ครบถ้วนชัดเจน และลงลายมือชื่อให้เหมือนในหนังสือเดินทาง เพื่อความสวยงาม สะดวก และเป็นระเบียบ เราสามารถกรอกแบบฟอร์มก่อนที่จะปริ๊นท์ออกมาได้ค่ะ แต่ถ้าใครคัดลายมือได้สวย จะลงมือเขียนเอาเองก็ไม่ว่ากัน
•รูปถ่ายสี 1 ใบ ขนาด(45mm x 35mm)
อันนี้ไม่ต้องเตรียมไปค่ะ เพราะว่าทาง VFS จะถ่ายรูปและเก็บลายนิ้วมือเป็นข้อมูลไบโอเมตริก ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ขอวีซ่าจะต้องเข้าไปยื่นเอกสารด้วยตัวเอง
•หนังสือเดินทางเล่มจริง
ต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันสุดท้ายที่ท่านเดินทางออกจากประเทศในกลุ่มเชงเก้น และใครที่เหลือหน้าน้อยๆ (คือน้อยกว่า 2 หน้า) จะต้องไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่หมดอายุก็ตาม แนะนำให้ตรวจสอบให้ละเอียดก่อนยื่นนะคะ
•หนังสือเดินทางเล่มเก่า และวีซ่าที่เคยได้รับจากประเทศในกลุ่มเชงเก้น
อันนี้ใช้แค่ตัวสำเนา หากใครไม่เคยเข้าไปเหยียบเชงเก้นเลยแต่มีการตรวจลงตราหรือวีซ่าของประเทศอื่นๆ แนะนำให้ถ่ายแนบไปด้วยค่ะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเราก็เคยเดินทางออกจากประเทศบ้างนะ อย่างไรก็ตามอันนี้เป็นแค่เอกสารประกอบการพิจารณาของเจ้าหน้าที่สถานทูตเท่านั้น ใครที่เคยไปประเทศในกลุ่มเชงเก้นยังถูกปฏิเสธการให้วีซ่าก็มี (อย่างเราเป็นต้น)
•ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า
จ่ายที่ VFS เลยค่ะ รับเงินสดเท่านั้นนะคะ ส่วนราคา ณ วันที่ 6 ก.พ. จะอยู่ที่ 3105 บาท
•หนังสือรับรองการทำงาน หรือ สัญญาการว่าจ้างงานต้นฉบับ
เอกสารนี้สำคัญ เพราะเป็นเอกสารใบหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเรายังมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในประเทศไทย อันนี้ต้องระบุตำแหน่งงาน ระยะเวลาของสัญญาว่าจ้าง อัตราเงินเดือนที่ได้รับ และระบุรายละเอียดจากนายจ้างว่าอนุญาตให้ลาได้เป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ฝ่ายบุคคลแต่ละหน่วยงานจะมีแบบฟอร์มของตัวเองอยู่แล้วค่ะ แต่ตรงนี้อยากเพิ่มเติมให้ใส่ใบลาหรือว่าปฏิทินวันหยุดของบริษัท เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือว่าชั้นได้รับอนุญาตให้ไปเที่ยวละนะ แล้วก็จะกลับมาทำงานหลังจากเวลาที่กำหนด
•ในกรณีที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือ เป็นเจ้าของธุรกิจ
อันนี้เราไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะไม่มีธุรกิจของตัวเอง แต่แนะนำว่าให้แสดงสำเนาเอกสารจดทะเบียนบริษัท จดทะเบียนพานิชย์จากกรมการค้าภายใน หรือเอกสารรับรองการถือหุ้นส่วน และหลักฐานรายได้ต่อปี ยังไงให้ผู้รู้เข้ามาตอบอีกทีนะคะ
•ในกรณีนักเรียน
หนังสือรับรองจากโรงเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ จะเดินทางในช่วงเวลาปิดภาคการศึกษา และจะต้องแนบเอกสารที่รับรองว่าเข้ารับการลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษาถัดไปแล้วด้วย อันนี้คนที่ไม่ได้เรียนก็ข้ามไปข้อถัดไปเลยค่ะ
•หลักฐานการเงินที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการพำนักอยู่ชั่วคราวตลอดระยะเวลาในต่างประเทศ
ได้แก่ สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากหรือหนังสือรับรองจากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันที่กำหนดคือ 450 โครน (ประมาณ 1755 บาท) ต่อวัน อันนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของเราว่าจะอยู่นานสักแค่ไหน แต่อย่างน้อยควรจะมีเงินในบัญชีอยู่ 5 หลักกลางๆ หรือปลายๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือค่ะ (ครั้งก่อนขอวีซ่ามีเงินในบัญชีอยู่ 19000 บาท ไปเที่ยวยุโรป 14 วัน แม้ว่าจะซื้อตั๋วเอาไว้แล้ว แลกเงินติดตัวไว้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ดูตรงนั้นก็เลยโดนปฏิเสธวีซ่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว) และหากใครมีสปอนเซอร์ก็จะต้องแนบหนังสือรับรอง พร้อมทั้งรายการเดินบัญชีของจากสปอนเซอร์ด้วยค่ะ
•สำเนาการจองที่พัก/โรงแรม
แนะนำให้จองแบบยกเลิกได้ตามเว็บดังๆ เช่น https://www.booking.com/ เผื่อว่าวีซ่าไม่ได้รับการอนุมัติเราก็ยังยกเลิกได้ทัน หากใครมั่นใจในรายการเดินบัญชี ที่สวยงามก็สามารถจองโรงแรมราคาถูกล่วงหน้าได้โดยไม่เสียโอกาส อันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนนะคะ
•สำเนาการจองตั๋วเครื่องบินทั้งเที่ยวไปและกลับ
จริงๆแล้วไม่ควรจะจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่วีซ่าจะได้รับการอนุมัติ เราสามารถขอให้บริษัทขายตั๋วออกตั๋วชั่วคราวเพื่อเอาไว้ยื่นวีซ่าก่อนก็ได้ แล้วพอวีซ่าผ่านค่อยไปซื้อก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใครเป็นสายโหดอย่างเราจ่ายเงินซื้อตั๋วราคาถูกก่อนวันออกเดินทางนานๆ ก็ต้องมานั่งลุ้นกันอีกทีว่าวีซ่าจะผ่านไหม เอิ๊กๆๆ
•สำเนากรมธรรม์ประกันสุขภาพสำหรับการเดินทาง
กรมธรรม์นี้จะต้องคุ้มครองค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาพยาบาลสำหรับเหตุฉุกเฉิน การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับบ้านและต้องมีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 30,000 ยูโร ในกลุ่มประเทศเชงเก้น เพื่อความมั่นใจควรเข้าไปตรวจสอบในเว็บของสถานทูตหรือ VFS และอีกอย่าง ควรจะหากรมธรรม์ที่สามารถคืนเงินได้หากวีซ่าไม่ผ่าน เพราะเราจะได้ไม่เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
•โฉนดที่ดิน หรือ หลักฐานยืนยันความผูกพันกับบ้านเกิด
อันนี้เป็นเอกสารเพิ่มเติมจากปีก่อนๆ อาจจะเป็นทะเบียนบ้าน หรือเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หามาได้ ส่วนเรายื่นแต่ทะเบียนบ้านที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้านน่ะค่ะ ไม่มีปัญหา
•แผนการเดินทาง
ควรจะทำแผนการเดินทางแบบกระชับแต่ชัดเจนให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าวันนี้ จะทำอะไร ที่ไหน และควรจะแนบใบจองการเดินทาง การเปลี่ยนเที่ยวบินด้วยค่ะ ถ้าอยากจะเพิ่มความชัดเจนให้มากขึ้น แนะนำให้ทำเอกสารแจกแจงรายจ่ายทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบว่าจะใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่จะได้เห็นว่าเรามีเงินเพียงพอที่จะไปเที่ยวโดยไม่ลำบาก
•กรอกแบบสอบถาม สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว
อันนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลของแต่ละบุคคล แต่ต้องตอบตามความจริงทุกข้อค่ะ
***เดี๋ยวมาต่อเอกสารเพิ่มเติมนะคะ ความน่าเชื่อถือมันอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ***