นมัสเต
สวัสดีค่ะ หนอนฯมีโอกาสได้ไปอินเดียเป็นครั้งที่สามในชีวิต
เป็นย่านที่ไม่เคยไปมาก่อนด้วย ก็เลยตื่นเต้น และเมื่อไปถึงก็ลั้ลลา ตื่นตาตื่นใจค่ะ
เมื่อกลับมาถึง ก็เลยมีของฝากเป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง
เริ่มจากวีซ่า
ความจริงตอนแรกคิดว่าจะทำE-Visaค่ะ แต่เปลี่ยนใจ อยากได้multiple 1 year เพราะรุ่นน้องชวนไปเลห์ตอนเดือนตุลาคม เลยคิดว่าทำทีเดียว จะได้ไม่เสียเวลา เพราะหนอนฯเดินทางค่อนข้างบ่อย
เคยเขียนเรื่องการทำวีซ่าไว้ที่นี่ค่ะ
https://pantip.com/topic/37261021
การไปครั้งนี้ เป็นการไปกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เป็นเรื่องงานนิดหน่อยคือไปชมexhibitionทางด้านธุรกิจปศุสัตว์ที่เมืองปูเน่ในช่วงสองสามวันแรก และเวลาที่เหลือจะท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งมานั่งพิจารณาแล้วเข้าใจว่าไปแบบไม่มีใครเชิญ ไม่รู้จักใคร ไม่ได้ไปทำงานรับเงิน และแวะไปชมงานแสดงสินค้าเพียงไม่กี่วัน และใช้เวลาเหลือไปกับการท่องเที่ยวซึ่งเกิน70%ของเวลาทั้งหมด อีกทั้งทริปต่อๆไป ก็จะเป็นการเที่ยวล้วนๆ
หนอนฯและเพื่อนเลยยื่นขอTourist visaไป
แต่เพราะมีการเปลี่ยนแผน กลายเป็นหนึ่งในผู้ออกบูธเสียเอง ทำให้ดูเหมือนจะเป็นการใช้วีซ่าผิดประเภท เพราะไปเห็นว่าการไปลักษณะนี้ น่าจะเข้าข่ายBiz visaเสียมากกว่า
แต่เพราะได้Tourist visa มาแล้วก็เลยไม่ได้พยายามจะแก้ไขให้ถูกต้อง เนื่องจากหลังรับเล่มพาสปอร์ตคืน ก็มีการเดินทางไปต่างประเทศอีกหลายวัน กลับมาก็เตรียมบินไปอินเดียต่อเลย
ในกรณีของเพื่อนๆท่านใดที่วางแผนจะไปอินเดียด้วยเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว ก็ขอแนะนำว่ายื่นขอวีซ่าให้ถูกประเภทนะคะ เพราะว่าที่ตม.สนามบิน (หนอนฯใช้สนามบินมุมไบ) มีการซักถามค่อนข้างละเอียดทีเดียวค่ะ ดังนั้นหากมีการพบว่าเป็นการใช้วีซ่าผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ก็อาจมีปัญหาได้
Feb 6 Bangkok to Mumbai
หนอนฯใช้บริการTG เครื่องลงดึกค่ะราวๆสี่ทุ่ม หนอนฯเป็นคนรอบคอบนะคะ โดยเฉพาะเมื่อมีคนอื่นร่วมทางไปด้วย ไม่อยากพาคนอื่นไประเหเร่ร่อนตอนดึกๆ เลยตัดสินใจจองรถเช่าไปเมืองปูเน่ไว้ล่วงหน้า เพราะกลัวว่าไปถึงดึก กว่าจะรับกระเป๋าออกมาก็ราวห้าทุ่ม เกิดรถtaxiระหว่างเมืองขายดีไม่มีไปส่งเราที่ปูเน่คงจะยุ่งน่าดู
หนอนฯเลือกใช้บริการของเจ้านี้ค่ะ KK travels
http://www.kktravels.com
เมื่อเราไปถึงก็ดึกแล้ว ผ่านตม.ที่ซักถามค่อนข้างเยอะ (ทั้งสองเคาน์เตอร์ที่หนอนฯและเพื่อนเข้าไปรับการตรวจลงตรา) แต่ไม่มีปัญหาอะไร
รับกระเป๋า ผ่านจุดตรวจศุลกากรแล้วก็เดินออกมาเลยค่ะ
ท่านใดต้องการซื้อsim แลกเงิน ก็จัดไปตรงที่ออกมาเจอเคาน์เตอร์นี่แหละ
Sim airtel ถ้าซื้อต้องรออีกประมาณหกชั่วโมงถึงจะใช้ได้ ส่วนหนอนฯเองใช้sim2fly ที่ซื้อไปจากสุวรรณภูมิ เปิดเครื่องปุ๊ปก็ใช้เนตได้เลย (มุมไบ ปูเน่ มังกะลอร์ ออรังกาบัด ใช้การได้ดีมากค่ะ)
หลังจากนั้น ก็เดินออกมานอกอาคาร เราจะเห็นคนที่มายืนรอรับ ชูป้ายเยอะแยะไปหมด เพราะสนามบินห้ามคนนอกเข้า(ทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งหนอนฯว่ามันเข้าท่า ดูไม่วุ่นวายดี)
คนของKKก็มีป้ายมาแปะตรงนี้ ใช้ตัวอักษรKK สีแดงสะดุดตาดี ไม่มีชื่อเรา แต่เข้าใจง่าย เพราะเราจองรถของบริษัทชื่อนี้
ก็เดินมาคุยกัน พนักงานจะเช็คชื่อ และส่งต่อให้คนขับรถนำไปขึ้นรถที่อาคารจอดค่ะ แล้วก็ออกตัว
รถที่ได้สภาพดี คนขับก็มารยาทการขับขี่ดีมาก ระหว่างทางไปปูเน่ในเวลาดึกจัดนั้น แม้ระยะทางไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตร แต่คนขับก็จะแวะที่จุดพักรถหนึ่งครั้งค่ะราวๆ10นาที ซึ่งก็ขอแนะนำว่าจะดื่มชา เข้าห้องน้ำก็ทำได้
และควรทำถ้าเป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อย เพราะหลังจากนั้นจะเป็นทางขึ้นเขา ซึ่งมีรถบรรทุกหนักเยอะมาก เราเสียเวลาไปมากพอดู รวมเวลาไปถึงโรงแรมที่ปูเน่ก็สามชั่วโมง ก็ถึงโรงแรมที่อยู่ก่อนเข้าตัวเมืองปูเน่ ถ้าหากพักในเมือง ก็ต้องไปต่ออีกราวๆ20นาที (ยังไม่รวมเวลาขับรถวนหาโรงแรม ถ้าคนขับไม่เคยไป ดังนั้นเตรียมเบอร์โทรโรงแรมไว้ให้คนขับโทรถามทางด้วยนะคะ )
(อาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ หากมีรถติดในปูเน่และมุมไบนะคะ ดังนั้นใครจะกลับจากปูเน่มามุมไบ โดยเฉพาะเวลาช่วงเช้า เย็น ก็เผื่อไว้ราวๆสี่ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย)
Feb 7
เราถึงโรงแรมก็ล่วงเข้าวันใหม่ ดังนั้นแนะนำว่าให้แจ้งทางที่พักไว้ล่วงหน้าว่าจะเข้าพักช้า เขาจะได้ไม่ยกเลิกการจองของเราเพราะคิดว่า no show
โรงแรมที่เลือกพักคือ Grand Exotica Hotel อยู่ชานเมือง แต่ใกล้ศูนย์จัดแสดงสินค้า Auto cluster exhibition centerเพียงประมาณ3กม.ค่ะ เป็นโรงแรมที่ดีมาก สะอาด บริการดี อาหารอร่อยใช้ได้ (ขึ้นอยู่กับเมนูที่คุณสั่ง) ส่วนอาหารเช้าหนอนฯกินได้แต่ ขนมปังกับไข่ โรงแรมนี้มีสปาไทย (ที่ฮิตมากในปูเน่ เพราะเห็นมีหลายเจ้าลงโฆษณาในหนังสือท่องเที่ยวปูเน่ที่มีแจก) มีห้องออกกำลังกาย
ข้อเสียฉกาจฉกรรจ์เพียงอย่างเดียวที่พบ ( พักชั้น7ค่ะ)คือ ห้องไม่เก็บเสียงค่ะ เสียงรถยนต์ หวูดรถไฟ เสียงลากกระเป๋าหรือคุยกันตรงทางเดินหน้าห้อง เสียงปิดประตู ได้ยินค่อนข้างชัด เพื่อนหนอนฯได้ห้องหน้าลิฟท์ แย่หน่อย แต่ที่แย่ที่สุดคือบริเวณใกล้โรงแรมมีงานพิธีกรรม (กรรมของหนอนฯและเพื่อน

) พิธีอะไรไม่ทราบ ระหว่างช่วง2-4ทุ่มโดยประมาณ มีเสียงเครื่องดนตรีประโคมดังมาก เจอเข้าไป 3 จาก 5 คืนที่เข้าพัก ยังดีที่ไม่ดึกไปกว่านี้
ข้อดีอีกอย่างของโรงแรมนี้คือ มีห้างขนาดเล็กและซุปเปอร์มาร์เก็ตค่อนข้างใหญ่อยู่ใกล้ๆค่ะ ช่วงที่ไปมีสตอร์เบอรี่และองุ่นให้เลือกเยอะเชียว
ช่วงเช้าเรากินมื้อเช้าที่โรงแรม และหนอนฯก็ให้โรงแรมเรียกTaxi ( ที่นี่นิยมใช้อูเบอร์กันค่ะ ) ตัดสินใจเหมา ให้พาไปเที่ยวในเมือง และพาไปศูนย์แสดงสินค้าเพื่อจัดบูธ และรอรับกลับเพราะกลัวว่าจะหารถไม่ได้ (ซึ่งก็เดาได้แม่นมาก เพราะวันที่ไปจัดบูธ ไม่มีรถสามล้อมารอรับคนหน้าสถานที่จัดงานเลย และมันก็อยู่โดดเดี่ยว ห่างไกลจากแหล่งชุมชน)
เนื่องจากบูธของหนอนฯและเพื่อนมันเป็นการจัดแบบง่ายๆ แค่แปะๆป้ายสี่แผ่นก็จบ เพราะส่วนใหญ่เราใช้แสดงข้อมูลผ่านจอทีวีค่ะ เรียกว่าจัดบูธชั่วโมงเดียวก็เสร็จ ก็เลยคิดว่าพาเพื่อนไปร่อนในเมืองก่อน
จุดสำคัญคือวัดคณปติ ที่อยู่ใจกลางเมือง มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีผู้ศรัทธามาสักการะเนืองแน่นตลอดทั้งวัน หนอนฯเองไม่ได้เป็นผู้ศรัทธา เพราะยึดมั่นในพระธรรมของพระพุทธองค์ แต่ด้วยหลงใหลในความเป็นอินเดีย เคยได้เป็นนักศึกษาหลักสูตรปริญญาโทอินเดียศึกษามาแล้วด้วย ก็เกิดอาการ "ร้อนวิชา" อยากจะพาเพื่อนไป "โชว์ภูมิ" เสียหน่อยค่ะ อีกทั้งเราทั้งคู่เป็นพ่อค้าแม่ค้า สำหรับคนอินเดียท่านก็ว่าต้องบูชาองค์คณปติ เราก็ "เอามั่ง" เพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากจริงค่ะ คนมาเยอะมากเลย
https://www.tripadvisor.in/Attraction_Review-g297654-d2520937-Reviews-Shreemant_Dagdusheth_Halwai_Sarvajanik_Ganpati-Pune_Pune_District_Maharashtra.html
เราเดินฝากกระเป๋าก่อน และเดินมาเลือกซื้อของบูชา และสามารถฝากรองเท้าไว้ที่ร้านได้
ทางเดินเข้าจะมีแยกชายหญิงเพื่อตรวจอาวุธ
ของบูชาจะเป็นผลไม้ ดอกไม้ หญ้า ขนมหวาน ซึ่งล้วนเป็นพืชทั้งหมด ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์นะคะ

หนอนฯพบว่ามีแม่ๆพาลูกน้อยมาขอพรเยอะมากค่ะ วิธีการคือ อุ้มไปที่ด้านหน้า และพราหมณ์ท่านจะมารับมาอุ้มเบบี๋ไปแตะที่องค์เทพก่อนจะนำมาส่งคืนคุณแม่ ใช้เวลาแป๊ปเดียวค่ะ พวกตัวจิ๋วยังไม่ทันได้รู้สึกอะไร ยังไม่ทันได้โวยวายร้องไห้อะไร คุณแม่ก็อุ้มออกไปด้วยใบหน้ายิ้มย่องผ่องใสแล้ว หนอนฯเอง ก็เดินตามพวกสาวๆไป พอถึงตรงหน้าที่บูชา พราหมณ์ท่านก็รับตะกร้าของถวายไป เราโน้มตัวลงแสดงอาการคารวะองค์เทพด้วยความเต็มใจ แต่พลาดไป ลืมหยิบของบางอย่างในตะกร้าที่พราหมณ์ท่านส่งคืนมา
มารู้ตัวก็เมื่อเห็นหลายคน เอาของที่ได้คืนมาถวายในจุดอื่นๆ เช่นเอาขนมไปวางที่หน้ารูปปั้นหนูหล่อด้วยเงิน
"มุสิกะ" เป็นพาหนะขององค์เทพ บางคนไม่ได้วางเฉยๆแต่ป้ายขนมที่ปากรูปปั้นหนูด้วยค่ะ หนอนฯเสียดาย ไม่ได้ป้อนขนมตรงรูปหล่อนี้
หมายเหตุ ในวิหารนั้นห้ามถ่ายรูปค่ะ
หนอนฯและเพื่อนออกมาด้วยสีหน้าผ่องใสเช่นกัน การมาสักการะสถาน ที่ไม้ได้มีการค้าเอะอะมะเทิ่งแฝงตัวไปทั่ว ให้ความรู้สึกดีๆที่ปลอดโปร่งใจ ไม่อึดอัดค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นชมโบราณสถานอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกล ( Shaniwar Wada ) ก่อนจะไปจัดบูธกัน
https://www.tripadvisor.in/Attraction_Review-g297654-d321429-Reviews-Shaniwar_Wada-Pune_Pune_District_Maharashtra.html
.....เล็กๆน้อยๆจากทริปมุมไบ ปูเน่ มังกะลอร์ ออรังกาบัด (Feb 6-15,2018).....
สวัสดีค่ะ หนอนฯมีโอกาสได้ไปอินเดียเป็นครั้งที่สามในชีวิต
เป็นย่านที่ไม่เคยไปมาก่อนด้วย ก็เลยตื่นเต้น และเมื่อไปถึงก็ลั้ลลา ตื่นตาตื่นใจค่ะ
เมื่อกลับมาถึง ก็เลยมีของฝากเป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง
เริ่มจากวีซ่า
ความจริงตอนแรกคิดว่าจะทำE-Visaค่ะ แต่เปลี่ยนใจ อยากได้multiple 1 year เพราะรุ่นน้องชวนไปเลห์ตอนเดือนตุลาคม เลยคิดว่าทำทีเดียว จะได้ไม่เสียเวลา เพราะหนอนฯเดินทางค่อนข้างบ่อย
เคยเขียนเรื่องการทำวีซ่าไว้ที่นี่ค่ะ
https://pantip.com/topic/37261021
การไปครั้งนี้ เป็นการไปกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เป็นเรื่องงานนิดหน่อยคือไปชมexhibitionทางด้านธุรกิจปศุสัตว์ที่เมืองปูเน่ในช่วงสองสามวันแรก และเวลาที่เหลือจะท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งมานั่งพิจารณาแล้วเข้าใจว่าไปแบบไม่มีใครเชิญ ไม่รู้จักใคร ไม่ได้ไปทำงานรับเงิน และแวะไปชมงานแสดงสินค้าเพียงไม่กี่วัน และใช้เวลาเหลือไปกับการท่องเที่ยวซึ่งเกิน70%ของเวลาทั้งหมด อีกทั้งทริปต่อๆไป ก็จะเป็นการเที่ยวล้วนๆ
หนอนฯและเพื่อนเลยยื่นขอTourist visaไป
แต่เพราะมีการเปลี่ยนแผน กลายเป็นหนึ่งในผู้ออกบูธเสียเอง ทำให้ดูเหมือนจะเป็นการใช้วีซ่าผิดประเภท เพราะไปเห็นว่าการไปลักษณะนี้ น่าจะเข้าข่ายBiz visaเสียมากกว่า
แต่เพราะได้Tourist visa มาแล้วก็เลยไม่ได้พยายามจะแก้ไขให้ถูกต้อง เนื่องจากหลังรับเล่มพาสปอร์ตคืน ก็มีการเดินทางไปต่างประเทศอีกหลายวัน กลับมาก็เตรียมบินไปอินเดียต่อเลย
ในกรณีของเพื่อนๆท่านใดที่วางแผนจะไปอินเดียด้วยเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว ก็ขอแนะนำว่ายื่นขอวีซ่าให้ถูกประเภทนะคะ เพราะว่าที่ตม.สนามบิน (หนอนฯใช้สนามบินมุมไบ) มีการซักถามค่อนข้างละเอียดทีเดียวค่ะ ดังนั้นหากมีการพบว่าเป็นการใช้วีซ่าผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ก็อาจมีปัญหาได้
Feb 6 Bangkok to Mumbai
หนอนฯใช้บริการTG เครื่องลงดึกค่ะราวๆสี่ทุ่ม หนอนฯเป็นคนรอบคอบนะคะ โดยเฉพาะเมื่อมีคนอื่นร่วมทางไปด้วย ไม่อยากพาคนอื่นไประเหเร่ร่อนตอนดึกๆ เลยตัดสินใจจองรถเช่าไปเมืองปูเน่ไว้ล่วงหน้า เพราะกลัวว่าไปถึงดึก กว่าจะรับกระเป๋าออกมาก็ราวห้าทุ่ม เกิดรถtaxiระหว่างเมืองขายดีไม่มีไปส่งเราที่ปูเน่คงจะยุ่งน่าดู
หนอนฯเลือกใช้บริการของเจ้านี้ค่ะ KK travels
http://www.kktravels.com
เมื่อเราไปถึงก็ดึกแล้ว ผ่านตม.ที่ซักถามค่อนข้างเยอะ (ทั้งสองเคาน์เตอร์ที่หนอนฯและเพื่อนเข้าไปรับการตรวจลงตรา) แต่ไม่มีปัญหาอะไร
รับกระเป๋า ผ่านจุดตรวจศุลกากรแล้วก็เดินออกมาเลยค่ะ
ท่านใดต้องการซื้อsim แลกเงิน ก็จัดไปตรงที่ออกมาเจอเคาน์เตอร์นี่แหละ
Sim airtel ถ้าซื้อต้องรออีกประมาณหกชั่วโมงถึงจะใช้ได้ ส่วนหนอนฯเองใช้sim2fly ที่ซื้อไปจากสุวรรณภูมิ เปิดเครื่องปุ๊ปก็ใช้เนตได้เลย (มุมไบ ปูเน่ มังกะลอร์ ออรังกาบัด ใช้การได้ดีมากค่ะ)
หลังจากนั้น ก็เดินออกมานอกอาคาร เราจะเห็นคนที่มายืนรอรับ ชูป้ายเยอะแยะไปหมด เพราะสนามบินห้ามคนนอกเข้า(ทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งหนอนฯว่ามันเข้าท่า ดูไม่วุ่นวายดี)
คนของKKก็มีป้ายมาแปะตรงนี้ ใช้ตัวอักษรKK สีแดงสะดุดตาดี ไม่มีชื่อเรา แต่เข้าใจง่าย เพราะเราจองรถของบริษัทชื่อนี้
ก็เดินมาคุยกัน พนักงานจะเช็คชื่อ และส่งต่อให้คนขับรถนำไปขึ้นรถที่อาคารจอดค่ะ แล้วก็ออกตัว
รถที่ได้สภาพดี คนขับก็มารยาทการขับขี่ดีมาก ระหว่างทางไปปูเน่ในเวลาดึกจัดนั้น แม้ระยะทางไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตร แต่คนขับก็จะแวะที่จุดพักรถหนึ่งครั้งค่ะราวๆ10นาที ซึ่งก็ขอแนะนำว่าจะดื่มชา เข้าห้องน้ำก็ทำได้
และควรทำถ้าเป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อย เพราะหลังจากนั้นจะเป็นทางขึ้นเขา ซึ่งมีรถบรรทุกหนักเยอะมาก เราเสียเวลาไปมากพอดู รวมเวลาไปถึงโรงแรมที่ปูเน่ก็สามชั่วโมง ก็ถึงโรงแรมที่อยู่ก่อนเข้าตัวเมืองปูเน่ ถ้าหากพักในเมือง ก็ต้องไปต่ออีกราวๆ20นาที (ยังไม่รวมเวลาขับรถวนหาโรงแรม ถ้าคนขับไม่เคยไป ดังนั้นเตรียมเบอร์โทรโรงแรมไว้ให้คนขับโทรถามทางด้วยนะคะ )
(อาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ หากมีรถติดในปูเน่และมุมไบนะคะ ดังนั้นใครจะกลับจากปูเน่มามุมไบ โดยเฉพาะเวลาช่วงเช้า เย็น ก็เผื่อไว้ราวๆสี่ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย)
Feb 7
เราถึงโรงแรมก็ล่วงเข้าวันใหม่ ดังนั้นแนะนำว่าให้แจ้งทางที่พักไว้ล่วงหน้าว่าจะเข้าพักช้า เขาจะได้ไม่ยกเลิกการจองของเราเพราะคิดว่า no show
โรงแรมที่เลือกพักคือ Grand Exotica Hotel อยู่ชานเมือง แต่ใกล้ศูนย์จัดแสดงสินค้า Auto cluster exhibition centerเพียงประมาณ3กม.ค่ะ เป็นโรงแรมที่ดีมาก สะอาด บริการดี อาหารอร่อยใช้ได้ (ขึ้นอยู่กับเมนูที่คุณสั่ง) ส่วนอาหารเช้าหนอนฯกินได้แต่ ขนมปังกับไข่ โรงแรมนี้มีสปาไทย (ที่ฮิตมากในปูเน่ เพราะเห็นมีหลายเจ้าลงโฆษณาในหนังสือท่องเที่ยวปูเน่ที่มีแจก) มีห้องออกกำลังกาย
ข้อเสียฉกาจฉกรรจ์เพียงอย่างเดียวที่พบ ( พักชั้น7ค่ะ)คือ ห้องไม่เก็บเสียงค่ะ เสียงรถยนต์ หวูดรถไฟ เสียงลากกระเป๋าหรือคุยกันตรงทางเดินหน้าห้อง เสียงปิดประตู ได้ยินค่อนข้างชัด เพื่อนหนอนฯได้ห้องหน้าลิฟท์ แย่หน่อย แต่ที่แย่ที่สุดคือบริเวณใกล้โรงแรมมีงานพิธีกรรม (กรรมของหนอนฯและเพื่อน
ข้อดีอีกอย่างของโรงแรมนี้คือ มีห้างขนาดเล็กและซุปเปอร์มาร์เก็ตค่อนข้างใหญ่อยู่ใกล้ๆค่ะ ช่วงที่ไปมีสตอร์เบอรี่และองุ่นให้เลือกเยอะเชียว
ช่วงเช้าเรากินมื้อเช้าที่โรงแรม และหนอนฯก็ให้โรงแรมเรียกTaxi ( ที่นี่นิยมใช้อูเบอร์กันค่ะ ) ตัดสินใจเหมา ให้พาไปเที่ยวในเมือง และพาไปศูนย์แสดงสินค้าเพื่อจัดบูธ และรอรับกลับเพราะกลัวว่าจะหารถไม่ได้ (ซึ่งก็เดาได้แม่นมาก เพราะวันที่ไปจัดบูธ ไม่มีรถสามล้อมารอรับคนหน้าสถานที่จัดงานเลย และมันก็อยู่โดดเดี่ยว ห่างไกลจากแหล่งชุมชน)
เนื่องจากบูธของหนอนฯและเพื่อนมันเป็นการจัดแบบง่ายๆ แค่แปะๆป้ายสี่แผ่นก็จบ เพราะส่วนใหญ่เราใช้แสดงข้อมูลผ่านจอทีวีค่ะ เรียกว่าจัดบูธชั่วโมงเดียวก็เสร็จ ก็เลยคิดว่าพาเพื่อนไปร่อนในเมืองก่อน
จุดสำคัญคือวัดคณปติ ที่อยู่ใจกลางเมือง มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีผู้ศรัทธามาสักการะเนืองแน่นตลอดทั้งวัน หนอนฯเองไม่ได้เป็นผู้ศรัทธา เพราะยึดมั่นในพระธรรมของพระพุทธองค์ แต่ด้วยหลงใหลในความเป็นอินเดีย เคยได้เป็นนักศึกษาหลักสูตรปริญญาโทอินเดียศึกษามาแล้วด้วย ก็เกิดอาการ "ร้อนวิชา" อยากจะพาเพื่อนไป "โชว์ภูมิ" เสียหน่อยค่ะ อีกทั้งเราทั้งคู่เป็นพ่อค้าแม่ค้า สำหรับคนอินเดียท่านก็ว่าต้องบูชาองค์คณปติ เราก็ "เอามั่ง" เพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากจริงค่ะ คนมาเยอะมากเลย
https://www.tripadvisor.in/Attraction_Review-g297654-d2520937-Reviews-Shreemant_Dagdusheth_Halwai_Sarvajanik_Ganpati-Pune_Pune_District_Maharashtra.html
เราเดินฝากกระเป๋าก่อน และเดินมาเลือกซื้อของบูชา และสามารถฝากรองเท้าไว้ที่ร้านได้
ทางเดินเข้าจะมีแยกชายหญิงเพื่อตรวจอาวุธ
ของบูชาจะเป็นผลไม้ ดอกไม้ หญ้า ขนมหวาน ซึ่งล้วนเป็นพืชทั้งหมด ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์นะคะ
หนอนฯพบว่ามีแม่ๆพาลูกน้อยมาขอพรเยอะมากค่ะ วิธีการคือ อุ้มไปที่ด้านหน้า และพราหมณ์ท่านจะมารับมาอุ้มเบบี๋ไปแตะที่องค์เทพก่อนจะนำมาส่งคืนคุณแม่ ใช้เวลาแป๊ปเดียวค่ะ พวกตัวจิ๋วยังไม่ทันได้รู้สึกอะไร ยังไม่ทันได้โวยวายร้องไห้อะไร คุณแม่ก็อุ้มออกไปด้วยใบหน้ายิ้มย่องผ่องใสแล้ว หนอนฯเอง ก็เดินตามพวกสาวๆไป พอถึงตรงหน้าที่บูชา พราหมณ์ท่านก็รับตะกร้าของถวายไป เราโน้มตัวลงแสดงอาการคารวะองค์เทพด้วยความเต็มใจ แต่พลาดไป ลืมหยิบของบางอย่างในตะกร้าที่พราหมณ์ท่านส่งคืนมา
มารู้ตัวก็เมื่อเห็นหลายคน เอาของที่ได้คืนมาถวายในจุดอื่นๆ เช่นเอาขนมไปวางที่หน้ารูปปั้นหนูหล่อด้วยเงิน
"มุสิกะ" เป็นพาหนะขององค์เทพ บางคนไม่ได้วางเฉยๆแต่ป้ายขนมที่ปากรูปปั้นหนูด้วยค่ะ หนอนฯเสียดาย ไม่ได้ป้อนขนมตรงรูปหล่อนี้
หมายเหตุ ในวิหารนั้นห้ามถ่ายรูปค่ะ
หนอนฯและเพื่อนออกมาด้วยสีหน้าผ่องใสเช่นกัน การมาสักการะสถาน ที่ไม้ได้มีการค้าเอะอะมะเทิ่งแฝงตัวไปทั่ว ให้ความรู้สึกดีๆที่ปลอดโปร่งใจ ไม่อึดอัดค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นชมโบราณสถานอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกล ( Shaniwar Wada ) ก่อนจะไปจัดบูธกัน
https://www.tripadvisor.in/Attraction_Review-g297654-d321429-Reviews-Shaniwar_Wada-Pune_Pune_District_Maharashtra.html