Facebook/www.facebook.com/tsubame.chiangmaiทริปนี้เราเริ่มออกเดินทางจากอำเภอ ไชยปราการ เวลาหกโมงเช้า^^  แล้วแวะเติมน้ำมันให้เต็มถังไว้ก่อนที่ปั๊มบางจาก อ.แม่แตง จากนั้น ขับรถไปทางอำเภอปาย ถนนหมายเลข 1095 ขับไปเรื่อยๆ จนมาถึง สะพานประวัติศาตร์ท่าปาย
จากนั้น ก็ออกเดินทางกันต่อ ขับรถผ่าน อ.ปาย ตรงไปทาง ไป จ.แม่ฮ่องสอน  ขับรถไปสักพัก สังเกตุจะมีป้ายบอกทางไป " น้ำพุร้อนไทรงาม "  ทางก็จะแคบนิดนึง ต้องระมัดระวังพอสมควร  สักพัก เราก็มาถึง....น้ำพุร้อนที่นี่ ใสมาก จนมองเห็นเม็ดทรายที่อยู่ใต้น้ำได้ชัดเจน เล่นยังไงก็ไม่ขุ่น อุณหภูมิน้ำก็อุ่นพอเหมาะ ชาวต่างชาติก็ชอบมากันเยอะ เราก็ลงแช่รวมกัน  ถ้าใครมาที่นี่ ก็จะเห็นสาวๆชาวต่างชาติใส่แต่ชุดบิกินี่ลงแช่น้ำแร่กันเป็นกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลย การแช่น้ำแร่ของที่นี่เป็นบ่อท่ามกลางธรรมชาติคล้ายลำธาร ต้องแช่รวมกันหมด ทั้งหญิงและชาย น้ำพุร้อนไทรงามนี้ ให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากการแช่น้ำแร่ที่อื่นๆ ซึ่งใครยังไม่เคยมาต้องมาสักครั้ง  ^^ จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าสู่    "ปางอุ๋ง"   

ระหว่างทาง มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ขอติดรถขึ้นไปด้วย เพื่อไปวิ่งออกกำลังกาย โดยการจอดมอไซค์ทิ้งไว้เพื่อตั้งเป้าหมายในการวิ่ง แล้วขอติดรถขึ้นไปลงที่หน้าทางเข้า พระตำหนักปางตอง เพื่อวิ่งลงมาหารถให้ได้  ทั้งๆที่ใกล้จะมืดแล้ว  นี่สินะ ชีวิตแบบ  "Slow life"....555   เมื่อถึงหน้าพระตำหนักปางตองแล้ว เขาก็ลงไป   แต่เราก็เจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกคน กำลังจะเดินลากกระเป๋าขึ้นไปนอนที่ปางอุ๋ง แต่...  เดินขึ้นเขาระยะทางประมาณ สิบกว่ากิโล ในเวลาใกล้จะมืด เนี่ยนะ   ไหนๆเราก็จะไปที่เดียวกันก็เลยชวนเขาขึ้นรถไปด้วย รู้สึกว่าเขาจะ แฮปปี้มาก555  แล้วเราก็มาถึง "ปางอุ๋ง"  มีที่พักหลากหลายแบบให้เลือก มีทั้งแบบกางเต้นท์  เกสต์เฮาส์ มีของโครงการ และของเอกชน  เราเลือกพักที่ รวมไทยเกสต์เฮาส์ เพราะยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำเลยที่นี่บรรยากาศดีมากๆ เหมาะที่จะมาพักผ่อน พอเริ่มมืดเราก็รีบอาบน้ำแล้วมาล้อมวงปิ้ง-ย่างกินกัน จนอิ่ม แล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน  หุหุพอรุ่งขึ้น เราก็ออกมาเดินเล่น สัมผัสอากาศเย็นสบาย มีหมอกจางๆลอยอยู่เหนือน้ำ ช่างเป็นอะไรที่สวยงามมากๆ     เดินเล่นสักพัก เราก็มานั่งจิบกาแฟร้อนๆ   พอดีมีร้านอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำ จากนั้น เราก็ออกเดินทางไปยังพระตำหนักปางตอง   ไปอุ้มแกะกันที่นี่ เลี้ยงปลาชนิดที่มีไข่แพงที่สุดในโลกด้วยจากนั้นก็ฝึกกังฟู3กระบวนท่า
จาก นั้นเราก็ลงมาที่ สะพาน "ซูตองเป้"  สะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ออกจากซูตองเป้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วรู้สึกเริ่มหิวพวกเราก็ช่วยกันมองหาร้านอาหาร จนเจอ "ร้านลาบเมืองแพร่ "  ร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลย กินอิ่มกันแล้ว ก็เดินทางต่อไปวัดพระธาตุดอยกองมูที่นี่ มีร้านกาแฟที่วิวสวยมากมากด้วย ชื่อร้าน  ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา จากวัดดอยกองมูก็ไปกันต่อที่ ถ้ำปลาผาเสื่อ ที่นี่มีปลาเยอะมาก (ปลาพวง)  และปลาที่นี่ "ชอบกินผัก"   ชาวบ้านที่นี่ไม่กล้าจับปลากิน เพราะปลาสายพันธุ์นี้ชอบกิพืช และบางทีก็กินพืชที่มีพิษเข้าไปแล้วทำให้มีพิษสะสมคนที่จับมากินก็จะได้รับพิษไปด้วย และคนบางกลุ่มก็มีความเชื่อว่าเป็นปลาเจ้าพ่อผาเสื่อจากนั้นก็เดินทางไปกันต่อ  ที่ "ถ้ำน้ำลอด"  เป็นถ้ำขนาดใหญ่อลังการต้องล่องแพเพื่อชมถ้ำ ถ้าเป็นฤดูน้ำหลากเขาห้ามเข้า ภายในจะมีถ้ำแยกอีกสามถ้ำ ต้องมีคนนำทางถึงจะไปถูก ในถ้ำนี้ยังมีร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ ในยุดก่อนประวัติศาตร์อีกด้วย มีโลงผีแมน โครงกระดูก และภาพเขียนฝาผนัง ใช้เวลาเที่ยวชมถ้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากเที่ยวมาหลายที่ ก็ได้เวลาเดินทางกลับ ระหว่างทางกลับบ้านเราก็แวะชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่ "ดอยกิ่วลม" ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากอีกที่หนึ่ง  ขนาดนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่พักที่ปายยังขับรถขึ้นมา ทั้งๆที่ระยะทาง ไกลพอสมควร"แม่ฮ่องสอน ดินแดนแห่งขุนเขา"  เหมาะแก่การเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ  เพราะการเดินทางมีทั้งขึ้นเขา ลงเขา โค้งคดเคี้ยวไปมาทำให้ใช้เวลานานในการเดินทาง และอีกอย่าง สำหรับคนที่ไม่ชินทาง อาจเวียนหัวได้ง่ายๆ  หวังว่าบันทึกการเดินทางครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ท่านที่ติดตามอ่าน ขอบคุณครับ สำหรับการติดตาม........