สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ผมบอกให้ในฐานะที่ผมเองก็ทำงานบริษัทและธุรกิจส่วนตัว ไปด้วยพร้อมกัน ๆ
1. ผมห้ามไว้เสมอ อย่าแอดไลน์หรือ face กับเพื่อนร่วมงานโดยเฉพาะหัวหน้างาน อย่า.เด็ดขาด...... ไม่มีผลดีกับเราทั้งสิ้น
1.1 ถ้าที่ทำงานจำเป็นต้องใช้ไลน์หรือ face ในการสื่อสาร ให้มีไอดีไลน์หรือเฟส แยกออกมาต่างหาก จากเรื่องส่วนตัวกับเรื่องธุรกิจ รวมถึงเรื่องงาน
1.2 ไม่จำเป็นอย่าโพสต์ เรื่องอะไรในไลน์หรือเฟส โชว์คนอื่น เพราะคนอื่นมาส่องดูเรา
1.3 ลบเพื่อนร่วมงานและเจ้านายออกจากเฟสไปเลย ต่อให้เราไม่ทำธุรกิจส่วนตัวก็อย่ารับเพื่อนร่วมงานกับหัวหน้างานเข้ามาในชีวิตเรา
https://pantip.com/topic/36912286
2. อย่าขายของให้เพื่อนร่วมงาน อนาคตเขาอาจเป็นลูกค้าของคุณ แต่วันนี้อาจยังไม่ใช่เพราะคุณยังทำงานที่เดียวกับเค้าอยู่ รักษาสถานะตรงนี้ไว้ดีกว่า เพราะเรายังทำงานบริษัทเดียวกัน ไว้ย้ายไปที่อื่นค่อยว่ากัน
3. พยายามรักษาความลับให้มากที่สุดว่าเราทำอาชีพอื่น หรืองานนอกเวลา ห้ามบอกใครในบริษัทแม้กระทั่งคนสนิทที่สุด ว่าเรามีอาชีพอื่นนอกเหนืองานประจำ ถ้าเลี่ยงไม่ได้มีคนอื่นรู้ให้บอกว่าเป็นกิจการที่บ้านหรือของแฟน สามี พี่สาว อื่น ๆ เป็นต้น อย่ายอมรับว่าเป้นกิจการของตัวเอง รับก็ให้รับแค่ครึ่งเดียว
ตามปกติแล้วปัจจุบันนี้ทำงานประจำอย่างเดียว รายได้ไม่พอแดรก เยอะแยะไปครับ เพราะว่าสังคมบ้านเรามันถูกกดค่าแรงไว้ต่ำ แต่ค่าครองชีพแพง หลายคนเลยมาทำอาชีพอื่นนอกเหนืองานประจำมากขึ้น เพราะว่า
- รายได้ไม่พอ (ไม่เกี่ยวกับฟุ่มเฟือย ) แต่รายได้ปัจจุบันน้อยไม่สอดคล้อง มันไม่เหมือนต่างประเทศที่เจริญแล้วค่าแรงเขาแพงกว่า
- คนที่รายได้สูง ๆ จริง ๆ มันมีไม่กี่คนในบริษัท นอกนั้นคนส่วนใหญ่รายได้น้อย ที่รายได้เป็นแสน ๆ บางคนยังเทรดหุ้น หรือทำอาชีพอื่นไปด้วยเลย เจ้านายคนที่บอกให้ทุ่มเททำงานให้บริษัทเพราะรายได้เขาเยอะกว่าคุณหลายเท่า หรือเป็นเจ้าของ พูดแบบเค้าก็พูดได้ แต่เราต้องมองดูตัวเองว่าเราเป็นยังไง
- ผมเคยทำงานบรษัทใหญ่ ๆ มาก่อน เคยเจอคนจบการศึกษาดีจาก ตปท เงินเดือนสูงกว่าเรามากมาย เราไม่มีทางไปถึงจุดนั้นด้วยการศึกษา ป.ตรีธรรมดา ๆ อยากมีรายได้หลายแสนบาท / เดือน แบบเค้า ทำงานประจำเงินเดือนน้อยนิด พัฒนาตัวเองยังไงก็ก้าวไปไม่ถึงจุดนั้นหรอกครับ ที่บอกให้พัฒนาตนเองคำพูดหลอกเด็กครับ
- บริษัทไม่ได้เลี้ยงเราไปตลอด หลายคนจึงต้องหาทางอื่นรองรับเวลาตกงาน หรือยามเกษียณ
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติครับ แต่ไม่ควรไปบอกใคร หรือโพทนาบอกใครว่าเราทำอะไร ชีวิตเราเราต้องก้าวเดินไปครับ ไม่มีใครมาช่วยเราได้บริษัทก็ไม่ได้เลี้ยงเราไปจนตาย แต่ต้องแบ่งแยกเวลาให้เหมาะสม และวางตัวให้เหมาะสม
1. ผมห้ามไว้เสมอ อย่าแอดไลน์หรือ face กับเพื่อนร่วมงานโดยเฉพาะหัวหน้างาน อย่า.เด็ดขาด...... ไม่มีผลดีกับเราทั้งสิ้น
1.1 ถ้าที่ทำงานจำเป็นต้องใช้ไลน์หรือ face ในการสื่อสาร ให้มีไอดีไลน์หรือเฟส แยกออกมาต่างหาก จากเรื่องส่วนตัวกับเรื่องธุรกิจ รวมถึงเรื่องงาน
1.2 ไม่จำเป็นอย่าโพสต์ เรื่องอะไรในไลน์หรือเฟส โชว์คนอื่น เพราะคนอื่นมาส่องดูเรา
1.3 ลบเพื่อนร่วมงานและเจ้านายออกจากเฟสไปเลย ต่อให้เราไม่ทำธุรกิจส่วนตัวก็อย่ารับเพื่อนร่วมงานกับหัวหน้างานเข้ามาในชีวิตเรา
https://pantip.com/topic/36912286
2. อย่าขายของให้เพื่อนร่วมงาน อนาคตเขาอาจเป็นลูกค้าของคุณ แต่วันนี้อาจยังไม่ใช่เพราะคุณยังทำงานที่เดียวกับเค้าอยู่ รักษาสถานะตรงนี้ไว้ดีกว่า เพราะเรายังทำงานบริษัทเดียวกัน ไว้ย้ายไปที่อื่นค่อยว่ากัน
3. พยายามรักษาความลับให้มากที่สุดว่าเราทำอาชีพอื่น หรืองานนอกเวลา ห้ามบอกใครในบริษัทแม้กระทั่งคนสนิทที่สุด ว่าเรามีอาชีพอื่นนอกเหนืองานประจำ ถ้าเลี่ยงไม่ได้มีคนอื่นรู้ให้บอกว่าเป็นกิจการที่บ้านหรือของแฟน สามี พี่สาว อื่น ๆ เป็นต้น อย่ายอมรับว่าเป้นกิจการของตัวเอง รับก็ให้รับแค่ครึ่งเดียว
ตามปกติแล้วปัจจุบันนี้ทำงานประจำอย่างเดียว รายได้ไม่พอแดรก เยอะแยะไปครับ เพราะว่าสังคมบ้านเรามันถูกกดค่าแรงไว้ต่ำ แต่ค่าครองชีพแพง หลายคนเลยมาทำอาชีพอื่นนอกเหนืองานประจำมากขึ้น เพราะว่า
- รายได้ไม่พอ (ไม่เกี่ยวกับฟุ่มเฟือย ) แต่รายได้ปัจจุบันน้อยไม่สอดคล้อง มันไม่เหมือนต่างประเทศที่เจริญแล้วค่าแรงเขาแพงกว่า
- คนที่รายได้สูง ๆ จริง ๆ มันมีไม่กี่คนในบริษัท นอกนั้นคนส่วนใหญ่รายได้น้อย ที่รายได้เป็นแสน ๆ บางคนยังเทรดหุ้น หรือทำอาชีพอื่นไปด้วยเลย เจ้านายคนที่บอกให้ทุ่มเททำงานให้บริษัทเพราะรายได้เขาเยอะกว่าคุณหลายเท่า หรือเป็นเจ้าของ พูดแบบเค้าก็พูดได้ แต่เราต้องมองดูตัวเองว่าเราเป็นยังไง
- ผมเคยทำงานบรษัทใหญ่ ๆ มาก่อน เคยเจอคนจบการศึกษาดีจาก ตปท เงินเดือนสูงกว่าเรามากมาย เราไม่มีทางไปถึงจุดนั้นด้วยการศึกษา ป.ตรีธรรมดา ๆ อยากมีรายได้หลายแสนบาท / เดือน แบบเค้า ทำงานประจำเงินเดือนน้อยนิด พัฒนาตัวเองยังไงก็ก้าวไปไม่ถึงจุดนั้นหรอกครับ ที่บอกให้พัฒนาตนเองคำพูดหลอกเด็กครับ
- บริษัทไม่ได้เลี้ยงเราไปตลอด หลายคนจึงต้องหาทางอื่นรองรับเวลาตกงาน หรือยามเกษียณ
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติครับ แต่ไม่ควรไปบอกใคร หรือโพทนาบอกใครว่าเราทำอะไร ชีวิตเราเราต้องก้าวเดินไปครับ ไม่มีใครมาช่วยเราได้บริษัทก็ไม่ได้เลี้ยงเราไปจนตาย แต่ต้องแบ่งแยกเวลาให้เหมาะสม และวางตัวให้เหมาะสม
แสดงความคิดเห็น
เจ้านายคิดอย่างไรกับการขายของออนไลน์ ???
เพื่อนเล่าว่า เจ้านายเพ่งเล็งเรื่องขายของออนไลน์ คราวที่แล้ว เพื่อนยอมรับว่าไปโพสต์ในเวลางาน แล้วเจ้านายเตือนในที่ประชุม เพื่อนก็ยอมรับ แต่ก็มีบ่นๆว่า คนอื่นที่ไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟสกับเจ้านาย ทำมาก่อน ไม่เคยมีปัญหา และก็ยังเห็นทำอยู่ เราก็เตือนไปว่า มันเวลางาน เขาจ่ายตังค์จ้างเรา คงไม่อยากให้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น เราก็ไม่โพสต์ ก็คงไม่เป็นไร ก็จบกันไป
หลังจากนั้น เพื่อนไม่เคยโพสต์ในเวลางาน แต่คือ มีคนมาเล่าว่า เจ้านายให้คนส่องเฟสเพื่อน และคุยกับเพื่อนว่า อยากให้พัฒนาตัวเอง และทำงานให้ดีกว่านี้ อยากให้เอาเวลามาใช้ครีเอตงานอย่างเต็มที่
เพื่อนเกิดเครียดค่ะ เพราะเพื่อนบอกมันดูแปลกๆ และคือพอมีเรื่องขายของออนไลน์ มีน้องคนนึงที่ถูกกดดันจนต้องลาออก เพราะไม่ยอมเลิกขาย เพื่อนก็เลยกลัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์นั้นหรือเปล่า
พอเราฟัง แบบพยายามเก็บทุกเม็ด กลัวพลาดบอกเลย 55 เราก็เลยคุยกับเพื่อนไป
เจ้านายเขาคาดหวังกับเพื่อนไว้สูงมาก เพราะเขารู้ว่า หัวหน้าของเพื่อน ทำอย่างที่เขาอยากให้ทำไม่ได้ ทุกอย่างเลยมาลงที่เพื่อน เราค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้านายไม่ได้ต้องการกดดันให้เพื่อนลาออก แต่กดดันเพื่อให้เพื่อนพยายามจะปรับเปลี่ยนบางอย่าง ให้ครีเอตงานให้งานดีขึ้นมากกว่า และการขายของออนไลน์มันทำให้เจ้านายคิดว่า เราเอามันสมองไปคิดหาทางขายของมากกว่าจะใช้ในการครีเอตงาน และเราก็คิดว่า ปัญหาทุกอย่างที่เพื่อนกลัว ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เกิดจากเจ้านาย ส่วนหนึ่งเกิดจากการฟังความจากคนอื่น จริงว่า คนที่มาบอกเพราะหวังดี เขาไม่ได้โกหก แต่เราคิดว่า เขาอาจจะไม่เข้าใจจุดประสงค์จริงๆของเจ้านายทำก็ได้ ทำไมเราถึงคิดแบบนั้น เพราะเราค่อนข้างรู้ระบบของงานเพื่อน รวมทั้งรู้จักเจ้านายเพื่อนด้วย
เราบอกเพื่อนว่า ให้สงสารเจ้านายให้มาก ตอนนี้พี่เขากดดันหลายอย่าง และเพราะสนิทกับเพื่อน เลยคาดหวังกับเพื่อนไว้มาก สุดท้ายเราก็สรุปกันว่า เพื่อนจะพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้ดีขึ้น ครีเอตงานให้แปลกใหม่ขึ้น
และเราก็จบบทสนทนา และรอฟังผลของการเปลี่ยนแปลง
หลายคนอาจสงสัยว่า การขายของออนไลน์ ไม่ได้ขายเวลางาน ไม่น่ามีปัญหา แต่อาจลืมไปว่า แทนที่เราจะใช้เวลางานไปคิดหาวิธีทำงานให้ดีขึ้น เราใช้เวลาส่วนหนึ่งในการคิด ครีเอตวิธีการขายของ เพียงแต่ไม่ได้โพสต์ในเวลางานเท่านั้น เราอาจจะไม่ได้รู้ตัว แต่เจ้านายจะรู้ เพราะเอาว์พุทคืองานที่ออกมา และส่วนหนึ่ง เจ้านายของเพื่อนต้องการจะปรับเปลี่ยนอะไรในบริษัท จึงอยากจะหาคนช่วย ซึ่งเพื่อนถูกคาดหวังสูง แต่พอในเฟส เพื่อนกลับใส่ใจการขายของมาก ทำให้เจ้านายคิดไปว่า เพื่อนไม่ได้ตั้งใจทำงานอย่างที่ควร ลืมบอกไปค่ะ เพื่อนทำงานเกี่ยวกับสื่อทีวี ซึ่งต้องใช้การครีเอตสูง
เอามาเล่าให้ฟังค่ะ เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง บางครั้งมุมมองของลูกน้องกับเจ้านายไม่เหมือนกัน เราก็ต้องพยายามไปด้วยกัน เพราะถ้าเจ้านายประคับประคองกิจการของตัวเองไว้ไม่ได้ ลูกน้องก็คงต้องตกงานเช่นกัน