คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับทุกความคิดเห็น ซึ่งช่วยเราได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
เราคิดละ เราตัดสินใจที่จะเอาที่ดินไว้ค่ะ
แต่ต้องคุยกับธนาคารให้ได้ว่ามีวิธีไหนที่สามารถโอนทั้งที่ดินและหนี้สินมาเป็นของเราเลย
เพราะเรามีวิธีในการชำระหนี้ให้หมดภายใน 5 ปีได้ละค่ะ
จากเงินเดือน เราสามารถชำระหนี้ได้ประมาณปีละสองแสนห้า
และเรามีเงินไว้สำหรับการลงทุนล้านกว่าบาท
ส่วนที่ดินนั้น เราไม่ปล่อยเช่า ก็ไม่จำเป็นต้องรื้อบ้านแม่ที่เป็นทางเข้าออก หรือสร้างบ้านใหม่ใดๆ
ทุกคนก็ยังอาศัยอยู่ในที่ดินข้างนอกสวนได้เหมือนเดิม
แต่เราจะกั้นรั้วลวดหนามตลอดทั้งสวนเพื่อกันคนเข้าในที่ดิน
และล้อมสแลมทับลวดหนามเพื่อไม่ให้เห็นว่าทำอะไรในนั้น
โดยมีประตูทางเข้าด้านหน้าที่เดียว ที่เปิดล็อคไว้แค่ตอนเข้าสวน หลังคนงานกลับก็ปิดล็อค
ถ้าจะมีคนคิดเข้ามาขโมยของในสวน ก็หาวิธีทำไป แต่ก็ให้เขาทำยาก ๆ หน่อย
โดยเว้นที่ให้พ่อปลูกผัก หรือเพาะปลูกเพื่อไม่ให้แกรู้สึกว่าไม่มีอะไรทำ สักครึ่งไร่
ส่วนในนั้นเราจะทำแปลงเห็ด และพืชตามที่คิดไว้ เพราะเห็ดแค่รดน้ำเช้าเย็น แต่เก็บรอบเช้าครั้งเดียว
ส่วนพืชผักที่ปลูก ก็รดน้ำใส่ปุ๋ย และเก็บขายได้เรื่อย ๆ จนกว่าต้นจะหมดสภาพ
ก็ทำแค่นี้ เพราะปลูกฝรั่งต้องดูแลเยอะ ถ้าเราไปทำเองไม่ได้ ก็ปลูกผักหมุนเวียนน่าจะดีกว่า
ส่วนลูกจ้าง เริ่มแรกอาจจะจ้างคนมาเก็บ ดูผลผลิตก่อนจะได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าคุ้มกับการจ้างลูกจ้างถาวรมาดูแล ค่อยหาลูกจ้างพม่ามาทำงาน
โดยเริ่มแรกก็จ้างคนรู้จักมาทำเรื่องเกี่ยวกับเขียนบิลส่งของ โดยให้แม่ดูอยู่ด้วย
เสาร์ อาทิตย์ เราถึงกลับไปดูแลเอง
ถ้ามีรายได้เพิ่มเราก็จะมีเงินใช้หนี้มากขึ้น และแบ่งเงินให้พวกเขาได้กินใช้ด้วย
แก้ไขข้อความ เพราะบังเอิญส่งไลน์คุยกับเจ้าหน้าที่ ธกส. เขาพึ่งส่งกลับมาพอดี
เขาบอกวันที่รับโอนหนี้ และทำเรื่องโอนที่ดินที่กรมที่ดินด้วย เขาทำให้เลยในวันเดียวกันค่ะ
มีหนทางแล้วค่ะ
ที่เหลือก็ลงมือทำค่ะ.

เราคิดละ เราตัดสินใจที่จะเอาที่ดินไว้ค่ะ
แต่ต้องคุยกับธนาคารให้ได้ว่ามีวิธีไหนที่สามารถโอนทั้งที่ดินและหนี้สินมาเป็นของเราเลย
เพราะเรามีวิธีในการชำระหนี้ให้หมดภายใน 5 ปีได้ละค่ะ
จากเงินเดือน เราสามารถชำระหนี้ได้ประมาณปีละสองแสนห้า
และเรามีเงินไว้สำหรับการลงทุนล้านกว่าบาท
ส่วนที่ดินนั้น เราไม่ปล่อยเช่า ก็ไม่จำเป็นต้องรื้อบ้านแม่ที่เป็นทางเข้าออก หรือสร้างบ้านใหม่ใดๆ
ทุกคนก็ยังอาศัยอยู่ในที่ดินข้างนอกสวนได้เหมือนเดิม
แต่เราจะกั้นรั้วลวดหนามตลอดทั้งสวนเพื่อกันคนเข้าในที่ดิน
และล้อมสแลมทับลวดหนามเพื่อไม่ให้เห็นว่าทำอะไรในนั้น
โดยมีประตูทางเข้าด้านหน้าที่เดียว ที่เปิดล็อคไว้แค่ตอนเข้าสวน หลังคนงานกลับก็ปิดล็อค
ถ้าจะมีคนคิดเข้ามาขโมยของในสวน ก็หาวิธีทำไป แต่ก็ให้เขาทำยาก ๆ หน่อย
โดยเว้นที่ให้พ่อปลูกผัก หรือเพาะปลูกเพื่อไม่ให้แกรู้สึกว่าไม่มีอะไรทำ สักครึ่งไร่
ส่วนในนั้นเราจะทำแปลงเห็ด และพืชตามที่คิดไว้ เพราะเห็ดแค่รดน้ำเช้าเย็น แต่เก็บรอบเช้าครั้งเดียว
ส่วนพืชผักที่ปลูก ก็รดน้ำใส่ปุ๋ย และเก็บขายได้เรื่อย ๆ จนกว่าต้นจะหมดสภาพ
ก็ทำแค่นี้ เพราะปลูกฝรั่งต้องดูแลเยอะ ถ้าเราไปทำเองไม่ได้ ก็ปลูกผักหมุนเวียนน่าจะดีกว่า
ส่วนลูกจ้าง เริ่มแรกอาจจะจ้างคนมาเก็บ ดูผลผลิตก่อนจะได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าคุ้มกับการจ้างลูกจ้างถาวรมาดูแล ค่อยหาลูกจ้างพม่ามาทำงาน
โดยเริ่มแรกก็จ้างคนรู้จักมาทำเรื่องเกี่ยวกับเขียนบิลส่งของ โดยให้แม่ดูอยู่ด้วย
เสาร์ อาทิตย์ เราถึงกลับไปดูแลเอง
ถ้ามีรายได้เพิ่มเราก็จะมีเงินใช้หนี้มากขึ้น และแบ่งเงินให้พวกเขาได้กินใช้ด้วย
แก้ไขข้อความ เพราะบังเอิญส่งไลน์คุยกับเจ้าหน้าที่ ธกส. เขาพึ่งส่งกลับมาพอดี
เขาบอกวันที่รับโอนหนี้ และทำเรื่องโอนที่ดินที่กรมที่ดินด้วย เขาทำให้เลยในวันเดียวกันค่ะ
มีหนทางแล้วค่ะ
ที่เหลือก็ลงมือทำค่ะ.


แสดงความคิดเห็น
ระหว่างปล่อยที่ดินให้เช่า กับหาคนมาลงทุนร่วมกัน หรือมันมีวิธีอื่นไหม ใครแนะนำได้บ้างไหมคะ
เนื่องจากพ่อเอาที่ดินไปจำนองไว้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ชำระหนี้มาหลายปี จนตอนนี้หนี้ทบต้นแล้ว
ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆ ก็รับจ้างทำงานข้างนอก ไม่มีใครทำสวน เพราะไม่มีเงินลงทุน
ประกอบกับพี่น้องหลายคน ถ้าคนใดคนหนึ่งทำ คนที่ไม่ได้ทำก็อาจจะเขม่นหรือขอส่วนแบ่ง
ส่วนเราแยกตัวออกมาอยู่กรุงเทพฯ นานแล้ว จะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ก็แล้วแต่เทศกาลหรือวันหยุดหลายวัน
และช่วยค่าใช้จ่ายทางบ้านบ้าง โดยโอนเข้าบัญชีให้เขาทุกเดือน ไม่ได้มากแต่ก็สม่ำเสมอ
เราเคยลงทุนซื้อคอนโดให้เช่าหนึ่งครั้ง และขายออกเมื่อปีที่แล้ว ได้กำไรมาล้านกว่าบาท
และกำลังดาวน์ที่ใหม่ และจะสร้างเสร็จกลางปีหน้า เป้าหมายคือปล่อยเช่า
โดยคิดว่าจะสำรองเงินบางส่วนไว้จ่ายธนาคาร เผื่อหาคนเช่าไม่ได้
เงินที่เหลือก็ลงทุนในตลาดหุ้น ตามโอกาสบ้าง
อยู่ ๆ จนท. ธกส. ก็โทรมาหาเรา เพราะแม่ให้เบอร์เราไปกับเขา
ว่าจะดำเนินคดี เอาที่ดินที่จำนองไว้ไปขายทอดตลาด ลูก ๆ คนไหนที่มีรายได้พอจะชำระแทน
หรือสามารถขายที่ดินบางส่วนชำระหนี้ธนาคารได้บ้าง
เราเลยมาคิด ๆๆ ที่ดินพ่อแบ่งขายด้านหน้าไป ตอนนี้เหลือทางเข้าออก พอสำหรับรถกระบะหนึ่งคัน น่าจะขายยากละ
แต่ถ้าเรารับชำระหนี้แทน ถ้าชำระหมด เราได้ที่ดินมา 8 ไร่ พ่อแม่พี่น้องก็ยังอาศัยอยู่ที่นี่ได้
ปีหนึ่งน่าจะชำระหนี้ประมาณ 2 แสนกว่า ๆ
เงินเดือนเราหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็น แล้วจ่ายหนี้ ธกส. ด้วย น่าจะตึงมากเกินไป
เราเลยคิดจะปล่อยเช่าแทน แต่ก็มีคนมาบอกว่า ที่ดินให้เช่าไร่ละ 2,000 บาทต่อปี แม่เจ้าถ้างั้นก็ได้มาแค่ 16,000 บาทต่อปีแค่นั้นเอง
เราเลยคิดจะหาคนมาลงทุนร่วม ที่ดินตรงนี้ ทำเป็นร่องสวนแล้ว ทางเข้าติดถนน ปลายสวนติดคลอง
ปลูกพืชผักงอกงามดี แต่ไม่มีคนทำ ถ้าเราไปทำเอง ก็เกรงว่าจะเสี่ยงเกินไป หากพลาดขึ้นมา เงินเดือนประจำไม่มีแล้ว คงแป๊ก
เราเลยคิดว่าถ้าปลูกพืชหมุนเวียน พวกพริก ถั่วฝักยาว แตงกวา มะละกอ สัก 2 ร่อง
ในส่วนที่เป็นร่องน้ำ ก็ปลูกไม้เลื้อยเถา ทำลวดขึงเหนือน้ำ ปลูกบวบ มะระ ดอกขจร ถั่วพู
และเว้นเอาไว้หนึ่งร่องทำโรงเห็ด เป็นเพาะเห็ดฟาง เห็หูหนู เห็ดฮังการี เห็ดภูฎาณ
และเหลืออีก 3 ร่อง ปลูกฝรั่งกิมจู เพราะที่บ้านปลูกฝรั่งมาตลอด เก็บขายได้ทุกอาทิตย์
คราวนี้ทุนเราพอมีสำหรับการลงทุน แต่เราไม่มีคนดูแล ถึงแม้คิดว่าจะจ้างคนมาดูแลแทน ก็ไม่รู้จะจ้างใคร ไว้ใจได้ไหม
ถ้าให้เช่าที่ดิน 16,000 ต่อปี เราว่าเราปลูกผัก ทำโรงเห็ด ดูแลบ้าง ไม่ดูแลบ้าง ยังน่าจะได้เงินมากกว่า 16,000 บาทต่อปี
หรือถ้าอีกทาง คือ หาคนมาลงทุนร่วม ที่ดินเราไม่คิดเงิน แต่รายได้ ค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุน ก็หารกัน
หรือเขามีไอเดียในการลงทุนปลูกอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากที่เราคิด ก็คุยกันได้
หรือเงินเราแต่จ้างเขาลงทุน ดูแลแทน ก็จะเสี่ยงไปไหม
และอาจจะลองทำเรื่องหาคนพม่ามาทำงาน ซึ่งน่าจะ 2 คน กินอยู่กับเรา
แต่ปัญหาสำหรับเราตอนนี้ คือ คนที่จะมาดูแลจัดการในสวน
ตอนนี้เริ่มเครียดแล้วค่ะ
ไหนจะงานประจำ คอนโด หุ้น และที่ดินอีก
ตอนนี้คิดจะทำกับข้าวห่อไปกินมื้อเที่ยงที่ทำงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย
และอาจจะหาที่พักที่ใกล้ที่ทำงานขึ้น แล้วปั่นจักรยานไปทำงานด้วยค่ะ
เราจะทำยังไงดีค่ะ หรือเพื่อน ๆ มีข้อแนะนำทางไหนบ้างไหมคะ