“แต่งงานกับพี่นะอุ่น แล้วเราย้ายไปอยู่อเมริกากัน” สิ้นคำพูดนี้อุษณาถือช้อนค้าง นิพิทขอเธอแต่งงานชนิดโพล่งขึ้นดื้อๆ ขณะสองคนนั่งกินข้าว แต่นั่นก็ไม่ประหลาดใจเท่ากับเรื่องที่เธอจะต้องได้ไปอยู่ต่างประเทศ
เขากับหล่อนเจอกันราวพรหมลิขิต ในวันที่นิพิทไปทำธุระที่ตึกซึ่งอุษณาทำงานอยู่ ตึกแห่งนี้สร้างเพื่อให้เช่าโดยเฉพาะ และแยกลิฟต์ตามชั้นความสูง นิพิทขึ้นลิฟต์ผิด เขายืนงงและพบอุษณา ตอนนั้นหล่อนยืนคุยกับฝรั่งที่หลงทางมาเช่นกัน ด้วยภาษาอังกฤษอันฉะฉาน ชายหนุ่มถามทางและเธอก็เอื้อเฟื้อเขาอย่างเต็มใจ จนพบว่าเขาไปผิดตึกเสียด้วยซ้ำ ตึกแฝดแห่งนี้มีคนเข้าใจผิดบ่อยครั้ง
หล่อนพบเขาอีกครั้งในฐานะวิทยากรด้านเศรษฐศาสตร์ ในงานสัมมนาที่บริษัทของอุษณารับจ้างจัดอีกทอดหนึ่ง ชื่อของดร.นิพิทถูกเพิ่มเข้ามาในนาทีสุดท้าย ตอนวิทยากรคนหนึ่งถอนตัวกะทันหัน นั่นเป็นครั้งแรกของเขากับเซมิน่าฮับ (Seminar Hub) แห่งนี้ ขณะอุษณาในตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายประสานงานก็มือใหม่ถอดด้าม...
ต่างคนต่างใหม่...!
นิพิทจำเธอได้ เขาสารภาพว่าพึงใจในตัวเธอตั้งแต่ตอนนั้น เขาขอเป็นแฟนเลย และหญิงสาวก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล...
พรหมลิขิตอาจบันดาลพา เธอจึงกล้าตัดสินใจ บวกกับอุษณาชื่นชมในความเก่งของอีกฝ่ายนั่นเอง
“คนจากมหาวิทยาลัยส่งอีเมล์มา ว่าเขาจะรับพี่เข้าทำงานแล้วนะ อุ่นดีใจกับพี่มั้ย” นิพิทรับหล่อนมาทานข้าวกลางวันในวันนี้
“คือ...” อุษณากลืนน้ำลาย นิพิทเก่งวิชาการ แต่ไม่รู้เรื่องโรแมนติก ขนาดขอแต่งงานยังพูดกลางร้านอาหาร ไม่มีแหวน ไม่มีดอกไม้...
และนั่นก็คือเขา!
ที่ผ่านมา...อุษณามองโลกในแง่บวก ว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบทั้งหมด เขายังเป็นคนชอบวางแผนและไม่เคยหยุดนิ่ง ชายหนุ่มพูดไว้นานแล้ว ว่าอยากไปอยู่ต่างประเทศ แต่อุษณาไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง
“พี่ตื่นเต้นมากเลยนะ จนถึงตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นไม่หาย โอ้มายก็อด...! อุ่นรู้มั้ยว่าพี่มีคู่แข่งเยอะแยะไปหมด มาจากทั่วโลกเลย นั่นก็คือถ้าพี่ไม่เก่งจริงรับรองไม่ผ่านแน่ๆ” ใบหน้าเขาแดงก่ำ ตื่นเต้น และภาคภูมิ เหมือนคนถือธงขึ้นไปยืนโบกบนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ
“อุ่นว่าพี่นิกอยู่เมืองไทยก็ดีแล้วนี่คะ จะไปทำไมเมืองนอก” หญิงสาวตัดสินใจพูดอย่างที่คิด มันอาจจะดูแปลก หากอุษณารักเมืองไทย และไม่อยากไปอยู่เมืองนอก
“โง่แล้ว” นิพิทดุแรงจนคนที่อยู่ใกล้หันมอง “ไม่เข้าท่า ไม่มีวิสัยทัศน์ นี่อุ่นคิดก่อนพูดหรือเปล่าถามจริง”
ใบหน้านวลถึงขั้นสลด
“แต่...”
“ไม่มีแต่...” ชายหนุ่มชิงตัดบท “อยู่เมืองไทยมันไม่รุ่งหรอกน่าอุ่น เงินเดือนก็เท่านี้ ระบบราชการบ้านเราก็อย่างที่รู้ๆกัน ทำๆ ไปเดี๋ยวก็ขั้นตัน เงินเดือนตัน แถมขัดแข้งขัดขากันอุตลุด ฝีมือไม่สนล่ะ จะสนก็แต่ว่าเป็นเด็กของใคร พี่จะไปอยู่ที่โน่นแหละดีแล้ว เงินดี ทุนก็เยอะ พอไปถึงแล้วพี่กะจะเรียนด็อกเตอร์เพิ่มอีกสักใบสองใบ ส่วนอุ่นก็ต้องเรียนด้วยเหมือนกัน จะจบแค่ปริญญาตรีไม่ได้หรอกนะ ถ้าใครรู้เข้าพี่จะเอาหน้าไว้ที่ไหน นี่อุ่น...พี่ว่าไม่แน่นะ ถ้าพี่ทำงานวิจัยดีๆ ออกมาสักเล่ม พี่อาจดังไปทั่วโลกก็ได้”
นิพิทฝัน และดูท่าว่าต่อให้เอาช้างมาฉุดก็เปลี่ยนใจเขาไม่ได้ ส่วนอุษณาแทบจะพูดไม่ออก แต่ครั้นนึกถึงว่าคือชีวิตของตน หล่อนจึงแย้งว่า
“แต่เอาจริงๆแล้ว อุ่นจะบอกว่าตัวเองอยากอยู่เมืองไทยนะคะ”
“เอาอีกแล้วนะอุ่น” นิพิทขัดใจ “โง่อีกแล้ว พูดอะไรน่ะ นี่อุ่นรู้ตัวหรือเปล่า นี่มันโอกาสของเรานะ โอกาสดีๆ ขนาดนี้มีกันได้ง่ายๆหรืออุ่น ทำไมอุ่นจะโยนมันทิ้งน่ะ บ้าไปแล้วครับคุณ แล้วมีอย่างที่ไหน แทนที่จะดีใจกลับมาพูดบั่นทอนให้เสียฤกษ์ อย่าพูดอย่างนี้ให้พี่ได้ยินอีกนะ ไม่สมกับเป็นแฟนด็อกเตอร์นิพิทเลย”
“อุ่นพูดเรื่องจริงนี่คะ ก็อุ่นไม่อยากไปนี่ อีกอย่างอุ่นคงคิดถึงพี่ไพด้วย” รำไพเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน สองคนสนิทราวพี่น้อง
“โอ๊ย...อ่อนจริง! พี่ขอล่ะ...อย่าทำตัวเด็กนักสิอุษณา” นิพิทแสนหงุดหงิด “อะไรกัน มัวแต่คิดถึงคนอื่น ชีวิตก็ไม่ต้องไปไหนพอดี”
“ก็อุ่นรักพี่ไพนี่คะ” หล่อนแย้งเสียงอ่อย
“รักก็ส่วนรัก แต่อุ่นต้องรักตัวเองให้มากๆ รู้มั้ย นี่เราสองคนกำลังจะไปรุ่งเรืองนะ พี่อุตส่าห์เขียนโปรเจกแทบตายเสนอไปกว่าจะผ่าน ตอนนี้ก็เหลือแต่ให้เขายืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น นี่อุ่นจะมางอแงเป็นเด็กๆ ไม่ได้หรอกนะ”
“ถ้างั้นขอเวลาคิดได้มั้ยคะ” หญิงสาวต่อรอง
“ไม่นานหรอกนะ เพราะพี่ต้องเตรียมตัวหลายอย่าง เอาเป็นว่าเราสองคนมีเวลาอยู่สามเดือนที่จะแต่งงาน แล้วส่งเอกสารไปให้ทางโน้น”
อุษณาอิ่มข้าว เพราะมันฝืดกลืนไม่ลง
“แต่ไม่ดีกว่า พี่ว่าอุ่นไม่ต้องคิดแล้วล่ะ ปล่อยพี่จัดการเองล่ะกัน เพราะอุ่นน่ะขี้คิดมากไม่ได้เรื่อง พี่จะหาฤกษ์และกำหนดวันแต่งงานเอง”
“แต่ว่าพี่นิกคือ...”
“ไม่ต้องขัด...” นิพิทยกมือ “ทำตามที่พี่บอกก็พอ พี่ว่าอุ่นน่าจะดีใจนะที่ได้เป็นแฟนคนเก่งอย่างพี่ แล้วตอนนี้ยังจะได้ไปอยู่เมืองนอกอีก”
นี่หล่อนควรจะดีใจจริงหรือ... อุษณาคิดไม่ตก นอกจากเอ่ยขอเวลา
“โอเค ก็ได้ๆ” นิพิทไม่ค่อยถูกใจนัก เขาชอบให้หล่อนฟัง และทำตามอย่างเดียวมากกว่า “แต่ห้ามนานนะ ไม่งั้นพี่ไม่คอยนะจะบอกให้” เขายื่นคำขาดในตอนท้าย อย่างมั่นใจว่าหญิงสาวไม่ปฏิเสธแน่
พรหมลิขิตผิดคิว (5) โดย ธีมา
เขากับหล่อนเจอกันราวพรหมลิขิต ในวันที่นิพิทไปทำธุระที่ตึกซึ่งอุษณาทำงานอยู่ ตึกแห่งนี้สร้างเพื่อให้เช่าโดยเฉพาะ และแยกลิฟต์ตามชั้นความสูง นิพิทขึ้นลิฟต์ผิด เขายืนงงและพบอุษณา ตอนนั้นหล่อนยืนคุยกับฝรั่งที่หลงทางมาเช่นกัน ด้วยภาษาอังกฤษอันฉะฉาน ชายหนุ่มถามทางและเธอก็เอื้อเฟื้อเขาอย่างเต็มใจ จนพบว่าเขาไปผิดตึกเสียด้วยซ้ำ ตึกแฝดแห่งนี้มีคนเข้าใจผิดบ่อยครั้ง
หล่อนพบเขาอีกครั้งในฐานะวิทยากรด้านเศรษฐศาสตร์ ในงานสัมมนาที่บริษัทของอุษณารับจ้างจัดอีกทอดหนึ่ง ชื่อของดร.นิพิทถูกเพิ่มเข้ามาในนาทีสุดท้าย ตอนวิทยากรคนหนึ่งถอนตัวกะทันหัน นั่นเป็นครั้งแรกของเขากับเซมิน่าฮับ (Seminar Hub) แห่งนี้ ขณะอุษณาในตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายประสานงานก็มือใหม่ถอดด้าม...
ต่างคนต่างใหม่...!
นิพิทจำเธอได้ เขาสารภาพว่าพึงใจในตัวเธอตั้งแต่ตอนนั้น เขาขอเป็นแฟนเลย และหญิงสาวก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล...
พรหมลิขิตอาจบันดาลพา เธอจึงกล้าตัดสินใจ บวกกับอุษณาชื่นชมในความเก่งของอีกฝ่ายนั่นเอง
“คนจากมหาวิทยาลัยส่งอีเมล์มา ว่าเขาจะรับพี่เข้าทำงานแล้วนะ อุ่นดีใจกับพี่มั้ย” นิพิทรับหล่อนมาทานข้าวกลางวันในวันนี้
“คือ...” อุษณากลืนน้ำลาย นิพิทเก่งวิชาการ แต่ไม่รู้เรื่องโรแมนติก ขนาดขอแต่งงานยังพูดกลางร้านอาหาร ไม่มีแหวน ไม่มีดอกไม้...
และนั่นก็คือเขา!
ที่ผ่านมา...อุษณามองโลกในแง่บวก ว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบทั้งหมด เขายังเป็นคนชอบวางแผนและไม่เคยหยุดนิ่ง ชายหนุ่มพูดไว้นานแล้ว ว่าอยากไปอยู่ต่างประเทศ แต่อุษณาไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง
“พี่ตื่นเต้นมากเลยนะ จนถึงตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นไม่หาย โอ้มายก็อด...! อุ่นรู้มั้ยว่าพี่มีคู่แข่งเยอะแยะไปหมด มาจากทั่วโลกเลย นั่นก็คือถ้าพี่ไม่เก่งจริงรับรองไม่ผ่านแน่ๆ” ใบหน้าเขาแดงก่ำ ตื่นเต้น และภาคภูมิ เหมือนคนถือธงขึ้นไปยืนโบกบนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ
“อุ่นว่าพี่นิกอยู่เมืองไทยก็ดีแล้วนี่คะ จะไปทำไมเมืองนอก” หญิงสาวตัดสินใจพูดอย่างที่คิด มันอาจจะดูแปลก หากอุษณารักเมืองไทย และไม่อยากไปอยู่เมืองนอก
“โง่แล้ว” นิพิทดุแรงจนคนที่อยู่ใกล้หันมอง “ไม่เข้าท่า ไม่มีวิสัยทัศน์ นี่อุ่นคิดก่อนพูดหรือเปล่าถามจริง”
ใบหน้านวลถึงขั้นสลด
“แต่...”
“ไม่มีแต่...” ชายหนุ่มชิงตัดบท “อยู่เมืองไทยมันไม่รุ่งหรอกน่าอุ่น เงินเดือนก็เท่านี้ ระบบราชการบ้านเราก็อย่างที่รู้ๆกัน ทำๆ ไปเดี๋ยวก็ขั้นตัน เงินเดือนตัน แถมขัดแข้งขัดขากันอุตลุด ฝีมือไม่สนล่ะ จะสนก็แต่ว่าเป็นเด็กของใคร พี่จะไปอยู่ที่โน่นแหละดีแล้ว เงินดี ทุนก็เยอะ พอไปถึงแล้วพี่กะจะเรียนด็อกเตอร์เพิ่มอีกสักใบสองใบ ส่วนอุ่นก็ต้องเรียนด้วยเหมือนกัน จะจบแค่ปริญญาตรีไม่ได้หรอกนะ ถ้าใครรู้เข้าพี่จะเอาหน้าไว้ที่ไหน นี่อุ่น...พี่ว่าไม่แน่นะ ถ้าพี่ทำงานวิจัยดีๆ ออกมาสักเล่ม พี่อาจดังไปทั่วโลกก็ได้”
นิพิทฝัน และดูท่าว่าต่อให้เอาช้างมาฉุดก็เปลี่ยนใจเขาไม่ได้ ส่วนอุษณาแทบจะพูดไม่ออก แต่ครั้นนึกถึงว่าคือชีวิตของตน หล่อนจึงแย้งว่า
“แต่เอาจริงๆแล้ว อุ่นจะบอกว่าตัวเองอยากอยู่เมืองไทยนะคะ”
“เอาอีกแล้วนะอุ่น” นิพิทขัดใจ “โง่อีกแล้ว พูดอะไรน่ะ นี่อุ่นรู้ตัวหรือเปล่า นี่มันโอกาสของเรานะ โอกาสดีๆ ขนาดนี้มีกันได้ง่ายๆหรืออุ่น ทำไมอุ่นจะโยนมันทิ้งน่ะ บ้าไปแล้วครับคุณ แล้วมีอย่างที่ไหน แทนที่จะดีใจกลับมาพูดบั่นทอนให้เสียฤกษ์ อย่าพูดอย่างนี้ให้พี่ได้ยินอีกนะ ไม่สมกับเป็นแฟนด็อกเตอร์นิพิทเลย”
“อุ่นพูดเรื่องจริงนี่คะ ก็อุ่นไม่อยากไปนี่ อีกอย่างอุ่นคงคิดถึงพี่ไพด้วย” รำไพเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน สองคนสนิทราวพี่น้อง
“โอ๊ย...อ่อนจริง! พี่ขอล่ะ...อย่าทำตัวเด็กนักสิอุษณา” นิพิทแสนหงุดหงิด “อะไรกัน มัวแต่คิดถึงคนอื่น ชีวิตก็ไม่ต้องไปไหนพอดี”
“ก็อุ่นรักพี่ไพนี่คะ” หล่อนแย้งเสียงอ่อย
“รักก็ส่วนรัก แต่อุ่นต้องรักตัวเองให้มากๆ รู้มั้ย นี่เราสองคนกำลังจะไปรุ่งเรืองนะ พี่อุตส่าห์เขียนโปรเจกแทบตายเสนอไปกว่าจะผ่าน ตอนนี้ก็เหลือแต่ให้เขายืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น นี่อุ่นจะมางอแงเป็นเด็กๆ ไม่ได้หรอกนะ”
“ถ้างั้นขอเวลาคิดได้มั้ยคะ” หญิงสาวต่อรอง
“ไม่นานหรอกนะ เพราะพี่ต้องเตรียมตัวหลายอย่าง เอาเป็นว่าเราสองคนมีเวลาอยู่สามเดือนที่จะแต่งงาน แล้วส่งเอกสารไปให้ทางโน้น”
อุษณาอิ่มข้าว เพราะมันฝืดกลืนไม่ลง
“แต่ไม่ดีกว่า พี่ว่าอุ่นไม่ต้องคิดแล้วล่ะ ปล่อยพี่จัดการเองล่ะกัน เพราะอุ่นน่ะขี้คิดมากไม่ได้เรื่อง พี่จะหาฤกษ์และกำหนดวันแต่งงานเอง”
“แต่ว่าพี่นิกคือ...”
“ไม่ต้องขัด...” นิพิทยกมือ “ทำตามที่พี่บอกก็พอ พี่ว่าอุ่นน่าจะดีใจนะที่ได้เป็นแฟนคนเก่งอย่างพี่ แล้วตอนนี้ยังจะได้ไปอยู่เมืองนอกอีก”
นี่หล่อนควรจะดีใจจริงหรือ... อุษณาคิดไม่ตก นอกจากเอ่ยขอเวลา
“โอเค ก็ได้ๆ” นิพิทไม่ค่อยถูกใจนัก เขาชอบให้หล่อนฟัง และทำตามอย่างเดียวมากกว่า “แต่ห้ามนานนะ ไม่งั้นพี่ไม่คอยนะจะบอกให้” เขายื่นคำขาดในตอนท้าย อย่างมั่นใจว่าหญิงสาวไม่ปฏิเสธแน่