สวัสดีคับ ผมมีเรื่องอยากขอความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงาน ณ ปัจจุบัน ของผมเอง จะพยายามเอาให้กระชับให้ได้ใจความที่สุดนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
คือผมพึ่งลาออกจากงานธนาคาร(ของรัฐสีชมพู) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 หลังจากที่ทำมาได้ 2 ปี ที่ลาออกเพราะ คิดว่าตัวเองไม่ชอบ เพราะทำงาน ที่อยู่กับ ผจก.ที่บ้างานมาก สาขาระดับกลาง แต่ผลงานเป็นอันดับที่ 1 ของ ภาค ซึ่งมี 230 สาขา ทำงานเลิกสองสามทุ่มทุกวัน ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว
พอดีเพื่อนของน้ามีงานมาแนะนำให้ ก็คือเปิดบริษัท เป็น ซัพพลายเออร์ ซึ่งให้ผมมาทำต่อจากเค้าเอง เพราะเค้าจะไม่ทำแล้ว เค้าเสียดายตรงนี้ก็เลยเหมือนกับว่ายกบริษัทให้ผมทำต่อ ส่วนตรงนี้ก็ปรึกษากับครอบครัวพ่อแม่แล้ว ก็เห็นด้วยสนับสนุน เพราะฟังจากที่เพื่อนของน้าเค้ามาเล่าการทำงานให้ฟังว่ามีรายได้เท่าไหร่ แต่รายละเอียดต่างๆไม่ได้บอกว่า มันมีอะไรบ้าง คนทำต้องม่ีเงินทุนที่เป็นเงินเย็นมากพอสมควร ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจลาออกเพื่อมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง ทำเองคนเดียวหมด แต่มันเครียดตรงที่ว่าลูกค้าสั่งของเราครั้งเดียวแล้วไม่สั่งอีก บางเจ้าก็สั่งทีละนิด ซึ่งมันไม่คุ้มกับต้นทุนที่ทำไป ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ถึงตอนนี้ จะยังพอมีลูกค้าอยู่ จะยังไม่ขาดทุน แต่ถ้าทำต่อไปคงมีบ้าง เพราะของที่เราขาย เราคอยซัพพลายโรงงานนั้น เป็นของที่ไม่ได้ใช้ตลอด ไม่ใช่วัสดุสิ้นเปลือง เพราะไอ้เจ้าวัสดุสิ้นเปลืองที่ว่านี้มีคนทำราคาได้ถูกกว่าเรา ออเดอร์ตรงนี้จึงไม่ได้มีตลอด แต่ค่าใช้จ่ายที่วิ่งหาลูกค้า ไหนจะค่าอยู่ค่ากิน มันมีตลอด เงินที่ลงทุนซื้อของไปก็กว่า 30 วัน ที่เงินจะเข้าบัญชี เราไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องไปยืมเงินมาลงทุนตรงนี้เพราะเงินมันนอนนานเกินไป
เราก็เลยคิดว่าจะไปเรียนตัดผม ซึ่งเป็นส่ิงที่คิดว่ามานานแล้ว เพราะ มีปัญหาเรื่องการตัดผมมาตลอด ไปตัดร้านไหนก็ไม่สวยซักร้าน ก็เลยคิดอยากจะทำเอง แต่มันติดตรงที่ อาชีพ "ช่างตัดผม" ที่เราคิดไว้ มันต่างกันกับที่ พ่อแม่ของเรามอง คือมุมมองต่างกัน เราคิดว่าเรามีพรสวรรค์ด้าานนี้ ไปตัดผมมาทีไร ต้องมาแก้เอง เลมๆออกเองทุกที แต่พ่อแม่ซึ่งเคยโดนญาติพี่น้องคอยดูถูกเรื่องอาชีพความเป็นอยู่ตลอดมาก็อยากให้ลูกชายคนโตที่เป็นความหวังได้ทำงานที่มีหน้ามีตา มีเกียรติ เช่นตอนนี้ทำงานธนาคาร พ่อกับแม่หน้าบานมาก (ถึงแม้ลูกจะมีรายได้ไม่เยอะก็ตาม) เพราะเมื่อคนอื่นถามว่า ลูกทำงานอะไรก็จะตอบได้อยากภูมิใจ และเมื่อปรึกษาว่าอยากเปิดบริษัทของตัวเอง ก็ยังคงภูมิใจ สนับสนุน ลาออกก็ไม่ว่าอะไร เพราะยังตอบคนอื่นได่อยากภาคภูมิใจอยู่ ว่าลูก ทำงานอะไร แต่เมื่อปรึกษาว่าอยากไปเรียนตัดผม เพราะมันสามารถทำควบคู่กันไปได้ (อันที่จริงก็ไม่อยากทำบริษัทเองแล้วเพราะสู้ราคาเจ้าอื่นไม่ได้) แม่ก็ไม่อยากให้เรียน ประเด็นหลักๆ เลยคือมองไปที่ ถ้าเราไปเรียนตัดผม ญาติๆก็จะคอยนินทา เพราะเปิดร้านตัดผมมันไม่มียศ มีตำแหน่ง ไม่มีสวัสดีการเรื่อง ข้าราชการ
แต่เราเคยผ่านงานตรงนั้นมาแล้ว เรารู้แล้วว่าเราไม่ชอบ เราอยากทำตรงนี้(ตัดผม)มากกว่า และมั่นใจว่า เราจะทำมันออกมาได้ดี เราชอบตัดผม ไม่ชอบที่จะต้องไปเป็นลูกจ้างใคร ชอบอิสระ จะอีกซักกี่ปีๆ ก็จะยังทำตรงนี้อยู่ คงจะมีความสุข ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้กลับไปอยู่บ้าน มีเวลาเป็นของตัวเอง มีเวลาได้อยู่กับพ่อแม่ได้ดูแลท่าน คงจะดีไม่น้อย
จึงอยากขอความคิดเห็นเพื่อนในพันทิปนี้ว่า เราควรจะทำยังไงต่อไป
การทำงาน และ ความคาดหวังของครอบครัว
คือผมพึ่งลาออกจากงานธนาคาร(ของรัฐสีชมพู) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 หลังจากที่ทำมาได้ 2 ปี ที่ลาออกเพราะ คิดว่าตัวเองไม่ชอบ เพราะทำงาน ที่อยู่กับ ผจก.ที่บ้างานมาก สาขาระดับกลาง แต่ผลงานเป็นอันดับที่ 1 ของ ภาค ซึ่งมี 230 สาขา ทำงานเลิกสองสามทุ่มทุกวัน ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว
พอดีเพื่อนของน้ามีงานมาแนะนำให้ ก็คือเปิดบริษัท เป็น ซัพพลายเออร์ ซึ่งให้ผมมาทำต่อจากเค้าเอง เพราะเค้าจะไม่ทำแล้ว เค้าเสียดายตรงนี้ก็เลยเหมือนกับว่ายกบริษัทให้ผมทำต่อ ส่วนตรงนี้ก็ปรึกษากับครอบครัวพ่อแม่แล้ว ก็เห็นด้วยสนับสนุน เพราะฟังจากที่เพื่อนของน้าเค้ามาเล่าการทำงานให้ฟังว่ามีรายได้เท่าไหร่ แต่รายละเอียดต่างๆไม่ได้บอกว่า มันมีอะไรบ้าง คนทำต้องม่ีเงินทุนที่เป็นเงินเย็นมากพอสมควร ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจลาออกเพื่อมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง ทำเองคนเดียวหมด แต่มันเครียดตรงที่ว่าลูกค้าสั่งของเราครั้งเดียวแล้วไม่สั่งอีก บางเจ้าก็สั่งทีละนิด ซึ่งมันไม่คุ้มกับต้นทุนที่ทำไป ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ถึงตอนนี้ จะยังพอมีลูกค้าอยู่ จะยังไม่ขาดทุน แต่ถ้าทำต่อไปคงมีบ้าง เพราะของที่เราขาย เราคอยซัพพลายโรงงานนั้น เป็นของที่ไม่ได้ใช้ตลอด ไม่ใช่วัสดุสิ้นเปลือง เพราะไอ้เจ้าวัสดุสิ้นเปลืองที่ว่านี้มีคนทำราคาได้ถูกกว่าเรา ออเดอร์ตรงนี้จึงไม่ได้มีตลอด แต่ค่าใช้จ่ายที่วิ่งหาลูกค้า ไหนจะค่าอยู่ค่ากิน มันมีตลอด เงินที่ลงทุนซื้อของไปก็กว่า 30 วัน ที่เงินจะเข้าบัญชี เราไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องไปยืมเงินมาลงทุนตรงนี้เพราะเงินมันนอนนานเกินไป
เราก็เลยคิดว่าจะไปเรียนตัดผม ซึ่งเป็นส่ิงที่คิดว่ามานานแล้ว เพราะ มีปัญหาเรื่องการตัดผมมาตลอด ไปตัดร้านไหนก็ไม่สวยซักร้าน ก็เลยคิดอยากจะทำเอง แต่มันติดตรงที่ อาชีพ "ช่างตัดผม" ที่เราคิดไว้ มันต่างกันกับที่ พ่อแม่ของเรามอง คือมุมมองต่างกัน เราคิดว่าเรามีพรสวรรค์ด้าานนี้ ไปตัดผมมาทีไร ต้องมาแก้เอง เลมๆออกเองทุกที แต่พ่อแม่ซึ่งเคยโดนญาติพี่น้องคอยดูถูกเรื่องอาชีพความเป็นอยู่ตลอดมาก็อยากให้ลูกชายคนโตที่เป็นความหวังได้ทำงานที่มีหน้ามีตา มีเกียรติ เช่นตอนนี้ทำงานธนาคาร พ่อกับแม่หน้าบานมาก (ถึงแม้ลูกจะมีรายได้ไม่เยอะก็ตาม) เพราะเมื่อคนอื่นถามว่า ลูกทำงานอะไรก็จะตอบได้อยากภูมิใจ และเมื่อปรึกษาว่าอยากเปิดบริษัทของตัวเอง ก็ยังคงภูมิใจ สนับสนุน ลาออกก็ไม่ว่าอะไร เพราะยังตอบคนอื่นได่อยากภาคภูมิใจอยู่ ว่าลูก ทำงานอะไร แต่เมื่อปรึกษาว่าอยากไปเรียนตัดผม เพราะมันสามารถทำควบคู่กันไปได้ (อันที่จริงก็ไม่อยากทำบริษัทเองแล้วเพราะสู้ราคาเจ้าอื่นไม่ได้) แม่ก็ไม่อยากให้เรียน ประเด็นหลักๆ เลยคือมองไปที่ ถ้าเราไปเรียนตัดผม ญาติๆก็จะคอยนินทา เพราะเปิดร้านตัดผมมันไม่มียศ มีตำแหน่ง ไม่มีสวัสดีการเรื่อง ข้าราชการ
แต่เราเคยผ่านงานตรงนั้นมาแล้ว เรารู้แล้วว่าเราไม่ชอบ เราอยากทำตรงนี้(ตัดผม)มากกว่า และมั่นใจว่า เราจะทำมันออกมาได้ดี เราชอบตัดผม ไม่ชอบที่จะต้องไปเป็นลูกจ้างใคร ชอบอิสระ จะอีกซักกี่ปีๆ ก็จะยังทำตรงนี้อยู่ คงจะมีความสุข ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้กลับไปอยู่บ้าน มีเวลาเป็นของตัวเอง มีเวลาได้อยู่กับพ่อแม่ได้ดูแลท่าน คงจะดีไม่น้อย
จึงอยากขอความคิดเห็นเพื่อนในพันทิปนี้ว่า เราควรจะทำยังไงต่อไป