ตามหัวข้อเลยค่ะ ตอนนี้เราอยู่ม.3 รร.มัธยมบ้านนอกรร.นึง เดือนหน้าก็จะจบม.3 เเล้ว เราอยากย้ายรร.มากๆ คือพ่อเเม่เราก็เป็นครูที่รร.นี้ค่ะ ตอนตั้งเเต่เด็กเราวางเเผนชีวิตไว้เเล้วว่าตอนจบม.3จะย้ายเข้าในเมือง เหตุผลที่ทำให้เราอยากย้ายคือ เราอยากไปเจอสังคมใหม่ๆ อยู่ที่รร.นี้มาตั้งเเต่เล็ก เพราะค่านิยมลูกครู ทำให้เราต้องทำตัวเป็นผู้ดีทุกคนเชิดชู เห็นว่าเป็นลูกครู ทำให้เราไม่มีเพื่อนเเท้เพื่อนที่อยู่ด้วยก็หวังประโยชน์จากเราทั้งนั้น เวลาเรียนก็มีเส้นทำให้เกรดออกมาดี มีพ่อเเม่คอยประเคน ทำให้เเม้ส่วนตัวเป็นคนหัวไม่ดีซะเลย เเต่เกรดก็ออกมาดีจนได้ 4.00 ทุกเทอม มาเเบบง่ายๆ เเล้วพอเป็นคนมีเส้นก็จะโดนจับเข้ากิจกรรมนู่นนี่ จนเวลาว่างเเทบไม่มีเหนื่อยก็เหนื่อยมาก เพราะกิจกรรมเเต่ละอย่างมันประชันชิดกันเหลือเกิน กิจวัตรประจำวันเราเเบบเที่ยงถ้าว่างก็ไปติวเลิกเรียนติว เย็นซ้อมกีฬา ทำให้คนอื่นหมั่นไส้บ้างว่าเป็นเด็กเส้น คนอื่นนินทาเพื่อนก็ไม่กล้าเข้าหา พ่อเเม่ก็คอยบอกว่าต้องขยันจึงจะได้ดี อีกเหตุผลคือ พ่อเเม่เราดุมากไม่เคยตามใจ จับเราเเข่งกิจกรรมหลายอย่างเเม้เราจะเก่งไม่เก่งชอบไม่ชอบก็ตามห้ามมีคำปฏิเสธ ห้ามพูดมาก ถ้าไม่ทำตามพ่อก็จะลงไม้ลงมือตี
เรามีพี่สาว2คน เเต่เหมือนพ่อเเม่เคร่งครัดกับเราคนเดียว เราเป็นคนเดียวที่ถูกเรียกว่าอี ตีเราคนเดียวเเม้เราจะอายุ 15 มีช่วงนึงตอนที่เราเหนื่อยจากกิจกรรมจนลุกจากที่นอนไม่ขึ้นพ่อก็จะเอาน้ำมาราดตัวให้ตื่น เเละก็พอเผลอหลับบนเก้าอี้พ่อก็จะอุ้มเเล้วโยนเข้าห้องน้ำ เเต่พวกนี้มันก็เเค่ส่วนนึง เราเหนื่อย พ่อเเม่ดุด่าเราไม่เคยชมเเม้เราพยายามเรียนพยายามเอารางวัลมาให้ มีเเต่ล้อเรา เรารู้ว่าพ่อเเม่อยากให้เราเป็นคนเข้มเเข็ง เเต่เราเป็นคนอ่อนเเอใครด่านิดหน่อยก็ทำให้น้ำตาตกได้อยู่รร.นี้มีเเต่ความกดดันจากรอบข้างว่าต้องเอาเกรด 4 ให้ได้ ต้องทำตัวเป็นเด็กดีเพราะคนรอบข้างจับตามองตลอด
ซึ่งพวกนี้นับวันทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้าไปเเล้วค่ะ พ่อเเม่เราไม่รู้หรอกว่าเราเป็นเวลาเราเหนื่อยเราเจ็บใจเราท้อเเม้เราไม่มีเพื่อนคนไหนที่เข้าใจเอาจริงๆคือเราไม่มีเพื่อนเลย เราก็มาลงตัวเอง ทำให้เรายิ้มไม่ออกร่าเริงไม่สุดเพราะความกดดันความเครียดความผิดหวังทั้งการเรียนเเละเรื่องครอบครัวที่สะสมมา จนเพื่อนมักบอกว่า "ยิ้มหน่อย พูดกับเราทีเราจะจ้าง 10 บาท" ซึ่งพวกเธอไม่รู้หรอกคำพวกนี้ทำร้ายจิตใจเราเเค่ไหน ถ้าให้อยู่ที่นี่ต่อไปมันจะหน้าเบื่อมากเลยค่ะ ชีวิตที่โรยด้วยกุหลาบเเต่หารู้ไม่ว่ากุหลาบนั้นต้องเจ็บปวดจากการเด็ดออกมาเท่าไร
เราอยากย้ายไปอยู่กับน้า น้าเราเลี้ยงเรามาตั้งเเต่เด็กเข้าใจนิสัยเราดี เราเป็นเด็กห้าวๆเด๋อ เป็นตัวของตัวเองได้ตอนอยู่กับน้า พอมาอยู่กับพ่อเเม่เรารู้สึกอึดอัดไปเรียนในเมืองไปเจอเพื่อนดีๆสังคมใหม่ๆที่ตัวเราสามารถเรียนรู้กับโลกภายนอกที่หนักหนากว่าที่อยู่ตอนนี้
เราเคยขอพ่อเเม่เเล้วค่ะ ว่าอยากย้ายเเต่พ่อเเม่บอกว่าไม่ยอม มีเหตุผลอยู่ อยู่ที่นี่จะได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ย้ายไปเกรดจะหล่นเเค่ไหน ไปอยู่ที่อื่นจะดูเเลตัวเองได้เหรอ ไม่ง่ายยังไงก็จะไม่ยอมให้ย้ายหรอก เราอยากจะบอกว่าเราโตเเล้ว เราพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้าเพื่อรับชะตากรรมต่างๆด้วยตัวเอง
จริงๆเราอยากเป็นครูดนตรีไม่ใช่เเพทย์หรือครูคณิตฟิสิกซ์ค่ะ ถ้าย้ายไปที่นั่นก็อยากไปเรียนห้องปกติพวกห้องศิลป์ไม่ใช่ห้องกิฟ นั่นคือพ่อเเม่จะไม่ยอมเลยที่นั่นมีการเรียนการสอนดนตรีที่ก้าวหน้ามาก รร.นี้ไม่ได้มีเรียนดนตรี มีที่เรียนดนตรีฟรีซึ่งเราอยากไปเรียนสุดๆ เเต่พอเล่าว่าอยากเป็นครูดนตรี พ่อเเม่ขำค่ะ บอกว่า "ดนตรีเป็นเเค่เครื่องบรรเทิงใจคน สายนี้เขารับน้อย เป็นเเพทย์เป็นหมอดีกว่า" เเล้วก็ไม่สนับสนุน ทั้งๆที่ใจเรารักเเม้ว่าสายนั้นจะเป็นยังไงก็ไม่มีปัญหานี่คะ อีกอย่างพ่อเเม่ก็มีลูกตั้ง 3 คน คนสุดท้ายปล่อยให้ไปทำสิ่งที่ชอบไม่ได้รึไง
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอความเห็นจากเพื่อนๆพี่ๆที่เข้ามาอ่าน หรือท่านผู้มีประสบการณ์ช่วยเเนะนำเเนวทางด้วยค่ะ เราอยากย้ายจริงๆ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงการสอบเข้ารร.ที่อยากเข้าเเล้ว ถ้าหากเราไม่ได้ย้าย คือ อนาคตเราเเละความฝันก็เท่ากับพังเเล้ว เราจะไม่ได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ชอบอีก เเล้วเราก็ไม่รู้จะทำไงอีกที่ต้องฝืนทำกับความกดดันนี้ ขอความเห็นด้วยค่ะ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าด้วยค่ะ
จากใจของเด็กคนนึง
เราอยากย้ายโรงเรียนมากจริงๆค่ะ เเต่พ่อเเม่ไม่ยอมให้ย้ายเลย เราควรพูดยังไงคะ
เรามีพี่สาว2คน เเต่เหมือนพ่อเเม่เคร่งครัดกับเราคนเดียว เราเป็นคนเดียวที่ถูกเรียกว่าอี ตีเราคนเดียวเเม้เราจะอายุ 15 มีช่วงนึงตอนที่เราเหนื่อยจากกิจกรรมจนลุกจากที่นอนไม่ขึ้นพ่อก็จะเอาน้ำมาราดตัวให้ตื่น เเละก็พอเผลอหลับบนเก้าอี้พ่อก็จะอุ้มเเล้วโยนเข้าห้องน้ำ เเต่พวกนี้มันก็เเค่ส่วนนึง เราเหนื่อย พ่อเเม่ดุด่าเราไม่เคยชมเเม้เราพยายามเรียนพยายามเอารางวัลมาให้ มีเเต่ล้อเรา เรารู้ว่าพ่อเเม่อยากให้เราเป็นคนเข้มเเข็ง เเต่เราเป็นคนอ่อนเเอใครด่านิดหน่อยก็ทำให้น้ำตาตกได้อยู่รร.นี้มีเเต่ความกดดันจากรอบข้างว่าต้องเอาเกรด 4 ให้ได้ ต้องทำตัวเป็นเด็กดีเพราะคนรอบข้างจับตามองตลอด
ซึ่งพวกนี้นับวันทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้าไปเเล้วค่ะ พ่อเเม่เราไม่รู้หรอกว่าเราเป็นเวลาเราเหนื่อยเราเจ็บใจเราท้อเเม้เราไม่มีเพื่อนคนไหนที่เข้าใจเอาจริงๆคือเราไม่มีเพื่อนเลย เราก็มาลงตัวเอง ทำให้เรายิ้มไม่ออกร่าเริงไม่สุดเพราะความกดดันความเครียดความผิดหวังทั้งการเรียนเเละเรื่องครอบครัวที่สะสมมา จนเพื่อนมักบอกว่า "ยิ้มหน่อย พูดกับเราทีเราจะจ้าง 10 บาท" ซึ่งพวกเธอไม่รู้หรอกคำพวกนี้ทำร้ายจิตใจเราเเค่ไหน ถ้าให้อยู่ที่นี่ต่อไปมันจะหน้าเบื่อมากเลยค่ะ ชีวิตที่โรยด้วยกุหลาบเเต่หารู้ไม่ว่ากุหลาบนั้นต้องเจ็บปวดจากการเด็ดออกมาเท่าไร
เราอยากย้ายไปอยู่กับน้า น้าเราเลี้ยงเรามาตั้งเเต่เด็กเข้าใจนิสัยเราดี เราเป็นเด็กห้าวๆเด๋อ เป็นตัวของตัวเองได้ตอนอยู่กับน้า พอมาอยู่กับพ่อเเม่เรารู้สึกอึดอัดไปเรียนในเมืองไปเจอเพื่อนดีๆสังคมใหม่ๆที่ตัวเราสามารถเรียนรู้กับโลกภายนอกที่หนักหนากว่าที่อยู่ตอนนี้
เราเคยขอพ่อเเม่เเล้วค่ะ ว่าอยากย้ายเเต่พ่อเเม่บอกว่าไม่ยอม มีเหตุผลอยู่ อยู่ที่นี่จะได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ย้ายไปเกรดจะหล่นเเค่ไหน ไปอยู่ที่อื่นจะดูเเลตัวเองได้เหรอ ไม่ง่ายยังไงก็จะไม่ยอมให้ย้ายหรอก เราอยากจะบอกว่าเราโตเเล้ว เราพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้าเพื่อรับชะตากรรมต่างๆด้วยตัวเอง
จริงๆเราอยากเป็นครูดนตรีไม่ใช่เเพทย์หรือครูคณิตฟิสิกซ์ค่ะ ถ้าย้ายไปที่นั่นก็อยากไปเรียนห้องปกติพวกห้องศิลป์ไม่ใช่ห้องกิฟ นั่นคือพ่อเเม่จะไม่ยอมเลยที่นั่นมีการเรียนการสอนดนตรีที่ก้าวหน้ามาก รร.นี้ไม่ได้มีเรียนดนตรี มีที่เรียนดนตรีฟรีซึ่งเราอยากไปเรียนสุดๆ เเต่พอเล่าว่าอยากเป็นครูดนตรี พ่อเเม่ขำค่ะ บอกว่า "ดนตรีเป็นเเค่เครื่องบรรเทิงใจคน สายนี้เขารับน้อย เป็นเเพทย์เป็นหมอดีกว่า" เเล้วก็ไม่สนับสนุน ทั้งๆที่ใจเรารักเเม้ว่าสายนั้นจะเป็นยังไงก็ไม่มีปัญหานี่คะ อีกอย่างพ่อเเม่ก็มีลูกตั้ง 3 คน คนสุดท้ายปล่อยให้ไปทำสิ่งที่ชอบไม่ได้รึไง
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอความเห็นจากเพื่อนๆพี่ๆที่เข้ามาอ่าน หรือท่านผู้มีประสบการณ์ช่วยเเนะนำเเนวทางด้วยค่ะ เราอยากย้ายจริงๆ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงการสอบเข้ารร.ที่อยากเข้าเเล้ว ถ้าหากเราไม่ได้ย้าย คือ อนาคตเราเเละความฝันก็เท่ากับพังเเล้ว เราจะไม่ได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ชอบอีก เเล้วเราก็ไม่รู้จะทำไงอีกที่ต้องฝืนทำกับความกดดันนี้ ขอความเห็นด้วยค่ะ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าด้วยค่ะ
จากใจของเด็กคนนึง