
เมืองตองยีเป็นเมืองทางภาคเหนือ อยู่ในรัฐฉาน ประเทศพม่า ภูมิประเทศเป็นเขาซะส่วนใหญ่ สนามบินอยู่บนเขา จะเข้ามาในเมืองต้องลงจากเขาและขึ้นเขามาในเมืองอีกรอบ แต่เขาไม่ได้สูงชันมาก นักท่องเที่ยวมาเยอะ สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมคือทะเลสาบอินเลนั้นเอง

อาคารสนามบินภายในประเทศ ที่ย่างกุ้ง

ห้องน้ำสะอาดมาก
เราออกเดินทางจากย่างกุ้ง ด้วยสายการบิน KBZ บริษัทนี้มีธุรกิจเยอะมากมีทั้งธนาคาร สายการบิน โรงแรม ครั้งนี้ได้มีโอกาสใช้บริการสนามบินภายในประเทศ สนามบินใหม่ห้องน้ำสะอาด

กาแฟยามเช้า(แต่เราไม่ได้กินร้านนี้)

อาหารเช้าพม่า
ใครยังไม่กินอะไรมีที่นี่มีร้านกาแฟ Coffee bean & Tea leaf ร้านอาหาร coffee shop เช้าๆแบบนี้ไปลองอาหารพม่า เป็นเหมือนขนมจีนใส่น้ำก๋วยเตี๋ยวแกงทำมาจากถั่ว ชอบกินเครื่องเคียงที่เป็นของทอด ทำเอาท้องไส้ปั่นปวนไปตลอดทริป

snack ที่แจกบนเครื่องดูดี
เครื่องบินแบบใบพัดจัดที่นั่งเป็น 2-2 มีระบุที่นั่ง มีบริการอาหารว่างเป็น แซนวิซ แยมโรล กับชอคโกแลต(อร่อย)ให้ด้วย นั่งเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง มีวิวสวยๆแปลกตาให้ชม
ในที่สุดก็ถึงสนามบิน Heho ลงจากเครื่องบินก็เดินเข้าอาคารมีตรวจ passport ด้วย แต่บางคนก็เดินออกไปเลย เลยไม่แน่ใจว่าจะต้องตรวจหรือเปล่า อากาศเย็นสบายๆเหมือนภาคเหนือหน้าหนาว ตอนไปอยู่ประมาณ 5-9 องศา ออกมาจะเห็นแปลงปลูกผัก ผลไม้ น่าจะเป็นคนจีนมาลงทุนดูจากป้ายนะคะ มีแปลงเก็บสตอเบอร์รี่ด้วย
เราต้องรีบไปลงเรือเพื่อเที่ยวในอินเล ไฟลท์ที่เรามาสายไปหน่อยอาจเที่ยวได้ไม่ครบ ระหว่างรอลงเรือมีแม่ค้ามาขายพวกข้าวตอกกับขนมอัดแท่ง พี่ที่ไปด้วยซื้อเราก็นึกว่าซื้อขนมไปกิน เค้าบอกว่าเอาไปให้นกนางนวล พอนั่งเรือออกไป ก็โปรยขนมเรียกนก นกก็บินตามกินขนม โยนแม่นๆ เข้าปากนกเลย เรามือใหม่ปาชิ้นใหญ่ไปหน่อย นกมีเซ ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ นั่งเรือมานานกว่าจะถึงแหล่งชุมชนที่อาศัยอยู่ในน้ำ ระหว่างทางมีพ่อหนุ่มโชว์ท่าพายเรือโดยใช้เท้ากับอุปกรณ์คู่กายไว้จับปลาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปก็จ่ายทิปกันไป

ร้านขายผ้าที่ทอจากใยบัว
สถานที่เที่ยวก็มีวัด มีพาไปดูทอผ้าใยบัว สวยดูดี และแพงมาก เรื่องห้องน้ำไม่ต้องห่วง สามารถเข้าได้ตามร้านพวกนี้ค่ะ

มื้อกลางวันไปกินอาหารบนน้ำ อาหารแนะนำคือผัดทะเขือเทศกับถั่วป่น มะเขือเป็นมะเขือที่ปลูกในทะเลสาบมีความสดอร่อยดีค่ะ แต่เราไม่เจริญอาหารสักเท่าไหร่เนื่องจากท้องปั่นปวนมาตั้งแต่มื้อเช้า

นั่งเรือกันต่อไปวัดนึงที่อยู่กลางน้ำมีประวัติเล่าว่าได้อัญเชิญพระพุทธรูปมาจากอินเดีย แล้วเรือล่ม และงมขึ้นมาได้เป็นที่นับถือของชาวบ้าน แปะทองจนพระพุทธรูปเป็นทรงกลมเลยค่ะ อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายขึ้นไปแปะทองเท่านั้น ถัดมาจะมีอู่เก็บเรือการะเวกที่ใช้ในขบวนแห่พระพุทธรูป มีการดูแลอย่างดีใกล้ๆกันมีโรงเรียนด้วยค่ะ แต่ยกพื้นสูงมากสงสัยกลัวน้ำท่วม

วิวระหว่างทาง ข้อดีของการมาหน้าหนาวคือแดดแรงๆก็ยังสู้ไหว

ไปแวะดูวัดกับเจดีย์พันองค์(อันนี้ตั้งชื่อเอง) จะมีการสร้างเจดีย์องค์เล็กๆไว้รอบๆ เจดีย์องค์ใหญ่ (ด้านล่างจะมีเจดีย์เก่าๆ ด้านบนจะสร้างใหม่) เดินเขามีของขายตลอดทาง แต่เหนื่อยมาก นอนน้อยตื่นแต่เช้า ขากลับนั่งเรือจะหลับแต่ได้วิวพระอาทิตย์ตกหลังเขามาปลุกให้ตื่น

(เป็นภาพอีกทริปนึงค่ะ รอบนี้ไปไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินที่ไร่องุ่น)
คืนแรกไปกินอาหารบนไร่องุ่นใช้ผลิตไวน์ ไวน์ที่นี่มีชื่อเสียงแต่เราก็ไม่รู้เรื่องหรอก ถามร้านว่าไม่มีน้ำองุ่นหรือเค้าบอกว่าองุ่นคนละพันธุ์กัน
นอนที่รีสอร์ตในสนามกอล์ฟ ที่กว้างขวางตอนเช้าตื่นมาออกกำลังกายเดิน วิ่งรอบๆได้ค่ะ อากาศดี เย็นสบาย ตอนขาไปวิ่งลงเขาสบ๊ายๆ แต่ลืมขากลับหอบลิ้นห้อยเลย ลงเขาไปทำงานในเมืองแป๊บ

ร้านเครื่องสำอางมียี่ห้อจากยุโรปหรืออเมริกาที่ไม่เข้ามาขายในเมืองไทย แต่ที่นี่มีไม่ต้อง Pro order
ตอนเย็นๆพี่ๆพาขึ้นเขาไปนอนที่ตองยี เป็นเหมือนเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของรัฐฉาน มีโรงเรียนแพทย์ ทั้งประเทศมีอยู่ 3 ที่ ย่างกุ้ง ตองยีและก็อีกทีจำไม่ได้ มีร้านค้าทันสมัย ห้างใหญ่ซุปเปอร์โอเชียน คล้ายๆกับ Lotus บ้านเรา มีร้านเครื่องสำอางเกาหลีหลายยี่ห้อ ร้านเสื้อผ้า Bossini มาขายอยู่บนเขาไกลมาก มีเหมือนเป็นคลีนิคของบำรุงราษฎรมาเปิดด้วยนะ ไม่ธรรมดา และที่แปลกโรงแรมเยอะมาก ก็ถามเค้าว่าทำไมมีโรงแรมเยอะ เค้าบอกว่ามีงานเทศกาลปล่อยโคมลอยนักท่องเที่ยวมาเยอะมากโรงแรมเต็มหมดแต่เท่าที่ดูโรงแรมก็มีแขกพักเยอะเกือบทุกโรงแรม ที่นี่มีร้านอาหารไทย

ตอนเช้ามาเดินตลาดเช้า มีกุหลาบขายเยอะมาก ผักผลไม้คล้ายทางภาคเหนือ ได้บรรยากาศตลาดสดเหมือนบ้านเราก็ไม่ได้แย่นะ มีร้านโรตีน่ากินหลายร้าน มีร้านขายพวกซัมโมซาแต่ไม่มีเงินติดตัวได้แต่มอง เราไปเดินคนเดียวก็ไม่น่ากลัว เค้าก็ไม่ได้สนใจอะไรเรามาก เราก็เดินไปถ่ายรูปไปครึ่งชั่วโมงก็ทั่วแล้ว
กลับมาเตรียมตัวไปเที่ยวถ้ำ ห่างจากตัวเมืองตองยีไปเกือบ 2 ชั่วโมงเป็นเส้นทางที่เชื่อมไปท่าขี้เหล็กได้ ปกติไม่ชอบเที่ยวถ้ำ แต่ที่นี่ทำสะอาดปูพื้นด้วยคอนกรีต สว่างไม่มืดๆอับๆ บางคนอาจไม่ชอบเพราะดูไม่ธรรมชาติ ถ้ำดีเป็นถ้ำ 3 ฤดู ทางเข้าจะเป็นฤดูหนาวเย็นมาก เดินเข้ามาหน่อยจะเป็นฤดูร้อนมันก็จะอ้าวๆนะ ส่วนสุดท้ายเป็นฤดูฝน ดูหินย้อยเป็นรูปร่มเลย เป็นถ้ำที่มีพระมาบำเพ็ญสมาธิอยู่และเป็นที่เลื่อมใสของชาวพม่า มีเหมารถมากันเยอะเลย มีอาหารให้รับประทานฟรีด้วยนะคะ แต่พี่คนพม่าบอกเราอย่าเสี่ยง

มากันเป็นหมู่คณะ น่ารักดี
ด้านข้างเป็นลำธารน้ำเย็นมาก
ตรงนี้ฤดูหนาว ยืนอยู่จะรู้สึกเย็น

บริเวณนี้เป็นฤดูฝน จะมีน้ำหยดลงมา พื้นจะแชะ

คนพม่าเอาดินเหนียวบริเวณนี้มาปั้นเป็นลักษณะเจดีย์ เหมือนเป็นการสร้างเจดีย์ถวาย

ของไหว้ สับปะรดหลายหัวแปลกดี
มาถึงสนามบินHeho

ชอบตาชั่งใหญ่มาก แต่ไม่ได้ใช้งาน
เราต้องรีบกลับไปขึ้นเครื่องเพื่อไปมัณฑะเลย์ต่อ รอบนี้ไม่มีที่นั่งเลือกกันเองตามสะดวกวิวสองข้างทางสวยมากเหมือนภาพวาดเลย ถ่ายภาพอยากหน่อยเพราะกระจกขุ่นมัวมากกก ที่มัณฑะเลย์จะไม่เย็นเหมือนที่ตองยี ตอนนี้คิดถึงอาหารไทยมาก เราไปกินร้านต้มยำกุ้งป้าแม่ครัวออกมาต้อนรับเองเลยคะ เราสั่งอาหารรสจัดได้รสชาติเข้มข้นอร่อย สั่งเนื้อย่างจิ้มแจ่วแต่อดกินเพราะไม่ได้สั่งล่วงหน้าไม่มีเนื้อสันเผื่อไว้ เมนูเนื้อวัวคนพม่าเค้าจะไม่กินเลย เพราะเค้าถือว่าเป็นสัตว์ที่ช่วยทำไร่ไถนา อีกคืนมากินร้านต้มยำกุ้งอีกสาขาที่นี่จะเน้นเป็นชาบูกับเนื้อกระทะ ให้หยิบได้เอง มีของคาวของหวานอีกหลายอย่าง ได้กินอาหารไทยสบายใจ

วันนี้พี่เค้าไปไหว้พระมหามัยมุนี ทุกเช้าจะมีพิธีล้างหน้าพระพุทธรูปแต่เราไม่อยากตื่นกัน ให้เข้าไปไหว้ภายในได้เฉพาะผู้ชาย ไปเที่ยวกันต่อครั้งนี้ไม่ได้ไปครบเพราะต้องรีบกลับมาขึ้นเครื่อง เลยเลือกจะไปชมวัดชเวนันดอว์ เป็นไม้สักทั้งหลังลวดลายแกะสลักงดงงาม เป็นวัดที่รอดจากการถูกเผาสมัยสงคราม ละแวกใกล้ๆกันก็จะมีวัดกุโสดอว์ รอบๆเจดีย์จะมีแผ่นหินอ่อนสลักพระไตรปิฎกเรียงรายอยู่โดยรอบ ด้านในจะมีต้นไม้อายุเก่าแก่ลองเดินเข้าไปดูด้านในได้ค่ะ จากนั้นก็รีบไปสนามบินใช้บริการบางกอกแอร์เวย์ไฟลท์บ่าย ได้ขึ้นเครื่องตอนเกือบทุ่ม delay แล้ว delay อีก ตอนแรกดีใจเห็นเครื่องบางกอกแอร์มา แต่ไม่ใช่เครื่องเรา เป็นเครื่องที่จะไปเชียงใหม่ ใครไปสุวรรณภูมิก็รอกันต่อไปเห้อ ขามาก็แถมไป 1 ชั่วโมง ยังดีที่มีเลาจน์ให้นั่งเล่นไปเรื่อยๆ และมีข้าวผัดบริการอีก 1 มื้อ

กินข้าวโพดคั่วจนปากเปื่อย ร้านค้าปิดกันหมดแล้ว
อ้อลืมบอกไปคนรัฐฉานหรือไทยใหญ่พูดภาษาไทยได้ คือบางคนพูดภาษาไทยกับเราได้เลย อย่างพ่อค้าขายอโวกาโดที่เราไปเที่ยวถ้ำก็ส่งภาษาไทยกับเรา

ยำใบชา ของขึ้นชื่อของมัณฑะเลย์ค่ะ อร่อยตรงที่มีถั่วกับหอมทอด
เพิ่มเติมอาหารที่สนามบินภายในประเทศมีร้านอาหารหลากหลาย เราเลือกอาหารไทยและกินผัดไทย ราคาตามรูปเลยค่ะ
พาเที่ยวเมืองตองยี รัฐฉาน ประเทศพม่า
เมืองตองยีเป็นเมืองทางภาคเหนือ อยู่ในรัฐฉาน ประเทศพม่า ภูมิประเทศเป็นเขาซะส่วนใหญ่ สนามบินอยู่บนเขา จะเข้ามาในเมืองต้องลงจากเขาและขึ้นเขามาในเมืองอีกรอบ แต่เขาไม่ได้สูงชันมาก นักท่องเที่ยวมาเยอะ สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมคือทะเลสาบอินเลนั้นเอง
อาคารสนามบินภายในประเทศ ที่ย่างกุ้ง
ห้องน้ำสะอาดมาก
เราออกเดินทางจากย่างกุ้ง ด้วยสายการบิน KBZ บริษัทนี้มีธุรกิจเยอะมากมีทั้งธนาคาร สายการบิน โรงแรม ครั้งนี้ได้มีโอกาสใช้บริการสนามบินภายในประเทศ สนามบินใหม่ห้องน้ำสะอาด
กาแฟยามเช้า(แต่เราไม่ได้กินร้านนี้)
อาหารเช้าพม่า
ใครยังไม่กินอะไรมีที่นี่มีร้านกาแฟ Coffee bean & Tea leaf ร้านอาหาร coffee shop เช้าๆแบบนี้ไปลองอาหารพม่า เป็นเหมือนขนมจีนใส่น้ำก๋วยเตี๋ยวแกงทำมาจากถั่ว ชอบกินเครื่องเคียงที่เป็นของทอด ทำเอาท้องไส้ปั่นปวนไปตลอดทริป
snack ที่แจกบนเครื่องดูดี
เครื่องบินแบบใบพัดจัดที่นั่งเป็น 2-2 มีระบุที่นั่ง มีบริการอาหารว่างเป็น แซนวิซ แยมโรล กับชอคโกแลต(อร่อย)ให้ด้วย นั่งเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง มีวิวสวยๆแปลกตาให้ชม
ในที่สุดก็ถึงสนามบิน Heho ลงจากเครื่องบินก็เดินเข้าอาคารมีตรวจ passport ด้วย แต่บางคนก็เดินออกไปเลย เลยไม่แน่ใจว่าจะต้องตรวจหรือเปล่า อากาศเย็นสบายๆเหมือนภาคเหนือหน้าหนาว ตอนไปอยู่ประมาณ 5-9 องศา ออกมาจะเห็นแปลงปลูกผัก ผลไม้ น่าจะเป็นคนจีนมาลงทุนดูจากป้ายนะคะ มีแปลงเก็บสตอเบอร์รี่ด้วย
เราต้องรีบไปลงเรือเพื่อเที่ยวในอินเล ไฟลท์ที่เรามาสายไปหน่อยอาจเที่ยวได้ไม่ครบ ระหว่างรอลงเรือมีแม่ค้ามาขายพวกข้าวตอกกับขนมอัดแท่ง พี่ที่ไปด้วยซื้อเราก็นึกว่าซื้อขนมไปกิน เค้าบอกว่าเอาไปให้นกนางนวล พอนั่งเรือออกไป ก็โปรยขนมเรียกนก นกก็บินตามกินขนม โยนแม่นๆ เข้าปากนกเลย เรามือใหม่ปาชิ้นใหญ่ไปหน่อย นกมีเซ ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ นั่งเรือมานานกว่าจะถึงแหล่งชุมชนที่อาศัยอยู่ในน้ำ ระหว่างทางมีพ่อหนุ่มโชว์ท่าพายเรือโดยใช้เท้ากับอุปกรณ์คู่กายไว้จับปลาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปก็จ่ายทิปกันไป
ร้านขายผ้าที่ทอจากใยบัว
สถานที่เที่ยวก็มีวัด มีพาไปดูทอผ้าใยบัว สวยดูดี และแพงมาก เรื่องห้องน้ำไม่ต้องห่วง สามารถเข้าได้ตามร้านพวกนี้ค่ะ
มื้อกลางวันไปกินอาหารบนน้ำ อาหารแนะนำคือผัดทะเขือเทศกับถั่วป่น มะเขือเป็นมะเขือที่ปลูกในทะเลสาบมีความสดอร่อยดีค่ะ แต่เราไม่เจริญอาหารสักเท่าไหร่เนื่องจากท้องปั่นปวนมาตั้งแต่มื้อเช้า
นั่งเรือกันต่อไปวัดนึงที่อยู่กลางน้ำมีประวัติเล่าว่าได้อัญเชิญพระพุทธรูปมาจากอินเดีย แล้วเรือล่ม และงมขึ้นมาได้เป็นที่นับถือของชาวบ้าน แปะทองจนพระพุทธรูปเป็นทรงกลมเลยค่ะ อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายขึ้นไปแปะทองเท่านั้น ถัดมาจะมีอู่เก็บเรือการะเวกที่ใช้ในขบวนแห่พระพุทธรูป มีการดูแลอย่างดีใกล้ๆกันมีโรงเรียนด้วยค่ะ แต่ยกพื้นสูงมากสงสัยกลัวน้ำท่วม
วิวระหว่างทาง ข้อดีของการมาหน้าหนาวคือแดดแรงๆก็ยังสู้ไหว
ไปแวะดูวัดกับเจดีย์พันองค์(อันนี้ตั้งชื่อเอง) จะมีการสร้างเจดีย์องค์เล็กๆไว้รอบๆ เจดีย์องค์ใหญ่ (ด้านล่างจะมีเจดีย์เก่าๆ ด้านบนจะสร้างใหม่) เดินเขามีของขายตลอดทาง แต่เหนื่อยมาก นอนน้อยตื่นแต่เช้า ขากลับนั่งเรือจะหลับแต่ได้วิวพระอาทิตย์ตกหลังเขามาปลุกให้ตื่น
(เป็นภาพอีกทริปนึงค่ะ รอบนี้ไปไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินที่ไร่องุ่น)
คืนแรกไปกินอาหารบนไร่องุ่นใช้ผลิตไวน์ ไวน์ที่นี่มีชื่อเสียงแต่เราก็ไม่รู้เรื่องหรอก ถามร้านว่าไม่มีน้ำองุ่นหรือเค้าบอกว่าองุ่นคนละพันธุ์กัน
นอนที่รีสอร์ตในสนามกอล์ฟ ที่กว้างขวางตอนเช้าตื่นมาออกกำลังกายเดิน วิ่งรอบๆได้ค่ะ อากาศดี เย็นสบาย ตอนขาไปวิ่งลงเขาสบ๊ายๆ แต่ลืมขากลับหอบลิ้นห้อยเลย ลงเขาไปทำงานในเมืองแป๊บ
ร้านเครื่องสำอางมียี่ห้อจากยุโรปหรืออเมริกาที่ไม่เข้ามาขายในเมืองไทย แต่ที่นี่มีไม่ต้อง Pro order
ตอนเย็นๆพี่ๆพาขึ้นเขาไปนอนที่ตองยี เป็นเหมือนเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของรัฐฉาน มีโรงเรียนแพทย์ ทั้งประเทศมีอยู่ 3 ที่ ย่างกุ้ง ตองยีและก็อีกทีจำไม่ได้ มีร้านค้าทันสมัย ห้างใหญ่ซุปเปอร์โอเชียน คล้ายๆกับ Lotus บ้านเรา มีร้านเครื่องสำอางเกาหลีหลายยี่ห้อ ร้านเสื้อผ้า Bossini มาขายอยู่บนเขาไกลมาก มีเหมือนเป็นคลีนิคของบำรุงราษฎรมาเปิดด้วยนะ ไม่ธรรมดา และที่แปลกโรงแรมเยอะมาก ก็ถามเค้าว่าทำไมมีโรงแรมเยอะ เค้าบอกว่ามีงานเทศกาลปล่อยโคมลอยนักท่องเที่ยวมาเยอะมากโรงแรมเต็มหมดแต่เท่าที่ดูโรงแรมก็มีแขกพักเยอะเกือบทุกโรงแรม ที่นี่มีร้านอาหารไทย
ตอนเช้ามาเดินตลาดเช้า มีกุหลาบขายเยอะมาก ผักผลไม้คล้ายทางภาคเหนือ ได้บรรยากาศตลาดสดเหมือนบ้านเราก็ไม่ได้แย่นะ มีร้านโรตีน่ากินหลายร้าน มีร้านขายพวกซัมโมซาแต่ไม่มีเงินติดตัวได้แต่มอง เราไปเดินคนเดียวก็ไม่น่ากลัว เค้าก็ไม่ได้สนใจอะไรเรามาก เราก็เดินไปถ่ายรูปไปครึ่งชั่วโมงก็ทั่วแล้ว
กลับมาเตรียมตัวไปเที่ยวถ้ำ ห่างจากตัวเมืองตองยีไปเกือบ 2 ชั่วโมงเป็นเส้นทางที่เชื่อมไปท่าขี้เหล็กได้ ปกติไม่ชอบเที่ยวถ้ำ แต่ที่นี่ทำสะอาดปูพื้นด้วยคอนกรีต สว่างไม่มืดๆอับๆ บางคนอาจไม่ชอบเพราะดูไม่ธรรมชาติ ถ้ำดีเป็นถ้ำ 3 ฤดู ทางเข้าจะเป็นฤดูหนาวเย็นมาก เดินเข้ามาหน่อยจะเป็นฤดูร้อนมันก็จะอ้าวๆนะ ส่วนสุดท้ายเป็นฤดูฝน ดูหินย้อยเป็นรูปร่มเลย เป็นถ้ำที่มีพระมาบำเพ็ญสมาธิอยู่และเป็นที่เลื่อมใสของชาวพม่า มีเหมารถมากันเยอะเลย มีอาหารให้รับประทานฟรีด้วยนะคะ แต่พี่คนพม่าบอกเราอย่าเสี่ยง
มากันเป็นหมู่คณะ น่ารักดี
ด้านข้างเป็นลำธารน้ำเย็นมาก
ตรงนี้ฤดูหนาว ยืนอยู่จะรู้สึกเย็น
บริเวณนี้เป็นฤดูฝน จะมีน้ำหยดลงมา พื้นจะแชะ
คนพม่าเอาดินเหนียวบริเวณนี้มาปั้นเป็นลักษณะเจดีย์ เหมือนเป็นการสร้างเจดีย์ถวาย
ของไหว้ สับปะรดหลายหัวแปลกดี
มาถึงสนามบินHeho
ชอบตาชั่งใหญ่มาก แต่ไม่ได้ใช้งาน
เราต้องรีบกลับไปขึ้นเครื่องเพื่อไปมัณฑะเลย์ต่อ รอบนี้ไม่มีที่นั่งเลือกกันเองตามสะดวกวิวสองข้างทางสวยมากเหมือนภาพวาดเลย ถ่ายภาพอยากหน่อยเพราะกระจกขุ่นมัวมากกก ที่มัณฑะเลย์จะไม่เย็นเหมือนที่ตองยี ตอนนี้คิดถึงอาหารไทยมาก เราไปกินร้านต้มยำกุ้งป้าแม่ครัวออกมาต้อนรับเองเลยคะ เราสั่งอาหารรสจัดได้รสชาติเข้มข้นอร่อย สั่งเนื้อย่างจิ้มแจ่วแต่อดกินเพราะไม่ได้สั่งล่วงหน้าไม่มีเนื้อสันเผื่อไว้ เมนูเนื้อวัวคนพม่าเค้าจะไม่กินเลย เพราะเค้าถือว่าเป็นสัตว์ที่ช่วยทำไร่ไถนา อีกคืนมากินร้านต้มยำกุ้งอีกสาขาที่นี่จะเน้นเป็นชาบูกับเนื้อกระทะ ให้หยิบได้เอง มีของคาวของหวานอีกหลายอย่าง ได้กินอาหารไทยสบายใจ
วันนี้พี่เค้าไปไหว้พระมหามัยมุนี ทุกเช้าจะมีพิธีล้างหน้าพระพุทธรูปแต่เราไม่อยากตื่นกัน ให้เข้าไปไหว้ภายในได้เฉพาะผู้ชาย ไปเที่ยวกันต่อครั้งนี้ไม่ได้ไปครบเพราะต้องรีบกลับมาขึ้นเครื่อง เลยเลือกจะไปชมวัดชเวนันดอว์ เป็นไม้สักทั้งหลังลวดลายแกะสลักงดงงาม เป็นวัดที่รอดจากการถูกเผาสมัยสงคราม ละแวกใกล้ๆกันก็จะมีวัดกุโสดอว์ รอบๆเจดีย์จะมีแผ่นหินอ่อนสลักพระไตรปิฎกเรียงรายอยู่โดยรอบ ด้านในจะมีต้นไม้อายุเก่าแก่ลองเดินเข้าไปดูด้านในได้ค่ะ จากนั้นก็รีบไปสนามบินใช้บริการบางกอกแอร์เวย์ไฟลท์บ่าย ได้ขึ้นเครื่องตอนเกือบทุ่ม delay แล้ว delay อีก ตอนแรกดีใจเห็นเครื่องบางกอกแอร์มา แต่ไม่ใช่เครื่องเรา เป็นเครื่องที่จะไปเชียงใหม่ ใครไปสุวรรณภูมิก็รอกันต่อไปเห้อ ขามาก็แถมไป 1 ชั่วโมง ยังดีที่มีเลาจน์ให้นั่งเล่นไปเรื่อยๆ และมีข้าวผัดบริการอีก 1 มื้อ
กินข้าวโพดคั่วจนปากเปื่อย ร้านค้าปิดกันหมดแล้ว
อ้อลืมบอกไปคนรัฐฉานหรือไทยใหญ่พูดภาษาไทยได้ คือบางคนพูดภาษาไทยกับเราได้เลย อย่างพ่อค้าขายอโวกาโดที่เราไปเที่ยวถ้ำก็ส่งภาษาไทยกับเรา
ยำใบชา ของขึ้นชื่อของมัณฑะเลย์ค่ะ อร่อยตรงที่มีถั่วกับหอมทอด
เพิ่มเติมอาหารที่สนามบินภายในประเทศมีร้านอาหารหลากหลาย เราเลือกอาหารไทยและกินผัดไทย ราคาตามรูปเลยค่ะ