มีอยู่ช่วงนึงค่ะที่ชีวิตค่อนข้างวุ่นวายมาก วิ่งตามเป้าหมายที่ตนเองอยากให้สำเร็จทั้งเรียน ทั้งค้าขาย ทั้งงานประจำ และต้องหาเงิน
ไม่เคยคิดที่จะหวังพึ่งอะไรใครค่ะ เลยอยู่เองคนเดียวไปเรื่อยๆพอครึ่งปีเริ่มมีความรู้สึกอยากมีใครสักคน จึงเปิดใจและเลือกคุยกับคนๆนึง โดยที่เราทั้งสองไม่ได้ตั้งสถานะอะไรกันทั้งสิ้น
และคิดว่าสิ่งที่ทำเหมาะกับเราในช่วงเวลานั้นเพราะว่าเรามีสิ่งที่เราต้องโฟกัสมากกว่าคือการ หาเงิน หมุนเงิน ลองผิดลองถูกธุรกิจ จนบางครั้งไม่ได้แชร์อะไรให้เค้าฟังมาก
ถึงแม้อยู่ด้วยกันเพราะเราไปค้างบ้านเค้าตลอดแต่เราจะมีโลกส่วนตัวของเราที่ต้องโฟกัสหน้าคอม ทำงาน แต่ทุกวันอย่างน้อยเราจะออกไปวิ่งหรือทานข้าวกันหลังเราเลิกงาน แต่พอกลับบ้านเราไม่ได้เล่าได้แชร์อะไรให้เค้าฟังมาก ไม่ได้ฝันอะไรไกลเพราะเราเอาเป้าหมายอันใกล้นี้ให้สำเร็จก่อนจึงไม่ได้เล่าอะไรให้เค้าฟัง ส่วนความฝันไกลๆมันก็ต้องขึ้นอยู่กับทุนในปัจจุบันด้วย ดังนั้นส่วนมากไม่ได้ฝันอะไรไกลหรอกค่ะ
ส่วนเค้าเป็นพวกบ้านมีฐานะอยู่แล้วแต่ชอบใช้ชีวิตอิสระ มีสำนักกฎหมายที่พ่อทิ้งไว้ให้หลังจากพ่อเสีย ทำอสังหาริมทรัพย์เค้าเลยมาอยู่ประเทศไทยเฉยๆ ไม่ได้ทำงานอะไร อยู่มา เก้าเดือนแล้ว เค้าเป็นชาวต่างชาติค่ะอายุประมาณ 34 ค่ะ
เค้าบางครั้งคงคิดว่าเราเป็นคนไม่มีเป้าหมาย หรือเป้าหมายไม่น่าสนใจและไม่ชัดเจน และเรากลายเป็นคนไม่น่าสนใจสำหรับเค้า เราไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่ก็อยู่ด้วยกันได้ เพราะอย่างที่บอกเราต้องโฟกัสเรื่องงาน แต่พอนานเข้าเราอยู่กันมาห้าเดือนเราจึงมีความผูกพันระดับนึง แต่ก็ไม่กล้าคุยเพื่อให้นิยามความสัมพันใดๆทั้งสิ้น เพราะตัวเราเองก็ปรับให้เป็นคนที่น่าสนใจในแบบที่เค้าต้องการไม่ได้ ชีวิตเราเรียบง่ายค่ะ เราไม่ได้มีทุนทางครอบครัวอะไรเยอะขนาดเค้า ฝันที่อยากทำธุรกิจก็แค่ขายสินค้าออนไลน์นำเข้าเล็กๆน้อยๆ
เราไม่รุ้จะทำตัวให้เป็นอิสระทางการเงินแบบเค้าได้ยังไง แนวความคิดที่เค้าพยายามสอนๆๆทุกวันเราได้แต่ฟังค่ะ เห็นด้วยนะค่ะแต่ทำไมได้ และเค้าค่อนข้างชอบผู้หญิงเก่ง แต่ที่เค้าอยู่กับเราเพราะเราไม่เคยอารมณ์เสียใส่เค้า ไม่บ้าบอ ไม่เอาเปรียบเค้า เป็นคนบ้านๆธรรมดา ทุกอย่างที่เค้าพูดเค้าอยากปรับแนวความคิดเราเป็นเรื่องดีๆทั้งนั้น แต่สถานะการณ์บ้านเค้า วัฒนธรรมที่ทำให้เค้าคิดแบบนั้น มันบางทีปรับใช้กับเมืองไทยไม่ได้ คนก็ไม่เหมือนกัน เราก็ฟังค่ะ แต่บางทีเค้าพูดมากเกิน เราอยากให้เค้าเข้าใจเรามากกว่านี้ ถ้าต้องการให้เราดีขึ้น ก็อยากให้เค้าช่วยลงทุนหรือสอนเราทำธุรกิจ หรือเปิดธุรกิจแล้วเราช่วยซัพพอร์ท แต่ว่าเราไม่คิดว่าการที่เราจะพูดกับเค้าตรงๆเค้าจะอยากทำธุรกิจกับเราเพราะเค้าไม่เห็นว่าเราจะทำอะไรได้ ไม่รู้ว่าการอยู่กับเค้าต่อจะดีกับเราหรือว่าเท่าเดิม
บางทีตอนนี้เหมือนอยากกลับไปอยู่บ้าน และเริ่มหาคนใหม่ อาจจะแก่กว่าที่ดูและเราได้ แต่บางทีก็ไม่อยากเพราะอาจจะเจอคนที่ไม่ดีเท่าเค้า และจริงๆไม่ได้อยากให้ใครดูและเราได้ แต่อยากได้คนที่พื้นฐานคล้ายๆกัน คนที่ทำงานเหมือนๆกัน แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดีอีกนั้นแหละ
ถ้าเราคบกับเค้าต่อไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ มีวิธีพูดให้เค้าเข้าใจว่า 1. เราไม่มีทุนเยอะ เราต้องเริ่มจากลองผิดลองถูก และเราไม่สามารถออกจากงานประจำได้ 2. ให้เค้าเข้าใจว่าที่เราเงียบที่เราไม่สนใจคุยอะไรๆมากเพราะบางทีในหัวเราต้องบิ๊วอารมณ์ ความคิดก่อนจะโทรหาน้อง เพื่อน อาจารย์ปริญญาโท เรื่องส่งงาน เรื่องปรับกลยุทธทางการตลาดค้าขายออนไลน์ เดี๋ยวเค้าว่าง ไม่ว่าง เดี๋ยวสอนให้ฟรี เดี๋ยวไม่สอน ยอดขายตก ปัญหาแต่ละวันจิปาถะมากมาย ขาดทุนก็มี ก็เป็นหนี้เพราะยืมเพื่อนบ้าง พอจะจ่ายหนี้เพื่อนรถดันพัง ต้องเอาเงินไปซ่อมค่ารถก่อนต้องเช่ารถไว้ขับก่อน ทุกอย่างคือต้องแก้ปัญหากันตลอดและเป็นเรื่องน่าอายที่จะต้องบอกเค้าปัญหาเหล่านี้เพราะเราเท่านั้นที่จำเป็นต้องแก้มัน ถึงจะให้บอกก็ไม่รู้จะบอกยังไง มากน้อยแค่ไหน แนะนำหน่อยค่ะ
เคยไหมเลือกที่จะคบใครสักคนแต่กลายเป็นว่าตัวเองอยากอยู่คนเดียวมากกว่าทั้งที่เค้าไม่ผิดอะไร
ไม่เคยคิดที่จะหวังพึ่งอะไรใครค่ะ เลยอยู่เองคนเดียวไปเรื่อยๆพอครึ่งปีเริ่มมีความรู้สึกอยากมีใครสักคน จึงเปิดใจและเลือกคุยกับคนๆนึง โดยที่เราทั้งสองไม่ได้ตั้งสถานะอะไรกันทั้งสิ้น
และคิดว่าสิ่งที่ทำเหมาะกับเราในช่วงเวลานั้นเพราะว่าเรามีสิ่งที่เราต้องโฟกัสมากกว่าคือการ หาเงิน หมุนเงิน ลองผิดลองถูกธุรกิจ จนบางครั้งไม่ได้แชร์อะไรให้เค้าฟังมาก
ถึงแม้อยู่ด้วยกันเพราะเราไปค้างบ้านเค้าตลอดแต่เราจะมีโลกส่วนตัวของเราที่ต้องโฟกัสหน้าคอม ทำงาน แต่ทุกวันอย่างน้อยเราจะออกไปวิ่งหรือทานข้าวกันหลังเราเลิกงาน แต่พอกลับบ้านเราไม่ได้เล่าได้แชร์อะไรให้เค้าฟังมาก ไม่ได้ฝันอะไรไกลเพราะเราเอาเป้าหมายอันใกล้นี้ให้สำเร็จก่อนจึงไม่ได้เล่าอะไรให้เค้าฟัง ส่วนความฝันไกลๆมันก็ต้องขึ้นอยู่กับทุนในปัจจุบันด้วย ดังนั้นส่วนมากไม่ได้ฝันอะไรไกลหรอกค่ะ
ส่วนเค้าเป็นพวกบ้านมีฐานะอยู่แล้วแต่ชอบใช้ชีวิตอิสระ มีสำนักกฎหมายที่พ่อทิ้งไว้ให้หลังจากพ่อเสีย ทำอสังหาริมทรัพย์เค้าเลยมาอยู่ประเทศไทยเฉยๆ ไม่ได้ทำงานอะไร อยู่มา เก้าเดือนแล้ว เค้าเป็นชาวต่างชาติค่ะอายุประมาณ 34 ค่ะ
เค้าบางครั้งคงคิดว่าเราเป็นคนไม่มีเป้าหมาย หรือเป้าหมายไม่น่าสนใจและไม่ชัดเจน และเรากลายเป็นคนไม่น่าสนใจสำหรับเค้า เราไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่ก็อยู่ด้วยกันได้ เพราะอย่างที่บอกเราต้องโฟกัสเรื่องงาน แต่พอนานเข้าเราอยู่กันมาห้าเดือนเราจึงมีความผูกพันระดับนึง แต่ก็ไม่กล้าคุยเพื่อให้นิยามความสัมพันใดๆทั้งสิ้น เพราะตัวเราเองก็ปรับให้เป็นคนที่น่าสนใจในแบบที่เค้าต้องการไม่ได้ ชีวิตเราเรียบง่ายค่ะ เราไม่ได้มีทุนทางครอบครัวอะไรเยอะขนาดเค้า ฝันที่อยากทำธุรกิจก็แค่ขายสินค้าออนไลน์นำเข้าเล็กๆน้อยๆ
เราไม่รุ้จะทำตัวให้เป็นอิสระทางการเงินแบบเค้าได้ยังไง แนวความคิดที่เค้าพยายามสอนๆๆทุกวันเราได้แต่ฟังค่ะ เห็นด้วยนะค่ะแต่ทำไมได้ และเค้าค่อนข้างชอบผู้หญิงเก่ง แต่ที่เค้าอยู่กับเราเพราะเราไม่เคยอารมณ์เสียใส่เค้า ไม่บ้าบอ ไม่เอาเปรียบเค้า เป็นคนบ้านๆธรรมดา ทุกอย่างที่เค้าพูดเค้าอยากปรับแนวความคิดเราเป็นเรื่องดีๆทั้งนั้น แต่สถานะการณ์บ้านเค้า วัฒนธรรมที่ทำให้เค้าคิดแบบนั้น มันบางทีปรับใช้กับเมืองไทยไม่ได้ คนก็ไม่เหมือนกัน เราก็ฟังค่ะ แต่บางทีเค้าพูดมากเกิน เราอยากให้เค้าเข้าใจเรามากกว่านี้ ถ้าต้องการให้เราดีขึ้น ก็อยากให้เค้าช่วยลงทุนหรือสอนเราทำธุรกิจ หรือเปิดธุรกิจแล้วเราช่วยซัพพอร์ท แต่ว่าเราไม่คิดว่าการที่เราจะพูดกับเค้าตรงๆเค้าจะอยากทำธุรกิจกับเราเพราะเค้าไม่เห็นว่าเราจะทำอะไรได้ ไม่รู้ว่าการอยู่กับเค้าต่อจะดีกับเราหรือว่าเท่าเดิม
บางทีตอนนี้เหมือนอยากกลับไปอยู่บ้าน และเริ่มหาคนใหม่ อาจจะแก่กว่าที่ดูและเราได้ แต่บางทีก็ไม่อยากเพราะอาจจะเจอคนที่ไม่ดีเท่าเค้า และจริงๆไม่ได้อยากให้ใครดูและเราได้ แต่อยากได้คนที่พื้นฐานคล้ายๆกัน คนที่ทำงานเหมือนๆกัน แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดีอีกนั้นแหละ
ถ้าเราคบกับเค้าต่อไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ มีวิธีพูดให้เค้าเข้าใจว่า 1. เราไม่มีทุนเยอะ เราต้องเริ่มจากลองผิดลองถูก และเราไม่สามารถออกจากงานประจำได้ 2. ให้เค้าเข้าใจว่าที่เราเงียบที่เราไม่สนใจคุยอะไรๆมากเพราะบางทีในหัวเราต้องบิ๊วอารมณ์ ความคิดก่อนจะโทรหาน้อง เพื่อน อาจารย์ปริญญาโท เรื่องส่งงาน เรื่องปรับกลยุทธทางการตลาดค้าขายออนไลน์ เดี๋ยวเค้าว่าง ไม่ว่าง เดี๋ยวสอนให้ฟรี เดี๋ยวไม่สอน ยอดขายตก ปัญหาแต่ละวันจิปาถะมากมาย ขาดทุนก็มี ก็เป็นหนี้เพราะยืมเพื่อนบ้าง พอจะจ่ายหนี้เพื่อนรถดันพัง ต้องเอาเงินไปซ่อมค่ารถก่อนต้องเช่ารถไว้ขับก่อน ทุกอย่างคือต้องแก้ปัญหากันตลอดและเป็นเรื่องน่าอายที่จะต้องบอกเค้าปัญหาเหล่านี้เพราะเราเท่านั้นที่จำเป็นต้องแก้มัน ถึงจะให้บอกก็ไม่รู้จะบอกยังไง มากน้อยแค่ไหน แนะนำหน่อยค่ะ