สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และกำจัดแมลง  (Pesticide) มี 3 ชนิดด้วยกันครับ

1. สารเคมีกำจัดแมลง เช่น DDT
2. สารเคมีกำจัดโรคพืช
3. สารเคมีกำจัดวัชพืช เช่น พาราควอต, ไกลโฟเสต

ในที่นี้ผมอยากจะขออธิบายถึงเฉพาะสารเคมีกำจัดวัชพืช หรือที่รู้จักโดยทั่วไปว่า "ยาฆ่าหญ้า" ในประเทศไทยมีการใช้สารเคมีชนิดนี้กันอย่างแพร่หลายมานานแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน

.... เพราะว่า ....

แรงงานทางภาคการเกษตรลดลง ขณะเดียวกันบริษัทที่ผลิตสารเคมีก็มีการพัฒนา ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ และเฉพาะเจาะจงมากขึ้นในการใช้กำจัดวัชพืชตามความต้องการของเกษตรกร

มาดูความหมายของ สารเคมีกำจัดวัชพืช กันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สารเคมีกำจัดวัชพืช หมายถึง สารเคมีที่ใช้เพื่อทำลาย หรือยับยั้งการเจริญเติบโตของวัชพืช ทั้งวัชพืชที่งอกขึ้นมาแล้ว หรือยังเป็นเมล็ด ตลอดจนชิ้นส่วนต่างๆ ของวัชพืชที่ขยายพันธุ์ได้ ทั้งที่อยู่ในดิน หรือบนดิน โดยสามารถจำแนกประเภทของสารเคมีกำจัดวัชพืชตามประเภทของสารตามลักษณะโครงสร้างพื้นฐานทางเคมีได้ดังนี้

1. การแบ่งตามลักษณะการเลือกทำลาย (Herbicides Selectivity) แบ่งออกได้ 2 กลุ่ม

     • สารประเภทเลือกทำลาย (Selective Herbicides) หมายถึง สารที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชบางชนิด โดยจะทำลายเฉพาะวัชพืชแต่จะไม่เป็นพิษต่อพืชที่ปลูก

     • สารประเภทไม่เลือกทำลาย (Non-selective Herbicides) หมายถึง สารที่มีผลในการทำลายพืชทุกชนิด เช่น พาราควอต ไกลโฟเสต และไกลฟูซิเนต เป็นต้น สารพวกนี้จะทำลายพืชทุกชนิดที่สารสัมผัส

2. การแบ่งตามลักษณะวิธีการใช้ (Method of Application) แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม

     • สารประเภทฉีดพ่นทางใบ (Foliar-Applied Herbicides) หมายถึง สารซึ่งทำลายพืชโดยผ่านเข้าสู่พืชทางใบ (Leaf-Acting Herbicides) เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชที่เรียกว่า “ยาฆ่า” สารประเภทฉีดทางใบ สามารถแบ่งออกตามลักษณะอาการที่พืชได้รับพิษโดยทั่วไป(General Symptoms) ได้ 2 กลุ่ม

    - สารประเภทสัมผัส (Contact Herbicides) หมายถึง สารที่มีผลเฉพาะบริเวณของส่วนที่พืชได้รับสารสัมผัสเท่านั้น ทำใหบริเวณที่สารสัมผัสจะแสดงอาการเหลืองซีด และแห้งตาย หรือถูกทำลาย

    - สารประเภทเคลื่อนย้าย (Translocated Herbicides) หมายถึง สารซึ่งเมื่อเข้าไปในพืชทางใบแล้ว จะมีการเคลื่อนย้ายไปยังส่วนต่างๆ ภายในต้นพืชได้หลายทิศทาง เช่น ขึ้นสู่สวนยอดของลำต้น และลงสู่ราก หรือหัวใต้ดิน

     • สารประเภทฉีดทางดิน (Soil-Applied Herbicides) หมายถึง สารที่ใชฉีดลงบนดิน หรือหลังจากฉีดแล้วมีการคลุกของสารเขาไปกับดิน เพื่อทำลายเมล็ดวัชพืชที่กำลังงอก โดยสารจะเข้าสู่ต้นพืชได้ทางราก หรือยอดใต้ดิน

ที่มา : ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เพชรบุรี

จากที่ผมลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม จะพบว่า ...

สารกำจัดวัชพืชชนิดเผาไหม้ ชื่อสามัญก็คือ พาราควอต (Paraquat) ชื่อการค้ามีต่างๆ นานามากมาย เช่น Grumoxone, Karazaone, Topzone, Noxone, ซิงโมซา, ฯลฯ  ที่มีชื่อว่า ยาเผาไหม้ เพราะว่า พ่นตรงไหน พืชตายตรงนั้น ไม่ดูดซึมเข้าราก หรือลำต้น เพียงแค่ 1 วัน พืชตาย ดังนั้น การใช้สารพาราควอต เกษตรกรจึงมักจะจำกัดพื้นที่ในการฉีดพ่น เพื่อไม่ให้พืชปลูกหลักได้รับผลกระทบไปด้วย

พาราควอต (Paraquat) เป็นชื่อการค้าของ N,N'-ไดเมทิลl-4,4'-ไบไพริดิเนียม ไดคลอไรด์ เป็นยากำจัดวัชพืชชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลก ถูกสังเคราะห์ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1882 แต่ถูกนำมาใช้กำจัดวัชพืชครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1955  ผลิตจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1961 โดยบริษัท ไอซีไอ ปัจจุบันทำการตลาดโดยบริษัท ซินเจนทา


ในประเทศไทย พาราควอตเป็นที่รู้จักในชื่อการค้า กรัมม็อกโซน (Grammoxone)  เป็นยาฆ่าวัชพืชที่นิยมใช้ที่สุดในประเทศไทย

พาราควอตออกฤทธิ์โดยหยุดยั้งการเติบโตของเซลล์วัชพืช เฉพาะส่วนที่เป็นสีเขียว และทำให้เนื้อเยื่อของเซลล์นั้นแห้งลง โดยไม่แพร่กระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อไม้ สามารถใช้ได้กับพืชผลหลายชนิด ทั้งไม้ต้นสูง และพืชพันธุ์เตี้ย

ในประเทศโลกที่สาม พาราควอตถูกนำไปใช้เป็นยาพิษสำหรับการฆ่าตัวตาย  เพราะเป็นสารพิษที่มีจำหน่ายทั่วไป ราคาไม่แพง และไม่จำเป็นต้องใช้ในปริมาณมาก

---

ในขณะที่สารกำจัดวัชพืชชนิดพ่นคลุม มีชื่อสามัญคือ ไกลโฟเสต (Glyphosate) ชื่อการค้า "ราวด์อัพ (Roundup)" เป็นยากำจัดวัชพืชโดยช้วิธีฉีดพ่น และดูดซึมทางใบ วิธีฉีดเข้าลำต้น หรือหยอดที่ยอด ตัวสารเคมีจะถูกดูดซึมเข้าสู่ต้นพืช กระจายจากใบสู่ราก โดยจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน ประเทศไทยเกษตรกรนิยมฉีดพ่นคลุมไม่ให้หญ้าขึ้นก่อนเพาะปลูก เริ่มต้นเพาะปลูก หรือพ่นหลังหญ้าขึ้นสัก 1-2 นิ้ว และเป็นยากำจัดวัชพืชที่มีปริมาณการใช้งานมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทั้งในการจัดการเกษตร และการตกแต่งสวนหย่อม


ไกลโฟเสต (Glyphosate) เป็นชื่อการค้าของ N-(ฟอสโฟโนเมทิล) ไกลซีน  ถือสิทธิบัตร และผลิตจำหน่ายในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ทศวรรษปี 1970 โดยบริษัทมอนซานโต้  ในปัจจุบันมอนซานโตได้พัฒนาพืชผลที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมให้สามารถทนทานต่อไกลโฟเสต เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด ถั่วอัลฟัลฟา ข้าวฟ่าง คาโนลา ทำให้สามารถฉีดพ่นไกลโฟเสตเพื่อทำลายวัชพืชโดยไม่ทำลายพืชผล เพิ่มความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ ใช้ชื่อการค้าว่า พืชราวด์อั้พ เรดดี้ (Roundup Ready Trait)

สิทธิบัตรที่บริษัทมอนซานโตได้รับนั้น มีผลคุ้มครองถึงปี ค.ศ. 2000 ปัจจุบันผู้ผลิตรายอื่นจึงสามารถผลิต และจำหน่ายไกลโฟเสตในท้องตลาดได้ในชื่อทางการค้าต่าง ๆ กัน