แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว งานอดิเรก 2 อภิมหาเศรษฐีจากธุรกิจก่อสร้างไทย
เกิดความฮือฮาขึ้นในโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อ 2 อภิมหาเศรษฐีไทย “เปรมชัย-อนุทิน”ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายธุรกิจก่อสร้างยักษ์ใหญ่แห่งเมืองไทย ทำงานอดิเรกที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว คนหนึ่งเฝ้าฟัง ว. สัตว์ป่าอยู่ไหน อีกคนเฝ้าฟังโทรศัพท์ บินไปรับอวัยวะที่คนบริจาคมาต่อชีวิตคน แล้วหาคำตอบกันเอาเอง ว่าอันไหนเป็นสิ่งที่สมควรทำ สิ่งไหนไม่สมควรทำ เป็นอุธาหรณ์สอนใจสำหรับคนที่เป็น “อภิมหาเศรษฐี”
โลกโซเชียล ได้เผยแพร่ภารกิจหัวใจติดปีกของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือ “พี่หนู”หัวเรือใหญ่ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เมื่อรุ่งเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา โดยนายอนุทิน ได้โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวในตอนค่ำเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ว่า
“เตรียมพร้อมรับภารกิจสำคัญ บินขนส่งหัวใจและตับ จากอุดรธานี พรุ่งนี้เช้ามืด My first To Do list tomorrow at dawn. Fly to collect heart and liver organs at Udonthani with Dr. Pat Ongcharit” พร้อมกับการส่งรูปภาพหน้าจอในการคุยไลน์กับคุณหมอจาก ร.พ.จุฬาลงกรณ์
และในรุ่งเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 นายอนุทินได้โพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ว่า
VIP’s heart on board. 7 Persons, 8 Hearts and 1 Angel Proud to fly this mission พร้อมรูปภาพเครื่องบินส่วนตัวและทีมหมอและพยาบาล ในการบินไปรับอวัยวะที่มีการบริจาค ที่ถูกบรรจุในถังน้ำแข็ง
ขณะที่โลกออนไลน์ มีคนจำนวนหนึ่งนำพฤติกรรมของ 2 อภิมหาเศรษฐีไทย ในภาคธุรกิจก่อสร้างอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย มาเปรียบเทียบในทำนองว่า
“คนหนึ่ง “อดนอน” เพื่อบินไปรับส่งอวัยวะเพื่อต่อชีวิตให้ชีวิตกับหลาย ๆ คน แต่อีกคนกลับอดนอนเพื่อรอล่าอีกหลายชีวิตที่เค้าคิดว่าพวกมันเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน”
หรือข้อความที่ว่า
“งานอดิเรกเศรษฐีบางคนเข้าป่านอนฟัง ว. รอว่ามีสัตว์ป่าเดินผ่านมาให้ล่าไหม แต่งานอดิเรกเศรษฐีอีกท่านหนึ่ง นอนเปิดโทรศัพท์รอ ว่ามีหมอโทรมาให้บินพาไปรับอวัยวะกลางดึกไหม”
การเปรียบเทียบนี้คงจะเป็นใครไปเสียไม่ได้ นอกจากอภิมหาเศรษฐีอย่าง นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กับพวกรวม 4 คน ถูกหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี บุกจับคาแคมป์กลางป่าพร้อมปืนและเครื่องกระสุน กับซากเสือดำ เก้ง ...และไก่ฟ้าหลังเทา และโดนกล่าวหาเรื่องการบุกรุกคอรบครองพื้นที่ป่าอีกด้วย
ทั้งนี้ภารกิจหัวใจติดปีก นายอนุทิน ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ของชีวิต หลังจากที่สามารถขับเครื่องบินและมีเครื่องบินส่วนตัว เรียกได้ว่าเขาสแตนบาย กับภาระกิจนี้ตลอดเวลา เนื่องจากการบินไปรับอวัยวะจากผู้เสียชีวิตและทำการบริจาคให้กับผู้ป่วยที่รอการเปลี่ยนเพื่อที่จะต่อชีวิตไปได้ และเป็นบริการบินฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย แม้จะมีบริการนี้ในสายการบินต่าง ๆ แต่บางครั้งต้องรอเครื่องขึ้นตามกำหนดการ ซึ่งจะทำให้ไม่ทันเวลาภายในกำหนดเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น หากช้าไปกว่านั้นส่งผลให้อวัยวะเกิดความเสียหายและใช้การไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาบริการเครื่องบินส่วนตัว ที่จะต้องนำทีมแพทย์และพยาบาลที่เชี่ยวชาญจากกรุงเทพมหานคร บินไปผ่าตัดนำอวัยวะต่างๆกลับมาที่ ร.พ.จุฬาลงกรณ์
แตกต่างกันหรือไม่กับงานอดิเรกของ 2 มหาเศรษฐี จากวงการก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เมื่อคนหนึ่ง เข้าป่าล่าสัตว์ ส่วนอีกคน ขับเครื่องบินส่วนตัวไปรับอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์
นี่คือ....ความแตกต่างระหว่างเจ้าของ “ซิโนไทย กับ อิตาเลียนไทย”
นี่คือ....ความแตกต่างระหว่าง “อนุทิน-เปรมชัย”
พฤติกรรมใครน่าเคารพยกย่อง ในฐานะ วีระกรรม และ “วีระเวร” มากกว่ากัน
อ่านมาจาก 1morenews
ข่าวแบบนี้ ต้องรู้กันบ้าง? ความแตกต่าง 2 อภิมหาเศรษฐีจากธุรกิจก่อสร้างไทย
เกิดความฮือฮาขึ้นในโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อ 2 อภิมหาเศรษฐีไทย “เปรมชัย-อนุทิน”ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายธุรกิจก่อสร้างยักษ์ใหญ่แห่งเมืองไทย ทำงานอดิเรกที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว คนหนึ่งเฝ้าฟัง ว. สัตว์ป่าอยู่ไหน อีกคนเฝ้าฟังโทรศัพท์ บินไปรับอวัยวะที่คนบริจาคมาต่อชีวิตคน แล้วหาคำตอบกันเอาเอง ว่าอันไหนเป็นสิ่งที่สมควรทำ สิ่งไหนไม่สมควรทำ เป็นอุธาหรณ์สอนใจสำหรับคนที่เป็น “อภิมหาเศรษฐี”
โลกโซเชียล ได้เผยแพร่ภารกิจหัวใจติดปีกของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือ “พี่หนู”หัวเรือใหญ่ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เมื่อรุ่งเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา โดยนายอนุทิน ได้โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวในตอนค่ำเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ว่า “เตรียมพร้อมรับภารกิจสำคัญ บินขนส่งหัวใจและตับ จากอุดรธานี พรุ่งนี้เช้ามืด My first To Do list tomorrow at dawn. Fly to collect heart and liver organs at Udonthani with Dr. Pat Ongcharit” พร้อมกับการส่งรูปภาพหน้าจอในการคุยไลน์กับคุณหมอจาก ร.พ.จุฬาลงกรณ์
และในรุ่งเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 นายอนุทินได้โพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ว่า VIP’s heart on board. 7 Persons, 8 Hearts and 1 Angel Proud to fly this mission พร้อมรูปภาพเครื่องบินส่วนตัวและทีมหมอและพยาบาล ในการบินไปรับอวัยวะที่มีการบริจาค ที่ถูกบรรจุในถังน้ำแข็ง
ขณะที่โลกออนไลน์ มีคนจำนวนหนึ่งนำพฤติกรรมของ 2 อภิมหาเศรษฐีไทย ในภาคธุรกิจก่อสร้างอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย มาเปรียบเทียบในทำนองว่า
“คนหนึ่ง “อดนอน” เพื่อบินไปรับส่งอวัยวะเพื่อต่อชีวิตให้ชีวิตกับหลาย ๆ คน แต่อีกคนกลับอดนอนเพื่อรอล่าอีกหลายชีวิตที่เค้าคิดว่าพวกมันเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน”
หรือข้อความที่ว่า “งานอดิเรกเศรษฐีบางคนเข้าป่านอนฟัง ว. รอว่ามีสัตว์ป่าเดินผ่านมาให้ล่าไหม แต่งานอดิเรกเศรษฐีอีกท่านหนึ่ง นอนเปิดโทรศัพท์รอ ว่ามีหมอโทรมาให้บินพาไปรับอวัยวะกลางดึกไหม”
การเปรียบเทียบนี้คงจะเป็นใครไปเสียไม่ได้ นอกจากอภิมหาเศรษฐีอย่าง นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กับพวกรวม 4 คน ถูกหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี บุกจับคาแคมป์กลางป่าพร้อมปืนและเครื่องกระสุน กับซากเสือดำ เก้ง ...และไก่ฟ้าหลังเทา และโดนกล่าวหาเรื่องการบุกรุกคอรบครองพื้นที่ป่าอีกด้วย
ทั้งนี้ภารกิจหัวใจติดปีก นายอนุทิน ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ของชีวิต หลังจากที่สามารถขับเครื่องบินและมีเครื่องบินส่วนตัว เรียกได้ว่าเขาสแตนบาย กับภาระกิจนี้ตลอดเวลา เนื่องจากการบินไปรับอวัยวะจากผู้เสียชีวิตและทำการบริจาคให้กับผู้ป่วยที่รอการเปลี่ยนเพื่อที่จะต่อชีวิตไปได้ และเป็นบริการบินฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย แม้จะมีบริการนี้ในสายการบินต่าง ๆ แต่บางครั้งต้องรอเครื่องขึ้นตามกำหนดการ ซึ่งจะทำให้ไม่ทันเวลาภายในกำหนดเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น หากช้าไปกว่านั้นส่งผลให้อวัยวะเกิดความเสียหายและใช้การไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาบริการเครื่องบินส่วนตัว ที่จะต้องนำทีมแพทย์และพยาบาลที่เชี่ยวชาญจากกรุงเทพมหานคร บินไปผ่าตัดนำอวัยวะต่างๆกลับมาที่ ร.พ.จุฬาลงกรณ์
แตกต่างกันหรือไม่กับงานอดิเรกของ 2 มหาเศรษฐี จากวงการก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เมื่อคนหนึ่ง เข้าป่าล่าสัตว์ ส่วนอีกคน ขับเครื่องบินส่วนตัวไปรับอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์
นี่คือ....ความแตกต่างระหว่างเจ้าของ “ซิโนไทย กับ อิตาเลียนไทย”
นี่คือ....ความแตกต่างระหว่าง “อนุทิน-เปรมชัย”
พฤติกรรมใครน่าเคารพยกย่อง ในฐานะ วีระกรรม และ “วีระเวร” มากกว่ากัน
อ่านมาจาก 1morenews