[CR] 4 วัน 3 คืน (ต้น ก.พ.) ท้าลมหนาวยะเยือก ดอยอ่างขาง ดอยผ้าห่มปก ปิดจบด้วย ฟาร์มสเตย์ในเชียงดาว (ฉบับแบกเป้เดินทางเอง)


คันไม้คันมือ อยากจะมารีวิวเก็บไว้ เผื่อใครจะเดินทาง ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อย อมยิ้ม02

เนื่องด้วยเป็นทริปปุ๊ปปั๊ป ไม่ได้นัดหมายกะเพื่อนล่วงหน้ามาก่อน แต่ด้วยความที่อยากจะไปท้าลมหนาวสักครั้งในปีนี้ ก่อนที่ลมหนาวจะวายหายไป แถมโดนภาพถ่ายเหมยขาบที่ดอยอ่างขางมากระตุ้น ทริปนี้จึงได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

เรามีเวลาในการเที่ยว 4 วัน 3 คืน ไปกะเพื่อน 2 คน
ตอนแรกที่เฟ้นหาที่เที่ยว เรียกได้ว่าที่เที่ยว บรรเจิดมาเยอะมากก แต่ด้วยความที่เวลาจำกัด ดังนั้นต้องเลือกโซนที่จะไป เพราะที่เที่ยวแบบธรรมชาติในเชียงใหม่มันเยอะมากจริงๆ หากจะเก็บหลายที่ แบบที่ไม่ได้ขับรถเอง ต้องเลือกที่เที่ยว ที่ไปทางเดียวกัน

ขออนุญาตนำภาพที่เข้าใจง่ายมาให้ดู
นำมาจากกระทู้ https://pantip.com/topic/35920270 (เผื่อใครตามไปอ่านเก็บข้อมูล)

ตอนนั้น ที่แรกที่ปักหมุดไว้ คือ อ่างขาง ** เหมยขาบ ** ตัวต้นเหตุ ฉะนั้น เลยเลือกที่เที่ยวอื่นๆในเส้นทางเดียว ซึ่งเส้นทางที่จะผ่าน มีแม่ริม เชียงดาว ฝาง และแต่ละที่ ก็จะมีที่เที่ยวแตกออกไปอีก ในระหว่างที่หาข้อมูลอยู่นั้น ก็บังเอิ๊ญ ไปอ่านรีวิว ดอยผ้าห่มปก อ่านไปอ่านมา ..... ก็บอกเพื่อนว่า ไปดอยผ้าห่มปก กันต่อมะ เดินนิดเดียวเอ๊งง เขาว่าเดินชิลล ยังกะสวนหลังบ้าน (หึ หึ หึ)   --> เพื่อนที่แสนน่ารัก ก็ว่าไง ว่าตามกัน

เหลือแผนอีก 1 วัน ก่อนกลับ ลองปรึกษาเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่ เค้าก็ว่า ผ่านเชียงดาว ไม่ลองแวะเที่ยวรึ ไอ่เราก็คนใจง่าย เค้าแนะนำมา ก็ลองหาข้อมูล .... จริงๆ เชียงดาว มีโฮมสเตย์ดูทะเลหมอกยามเช้า หลากหลายที่มาก แต่เราก็จินตนาการไปว่า หลังจากลงจากดอย อาจจะอยากเห็นอย่างอื่น นอกจากหมอกบ้าง จึงลองหาที่พักผ่อนแบบชิลๆ และด้วยความที่เพื่อนสาว นางอยากทำไร่ทำสวน ในอนาคต จึงลองหาที่พักแบบ "ฟาร์มสเตย์" ในเชียงดาว และเจอที่พักน่ารักๆ อีกที่ สำหรับพักผ่อนในวันสุดท้ายก่อนกลับ

เบ็ดเสร็จ เราก็ได้แผนเที่ยวแบบหยาบๆ เรียบร้อยแร้นน เพี้ยนออกทริป  ...... ออกเดินทางได้ เย่ เย้

หมายเหตุ ทริปนี้ เป็นทริปแบกเป้ เดินทางกันเอง  ปกติเวลาไปเที่ยวก็จะขับรถอยู่ แต่รอบนี้อยากลิ้มลองการเดินทางเอง ใจจริงก็อยากจะบินไปอยู่ แต่ทริปกระชั้นชิดน่ะนะ ค่าตั๋วก็จิแพงเป็นธรรมดา เลยได้ใช้บริการรถทัวร์

>> กำหนดการเดินทางของเราสองคน คือ 1-4 กุมภาพันธ์ 2561
แต่เริ่มออกเดินทาง ค่ำวันที่ 31 ม.ค.  โดยรถทัวร์ นครชัยแอร์ Gold Class ที่นั่งถือว่าดีทีเดียว นั่งสบายย หลับเพลิน
**สิ่งที่ประทับใจ คือ ที่นั่งเค้า Fix โครงสร้างไว้ ไม่ว่าเราจะเอนเบาะแค่ไหน ก็จะไม่ไปรบกวนเบาะหลัง ทำให้ปรับได้สบายใจเฉิบ ราคาระดับนี้ ได้แบบนี้ ถือว่า เปรมจร้า
นั่งไป หลับไป หัวโยกหัวคลอน ..... นั่งไป สักพัก ยิ่งดึก แอร์ยิ่งหนาว .... หน๊าวว หนาว แว่บแรกที่ลืมตาดูอุณหภูมิในรถ แม่เจ้า!!! 19 องศา ...หนาวแท้น้อ คิดในใจ สักพักหลับต่อ เพี้ยนฝันดี
ตื่นมาอีกรอบ เห็นเลขแว่บๆ 14 องศา ---> ขุ่นพระ!!! หนาวไปมั้ย พี่ขาาา  แต่นั่งอีกแค่แป๊บเดียว รถก็เปิดไฟให้สัญญาณว่า จะถึงละนะ พวกเธอ จงตื่น
คิดในใจเบาๆ หึ เด๋วลงจากรถ จะรับความอบอุ่นจากข้างนอกให้ชื่นใจ .... ว่าแล้วก็ย่างเท้าลงจากรถ
เม่านอนไม่หลับ ลมเย็นๆที่มาประทะหน้า นี่คือ อัลไล >> ไม่รอช้า หยิบมือถือมาเช็คอุณหภูมิข้างนอกทันใด "14 องศา" My God!!! ในเมืองยังขนาดนี้ เสื้อหนาวที่แบกมานี่ จะไหวไหมล่ะ พี่น้อง ''-_-

** ก่อนจะสาธยายไปเรื่องอื่น ตอนที่เราหาข้อมูล เรื่องการเดินทางนั้น มีความงง พอสมควร ในการเดินทาง เพราะอาเขตขนส่ง ดูมีหลายที่เหลือเกิน จึงจะขอสรุปให้เห็นคร่าวๆ เท่าที่ทราบข้อมูล และเข้าใจหลังจากที่เดินทางไปถึง
1. ขนส่งอาเขต ในปัจจุบัน คือ การรวมตัวกันของ อาเขต 2 กับ 3 แยกจากกันด้วยถนนเส้นเล็กๆ (ดูรูปประกอบได้ เพื่อความเข้าใจ)
#นครชัยแอร์ อยู่ อาเขต 2  #สมบัติทัวร์ อยู่ อาเขต 3


ตอนที่ลงจากรถทัวร์นครชัยแอร์นั้น จะเดินผ่าน ที่พักรอผู้โดยสาร หากใครไม่ต้องการเหมารถ ให้เดินผ่าน พี่ๆวิน พี่รถเหมาทั้งหลาย มุ่งตรงไป เดินนิดเดียว จะเจอพี่รถสองแถวรออยู่ พอดีตอนนั้นลงรถประมาณ ตีห้า มันก็จะมืดหน่อยๆ งงๆ แต่ก็ยังเจอรถสองแถว ซึ่งเราก็บอกเค้าได้ว่า ไม่เหมาค่า ด้วยความที่ไม่รีบ ก็นั่งรอไปสักพัก ได้คนสัก 6-7 คน พี่รถสองแถว เค้าก็จะออกรถค่ะ
หากใครรีบ ต้องการรถเหมา ลองเช็ค สามล้อ ได้น๊า วันนั้น ตอนเดินไปหาสองแถว ก็มีสามล้อมา บอกว่าเหมา คนละ 50 บาท ไปส่งขนส่งช้างเผือก แต่เราไม่ได้ไป หรือจะลองเหมาสองแถว ก็เจรจาดูจร้าา

2. การเดินทางไปดอยอ่างขาง โดยรถสาธารณะ ต้องขึ้นรถที่ขนส่งช้างเผือก
อุต๊ะ .... ชื่อขนส่ง มาเพิ่มอีกล้าวว งง อาเขต ไม่ทันหาย
>> เท่าที่พูดคุยมา ขนส่งช้างเผือก คือ ขนส่งแรก ในเชียงใหม่ ซึ่งก็คือ อาเขต 1 >> ปัจจุบัน เรียกขนส่งช้างเผือก (หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยนร้า)
เดิน จาก ขนส่งอาเขต ไม่ได้ นาจาา มีความไกลอยู่ ต้องต่อรถสองแถว หรือ สามล้อ
ขออนุญาต อ้างอิงรูป จาก http://www.chiangmaionly.com

ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เนื่องจากยังเช้าตรู่ รถไม่ติด เราก็ถึงขนส่งช้างเผือก ไปทันรถบัสรอบ 6.30 ซึ่งกำลังจะออกเดินทาง
วิ่งไปซื้อตั๋ว
เรา : ลงวัดหาดสำราญ คร่า
คนขายตั๋ว : 75 บาท ขึ้นรถได้เลย รถกำลังจะออก
ว่าแล้วก็ ตุเลง กันขึ้นรถ พร้อมย้ำกับ กระเป๋ารถเมล์ ว่า "ลงวัดหาดสำราญนะพี่ ถึงแล้ว บอกนู๋ด้วย นู๋ไม่รู้จัก!!! "

หมายเหตุ การเดินทาง สามารถไปได้ทั้งรถบัส (ที่เราไป 75 บาท) รถออกทุกๆครึ่งชั่วโมง รถตู้ (150 บาท) ไม่ได้ใช้บริการ ไม่แน่ใจรอบรถ

--------- เดินทาง จากขนส่งช้างเผือก ไปถึง หน้าวัดหาดสำราญ ใช้เวลาประมาณ เกือบสามชั่วโมง ---------
ปล. ระหว่างทางเค้าจะมีแวะพักให้เข้าห้องน้ำ ที่อำเภอเชียงดาว ด้วยค่า

และแล้ว เราก็มาถึง วัดหาดสำราญ

เดินเข้าไปก็จะเจอ สองแถวสีขาวจอดกันหลายคัน พอดีช่วงวันที่ไปเป็นวันพฤหัสฯ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร

*** ตอนแรก ที่หาข้อมูล เข้าใจว่า มีตั๋วนั่งรถแบบวนสองแถว แต่จริงๆแล้ว จะมีแค่บางช่วง ส่วนใหญ่จะเป็นข่วงเทศกาล ดังนั้น ในวันที่เราไปถึงนั้น จำเป็นต้องเหมารถขึ้นไป จะใช้บริการเที่ยวด้วยหรือไม่นั้น แล้วแต่นักท่องเที่ยว
เพี้ยนรมเสีย โปรดวางแผนไว้ด้วยว่า การเที่ยวที่ดอยอ่างขาง สถานที่เที่ยวแต่ละแห่ง ไกลกันพอสมควร เดินไม่ได้นาจาา ลมจับได้ หากเหมารถแค่ไป-กลับ อาจจะทำได้แค่นั่งแหง่ว แถวที่กางเต้นท์ หรือบ้านพัก นอกซะจากพักใกล้ๆ สถานีหลวงเกษตร แต่ข้างในก็กว้างขวางเช่นกัน

ทริปนี้ เราเองเรียกได้ว่า ต้องพึ่งโชคชะตา พอสมควร
เราเดินทางมา 2 คน มาเจอพี่ผู้ชาย อีกคน กำลังหาคนเหมาขึ้นดอย เป็น 3 คน
แต่รถเหมา พาขึ้น พากลับ พร้อมพาเที่ยว สถานีหลวงเกษตร-ไร่ชา 2000-ไร่สตรอเบอรี่-ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล --> ราคาเหมา 2,300 บาท (เต็มที่ ประมาณ 10 คน เช็คกับคิวรถเพิ่มเติมได้ค่ะ ไม่แน่ใจตัวเลข)

ในหัว คำนวณอย่างรวดเร็ว 3 คน ต่อ 2,300 ก็ยังรู้สึกแพงอยู่ เลยตัดสินใจรอรอบรถบัสที่จะมาอีกสักคน เพราะมีรอบทุกๆครึ่ง ชั่วโมง รอไปสักพักใหญ่ ความโชคดีก็บังเกิด เราเห็นรถบัสมาแล้ว มีคนลงมากลุ่มใหญ่เลย และก็มี น้องผู้หญิง อีกสองคน เดินมาด้วย

ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ลงมาจากรถบัส มากเกินไป มารวมกับเราไม่ได้ จึงได้คนมาร่วมเหมาเพิ่มเติม เป็นน้องผู้หญิงอีกสองคน ทำให้รวมกันได้เป็น 5 คน เบ็ดเสร็จ จึงเหมารถกันคนละ 460 บาท ซึ่งอยู่ระดับที่เราโอเค และ 5 คน ถือว่า การตกลงในกลุ่ม จัดการได้ไม่ยากนัก ไม่วุ่นวาย คุยง่าย เพราะการเหมารถ เวลาไปไหน ก็ต้องไปด้วยกัน กลับพร้อมกัน หากหลากหลายมาก อาจจะมีความวุ่นวายเบาๆได้ >//<

Let's go !!! เพี้ยนแว๊น

เราเริ่มเดินทางขึ้นดอย จริงๆถนนค่อนข้างดี อาจจะมีช่วงที่ขึ้นสูงชันบ้าง หากคนไม่ชำนาญเส้นทาง อาจจะอันตรายได้ แต่ถ้าขับระวังๆ ก็น่าจะพอไหวอยู่ เนื่องจาก เราสองคน และพี่ผู้ชาย จะพักตรงจุดกางเต้นท์ ม่อนสน คนขับรถจึงส่งให้เราไปจองเต้นท์ก่อน เพื่อให้ได้ทำเลดีๆ

ส่วนใหญ่ รถสองแถวจะแวะให้ลงตรงจุดที่เป็นร้านค้า ซึ่งมีเต้นท์บริการที่ลาน กางไว้อยู่แล้ว เต้นท์นอนได้ 2 คน หลังละ 500 บาท พร้อมที่รองนอน หมอน ผ้าห่ม(อย่างหนา) หรือ เราจะเดินไปตรงจุดบริการนักท่องเที่ยวของอุทยาน เพื่อติดต่อเช่าของอุทยานก็ได้
http://www.angkhangstation.com/index.php?group=Travel&page=Tent (ตาม link ได้เลย)
หลังจากได้ทำเลงามๆแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังบ้านพักของน้องผู้หญิง ซึ่งจองไว้ใกล้สถานีหลวงเกษตร

หลังจากเก็บข้าวของไว้ที่พักกันเรียบร้อยแล้ว พี่คนขับถามว่า จะเที่ยวที่ไหนก่อน?? เดิมที แกแนะนำว่า ถ้าเวลานี้ ปกติ โปรแกรม จะเที่ยวสถานีหลวงเกษตรที่เดียว เพราะข้างในแบ่งเป็นจุดย่อยๆหลายจุด ใช้เวลาได้นาน แล้วพรุ่งนี้ ค่อยไปไร่ชา ไร่สตรอฯ
แต่ !!! เราต้องการมาหา เหมยขาบ ก็เลยคุยกับพี่คนขับรถว่า เข้าสถานีเกษตร พรุ่งนี้เช้าๆ วันนี้ เที่ยวรอบนอกก่อน แกก็จัดให้ค่ะ ตามใจนักท่องเที่ยวเลย

เอาล่ะ ที่เที่ยวที่แรก ที่เราไป คือ ไร่ชา 2000
การไปเที่ยววันธรรมดา มีความดีงามตรงที่ จะไม่ค่อยเจอผู้คนมากมายนัก ความสวยงามของธรรมชาติก็ออกมาดังที่เห็น
เราไปไร่ชา ในช่วงที่ ฟ้าใสมาก มีแดด แต่ด้วยความที่อากาศเย็น 10 นิดๆ แดดจึงไม่เป็นอุปสรรคในการเดินชมความงามแต่อย่างใด
จริงๆที่ไร่ชา จะมีพร็อพชุดชาวดอย ตะกร้าเก็บชา ให้ใส่ถ่ายรูปกันด้วย (เช่าแค่ 20 บาท เป็นสินน้ำใจ) ใครเป็นสายชอบถ่ายรูปนี่ แนะนำเลย
อากาศแบบนี้ ไม่ว่า ผู้คนอย่างเราๆ รึ เจ้าสี่ขา การได้ตากแดด นี่ สุข ยิ่งนัก เท่

ดื่มด่ำกับไร่ชา และอากาศฟินๆเสร็จแล้ว ก็เดินทางต่อไปยัง ไร่สตรอเบอรี่
น่าเสียดายว่า ตอนที่ไปนั้น ยังไม่ค่อยเห็นสตรอเบอรี่ลูกใหญ่ๆเท่าไร เหมือนยังเป็นสตรอเบอรี่เด็กน้อย แต่มองภาพรวมก็สวยอยู่ดี แถมราคามิตรภาพอีกต่างหาก อีกอย่างสตรอเบอรี่พันธุ์ 80 นี่ ก็ช่างหวานได้ใจ ฟินกันปายย ประหลาดใจ
อันนี้ ไม่รู้เค้าย่างกินกันเอง รึขาย น่าสอยทีเดียว >//<

เราใช้เวลาที่ไร่สตรอเบอรี่ ไม่นานนัก ก็เดินทางไปกันต่อที่ ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ซึ่งเป็นเขตชายแดนติดกับพม่า
ที่เห็นเป็นเขาหัวโล้นไกลๆนั่น เป็นฐานปฏิบัติการของทางพม่า เขตรั้วที่เห็นนั่น แบ่งระหว่างชายแดนไทยกับพม่า

เราใช้เวลาในแต่ละจุด ประมาณไม่เกินชั่วโมง ทำให้เสร็จทริปเที่ยวในวันนั้น ประมาณ 3 โมงกว่าๆ แล้วจึงแยกย้าย เข้าที่พัก
ชื่อสินค้า:   เลดี้ลุยเที่ยว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่