ของถูกและดี ไม่ได้มีจริงแบบที่คิดไว้...เมื่อประมาณสุดสัปดาห์ที่แล้วผมได้จองบุฟเฟ่ต์ 69 Seafood Buffet ที่ Baiyoke Sky Hotel ชั้น 69 โดยเห็นโปรโมชั่นจากทางเพจเขา ราคาปกติ 700++ ลดเหลือ 500 นิดๆ และจะลดลงอีก 20% หากจองผ่านเว็บไซต์ ขึ้นชื่อว่าใบหยกลดเยอะขนาดนี้ มีหรือที่ผมจะปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ จัดการจองทันทีเลยครับ ลดแล้วต่อหัวประมาณ 480 กว่าบาท โดยกินได้แบบไม่จำกัดเวลาตั้งแต่ 17.00-22.00 น. เรื่องความคุ้มแบบนี้ผมชอบ
ทางโรงแรมก็ประสานงานดีมาก หลังจากจองจ่ายผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อยก็จะได้รับอีเมลอย่างรวดเร็วและมีพนักงานโทรมาคอนเฟิร์มอีกครั้งเพื่อความชัวร์ หลังจากนั้นเมื่อถึงวันที่เราจองก็ขึ้นไปที่ล็อบบี้ชั้น 18 เมื่อออกจากลิฟท์เลี้ยวซ้ายจะมีล็อบบี้เพื่อออกบัตรการจองบุฟเฟ่ต์ให้เราอีกครั้ง การไปกินบุฟเฟ่ต์ในครั้งนี้เราได้สิทธิพิเศษในการชมวิวชั้น 77 และ 84 ด้วยนะครับ
วิวชั้น 77 มีมุมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปในสไตล์ไทยแลนด์ด้วยครับ
เมื่อถึงเวลากิน (17.00 น.) ผมก็ตรงไปที่ห้องอาหารเลย ชั้น 69 การตกแต่งห้องก็เรียบๆ เน้นสีขาว กว้างขวางพอสมควร สะอาด โปร่งโล่ง ตอนที่ผมไปยังไม่ค่อยมีแขกเท่าไร เพราะเพิ่งเปิดให้เขกเข้ามากินได้ ผมจองที่นั่งติดริมหน้าต่างไว้เป็นมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควรเลย เมื่อได้ที่นั่งก็ทำการเซอร์เวย์อาหารทันทีครับ
เครื่องดื่มสำหรับในบุฟเฟ่ต์ มีแค่น้ำใบเตยและน้ำกระเจี๊ยบที่ไม่เย็น รสชาติจืดอีกนิดก็เป็นน้ำเปล่าได้แล้ว ถ้าอยากดื่มน้ำอื่นๆ ก็สั่งเพิ่มและจ่ายเงินเพิ่มเช่นกันครับ แม้กระทั่งน้ำเปล่าเองก็ตาม
โซนอาหารญี่ปุ่น มีข้าวปั้นหลายเมนูเหมือนกัน แต่ว่าไม่รู้เพราะปั้นทิ้งไว้นานแล้วไว้ในที่เย็นหรือเปล่า ข้าวปั้นเลยแข็งเย็นชืดไม่มีความอร่อยเลย ผมหยิบมาลองกิน 2 คำ กินไปแค่คำเดียวแล้วก็จบเลยครับ ส่วนซาซิมิมีเพียงแต่แซลมอนสำหรับผมคิดว่าโอเคครับ
โซนอาหารอีสานอันนี้ไม่ขี้เหร่ น่าจะทำมาเพื่อเอาใจชาวต่างชาติมีให้เลือกหลายเมนูเลย ทั้งตำผลไม้ ตำข้าวโพด ตำไทย ตำปู คอหมูย่าง แต่เขาก็จะทำไว้แล้วให้แขกตักเอานะครับ หากอยากได้สดใหม่สามารถให้พนักงานทำให้ได้ รสชาติโซนนี้โดยรวมโอเค แต่ความเผ็ดก็อย่างที่บอกว่า เอาใจชาวต่างชาตินั่นแหละรสเลยเบาๆ
มาถึงโซนซีฟู้ดที่ผมค่อนข้างคาดหวังเพราะ ชื่อบุฟเฟ่ต์นี้คือ “69 Seafood Buffet” คิดว่ามันต้องมาเต็ม ปู กุ้ง ปลาหมึก หอย ฯลฯ แต่ต้องบอกว่าผิดหวัง มีเพียงแค่ กุ้งเผา หอยแมลงภู่นึ่ง หอยหวานนึ่ง กุ้งอบเกลือ แค่นั้น! ไหนปูเผา? ไหนปลาหมึกย่าง? ไม่มีครับก้มหน้ากินไปเท่าที่มี แต่เขาก็มี ต้มยำทะเลน้ำข้น น้ำใส ไข่คนทะเลรวมมิตร กุ้งอบวุ้นเส้น และน้ำจิ้มหลากหลายมาทดแทนให้ ซึ่งแทนกันได้ไหม? มันคงไม่ได้จริงๆ
ปลาหมึกที่ผมพูดถึงอยู่ในโซนยำ ถัดมาอีกทางขวาจะเจอโซนหอยทอด ผัดไท มีโซนก๋วยเตี๋ยวด้วย หากต้องการซดอะไรร้อนๆ เพื่อความคล่องคอโอเคครับ แต่อย่าคาดหวังรสชาติมันจะผิดหวังที่สุด
สายรักสุขภาพ มีโซนสลัด ผลไม้ให้ ขยับไปทางซ้ายของโซนสลัด เขามีเมนูสปาเก็ตตี้ซอสครีมเห็ดด้วยครับ ผมลองกินก็เย็นชืดเหมือนกันอาจเป็นเพราะว่า ทำทิ้งไว้นี่แหละมันไม่สดใหม่เลยทำให้ความอร่อยของอาหารลดไป
โซนพิซซ่า เป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกว่า รสชาติโอเค แป้งบางกรอบ หน้าพิซซ่าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หากบังเอิญไปเจอตอนเพิ่งเอามาลงใหม่ๆ ได้กินตอนร้อนๆ คือดีใจมาก
โซนของหวานแบ่งเป็น 2 โซน มีทั้ง ไอศกรีม น้ำแข็งไส ขนมไทย เบเกอรี่ต่างๆ ผมลองกินอย่างละนิด เพราะกลัวผิดหวังแบบอาหารคาว สรุปให้ว่า ขนมต้มนี่แหละมาวินที่สุด
ปิดท้ายด้วยวิวสวยๆ จากชั้น 84 ครับ
สำหรับผม...การมากินบุฟเฟ่ต์ที่ใบหยกในครั้งนี้ กับเงินที่จ่ายไปในราคา 480 นิดๆ ถามว่าคุ้มไหม? ถ้าไม่คาดหวังหรือโฟกัสเรื่องอาหารก็คงโอเค เพราะวิวที่นี่สวยมากจริงๆ ได้ดูวิวทั้งช่วงเย็นและช่วงกลางคืนซึ่งมีความสวยแตกต่างกัน คิดซะว่า เงินที่จ่ายไปเป็น ค่าวิว ค่าประสบการณ์ที่ได้ขึ้นมาดูวิวสวยๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นมาสัมผัสกับตึกใบหยกสอง ตึกที่เคยได้ชื่อว่า สูงที่สุดในเมืองไทย
[CR] เมื่อของถูกและดี ไม่ได้มีจริง ที่ Baiyoke Sky Hotel บุฟเฟ่ต์ “69 Seafood Buffet”
ของถูกและดี ไม่ได้มีจริงแบบที่คิดไว้...เมื่อประมาณสุดสัปดาห์ที่แล้วผมได้จองบุฟเฟ่ต์ 69 Seafood Buffet ที่ Baiyoke Sky Hotel ชั้น 69 โดยเห็นโปรโมชั่นจากทางเพจเขา ราคาปกติ 700++ ลดเหลือ 500 นิดๆ และจะลดลงอีก 20% หากจองผ่านเว็บไซต์ ขึ้นชื่อว่าใบหยกลดเยอะขนาดนี้ มีหรือที่ผมจะปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ จัดการจองทันทีเลยครับ ลดแล้วต่อหัวประมาณ 480 กว่าบาท โดยกินได้แบบไม่จำกัดเวลาตั้งแต่ 17.00-22.00 น. เรื่องความคุ้มแบบนี้ผมชอบ
ทางโรงแรมก็ประสานงานดีมาก หลังจากจองจ่ายผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อยก็จะได้รับอีเมลอย่างรวดเร็วและมีพนักงานโทรมาคอนเฟิร์มอีกครั้งเพื่อความชัวร์ หลังจากนั้นเมื่อถึงวันที่เราจองก็ขึ้นไปที่ล็อบบี้ชั้น 18 เมื่อออกจากลิฟท์เลี้ยวซ้ายจะมีล็อบบี้เพื่อออกบัตรการจองบุฟเฟ่ต์ให้เราอีกครั้ง การไปกินบุฟเฟ่ต์ในครั้งนี้เราได้สิทธิพิเศษในการชมวิวชั้น 77 และ 84 ด้วยนะครับ
วิวชั้น 77 มีมุมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปในสไตล์ไทยแลนด์ด้วยครับ
เมื่อถึงเวลากิน (17.00 น.) ผมก็ตรงไปที่ห้องอาหารเลย ชั้น 69 การตกแต่งห้องก็เรียบๆ เน้นสีขาว กว้างขวางพอสมควร สะอาด โปร่งโล่ง ตอนที่ผมไปยังไม่ค่อยมีแขกเท่าไร เพราะเพิ่งเปิดให้เขกเข้ามากินได้ ผมจองที่นั่งติดริมหน้าต่างไว้เป็นมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควรเลย เมื่อได้ที่นั่งก็ทำการเซอร์เวย์อาหารทันทีครับ
เครื่องดื่มสำหรับในบุฟเฟ่ต์ มีแค่น้ำใบเตยและน้ำกระเจี๊ยบที่ไม่เย็น รสชาติจืดอีกนิดก็เป็นน้ำเปล่าได้แล้ว ถ้าอยากดื่มน้ำอื่นๆ ก็สั่งเพิ่มและจ่ายเงินเพิ่มเช่นกันครับ แม้กระทั่งน้ำเปล่าเองก็ตาม
โซนอาหารญี่ปุ่น มีข้าวปั้นหลายเมนูเหมือนกัน แต่ว่าไม่รู้เพราะปั้นทิ้งไว้นานแล้วไว้ในที่เย็นหรือเปล่า ข้าวปั้นเลยแข็งเย็นชืดไม่มีความอร่อยเลย ผมหยิบมาลองกิน 2 คำ กินไปแค่คำเดียวแล้วก็จบเลยครับ ส่วนซาซิมิมีเพียงแต่แซลมอนสำหรับผมคิดว่าโอเคครับ
โซนอาหารอีสานอันนี้ไม่ขี้เหร่ น่าจะทำมาเพื่อเอาใจชาวต่างชาติมีให้เลือกหลายเมนูเลย ทั้งตำผลไม้ ตำข้าวโพด ตำไทย ตำปู คอหมูย่าง แต่เขาก็จะทำไว้แล้วให้แขกตักเอานะครับ หากอยากได้สดใหม่สามารถให้พนักงานทำให้ได้ รสชาติโซนนี้โดยรวมโอเค แต่ความเผ็ดก็อย่างที่บอกว่า เอาใจชาวต่างชาตินั่นแหละรสเลยเบาๆ
มาถึงโซนซีฟู้ดที่ผมค่อนข้างคาดหวังเพราะ ชื่อบุฟเฟ่ต์นี้คือ “69 Seafood Buffet” คิดว่ามันต้องมาเต็ม ปู กุ้ง ปลาหมึก หอย ฯลฯ แต่ต้องบอกว่าผิดหวัง มีเพียงแค่ กุ้งเผา หอยแมลงภู่นึ่ง หอยหวานนึ่ง กุ้งอบเกลือ แค่นั้น! ไหนปูเผา? ไหนปลาหมึกย่าง? ไม่มีครับก้มหน้ากินไปเท่าที่มี แต่เขาก็มี ต้มยำทะเลน้ำข้น น้ำใส ไข่คนทะเลรวมมิตร กุ้งอบวุ้นเส้น และน้ำจิ้มหลากหลายมาทดแทนให้ ซึ่งแทนกันได้ไหม? มันคงไม่ได้จริงๆ
ปลาหมึกที่ผมพูดถึงอยู่ในโซนยำ ถัดมาอีกทางขวาจะเจอโซนหอยทอด ผัดไท มีโซนก๋วยเตี๋ยวด้วย หากต้องการซดอะไรร้อนๆ เพื่อความคล่องคอโอเคครับ แต่อย่าคาดหวังรสชาติมันจะผิดหวังที่สุด
สายรักสุขภาพ มีโซนสลัด ผลไม้ให้ ขยับไปทางซ้ายของโซนสลัด เขามีเมนูสปาเก็ตตี้ซอสครีมเห็ดด้วยครับ ผมลองกินก็เย็นชืดเหมือนกันอาจเป็นเพราะว่า ทำทิ้งไว้นี่แหละมันไม่สดใหม่เลยทำให้ความอร่อยของอาหารลดไป
โซนพิซซ่า เป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกว่า รสชาติโอเค แป้งบางกรอบ หน้าพิซซ่าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หากบังเอิญไปเจอตอนเพิ่งเอามาลงใหม่ๆ ได้กินตอนร้อนๆ คือดีใจมาก
โซนของหวานแบ่งเป็น 2 โซน มีทั้ง ไอศกรีม น้ำแข็งไส ขนมไทย เบเกอรี่ต่างๆ ผมลองกินอย่างละนิด เพราะกลัวผิดหวังแบบอาหารคาว สรุปให้ว่า ขนมต้มนี่แหละมาวินที่สุด
สำหรับผม...การมากินบุฟเฟ่ต์ที่ใบหยกในครั้งนี้ กับเงินที่จ่ายไปในราคา 480 นิดๆ ถามว่าคุ้มไหม? ถ้าไม่คาดหวังหรือโฟกัสเรื่องอาหารก็คงโอเค เพราะวิวที่นี่สวยมากจริงๆ ได้ดูวิวทั้งช่วงเย็นและช่วงกลางคืนซึ่งมีความสวยแตกต่างกัน คิดซะว่า เงินที่จ่ายไปเป็น ค่าวิว ค่าประสบการณ์ที่ได้ขึ้นมาดูวิวสวยๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นมาสัมผัสกับตึกใบหยกสอง ตึกที่เคยได้ชื่อว่า สูงที่สุดในเมืองไทย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น