กดซื้ออัตชีวประวัติของคล็อปมาเรียบร้อย อ่านแล้วชอบมาก เล่าเป็นท่อนๆลงในกระทู้บ้านมาหลายวันแล้ว ก็ถือโอกาสรวบรวม เรียบเรียงใหม่เป็นวิทยานิพนธ์ซักหน่อย
เป็นที่รู้กันดีว่า คล็อปเป็นลูกหม้อของ Mainz แต่ ไมน์ ในเวลานั้นเป็นแค่ สโมสรเล็กๆในโซนตกชั้นของดิวิชั่นสอง
ในปี 1992 - ออฟฟิศของสโมสรคือโชว์รูมขายรถของประธานสโมสร
CEO ขายตั๋วเองในเช้าวันที่มีแข่ง ลูกจ้างพาทไทม์ จะเข้ามาอาทิตย์ละสองครั้งเพื่อเก็บกวาดและตอบจดหมาย แฟนบอลผลัดเวรกันทำอาหารมาเลี้ยง และ ถือกล่องเรี่ยไรหาเงินค่าชุดซ้อมของทีมเยาวชนในจตุรัสกลางเมือง
คล็อปเองเตะบอลไปด้วย กัดฟันเรียนปริญญา Sport Science ที่มหาวิทยาลัยแฟรงเฟิร์ต ไปด้วย แล้วก็ทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้าง วิ่งซื้อโค้ก หรือเป็นนักข่าวฝึกหัดก็ทำมาแล้ว
ก่อนแข่งแต่ละนัด ไฮเดล - ประธานสโมสรจะเข้าโบสถ์ไปสวดขอพร
"ถ้าใครรับแทงว่าไมน์จะได้ขึ้นบุนเดสลีก้าในสิบปีนะ ผมขายบ้านขายช่องแทงสวนเลยแหละ" เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งของคล็อปว่าไว้
ชีวิตนักฟุตบอลของคล็อปลุ่มๆดอนๆ จากกองหน้าฝีเท้าจัด ก็ค่อยๆถอยลงมาเป็นกองหลังตัวโย่ง ด้วยความที่อยู่ทีมเล็ก คล็อปก็มีปัญหาทางการเงินอยู่บ่อยๆ
คล็อป : ผมได้เงินเดือนดีมาก เดือนละ 2500 มาร์ก โบนัสอีกสองพันต่อนัดที่ชนะ - ปัญหาเดียวที่มี คือทีมไม่เคยชนะ!
* คล็อปประชด เงิน 2500 มาร์กนี่แทบไม่พอยาไส้ คล็อปบอกทำงานไปจนแขวนสตั๊ด คงซื้ือรถที่ไฮเดลขายไม่ได้แม้แต่คันเดียว
วิ่งโว้ย-วิ่ง!
ความขัดสนทางการเงินรุนแรงกระทั่ง แม้จะเจ็บ ก็เจ็บไม่ได้นาน คล็อปทำสถิติฟื้นตัวจากเอ็นเข่าไขว้หน้าขาดได้เร็วเป็นประวัติการณ์ - 8 อาทิตย์ เพราะทีมในลีก 2 จ่ายเงินเดือนแค่ 6 อาทิตย์เท่านั้นถ้าไม่ได้ลงเตะ และถ้าทีมตกชั้น อาชีพของเขาก็อาจจบลง เขารู้ดีว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า กับค่านมลูกเป็นยังไง
ประสบการณ์เจ็บ ท้อแท้ สิ้นหวังมาก่อน ทำให้คล็อปเป็นพ่อพระ ของ "ลูกทีมในอนาคต" หลายๆคน
คล็อปมีแพสชั่นต่อชัยชนะที่รุนแรง เขาเคยบ่นใส่เพื่อนร่วมทีมบ่อยๆว่า เขารู้ว่าควรส่งบอลไปทางไหน หรือวิ่งไปทางไหน แต่เท้าเจ้ากรรมชอบส่งบอล ไม่ขาด ก็ล้นอยู่เรื่อย สมองระดับบุนเดสลีก้า กับเท้าระดับลีกสมัครเล่น ก็เลยพาเจ้าตัวติดแหง็กอยู่ในลีก 2 เมื่อเท้าไม่ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น คล็อปจึงหมกมุ่นกับแท็กติกตั้งแต่ยังหนุ่ม หาทางให้ทีมฝีเท้าดาดๆ เจอชัยชนะ เพื่อคว้าโบนัสกับเขาบ้าง
แล้ววันหนึ่งชะตาของคล็อปก็เปลี่ยนไป
กราบอาจารย์
ตอนนั้นไมน์ 05 อยู่ท้ายตารางดิวิชั่น 2 (เช่นเคย) มีแค่ 12 คะแนนจากครึ่งฤดูกาล นสพ บอก "ตกชั้น 100%" ไม่มีโค้ชคนไหนอยากมาทำ
แล้วสโมสรก็ได้วูฟกัง แฟรงค์ เข้ามา
วูฟกัง แฟรงค์ - เดอะ บอส 's ซือแป๋
วูฟกังเอาเสาไปปักในสนาม นักเตะโดนสั่งให้วิ่งทั้งวัน โดยไม่มีบอล
"ไม่มีสวีปเปอร์" แฟรงค์ยืนกราน "หลังน้อยลงหนึ่งคน ก็มีมิดฟิลด์เพิ่มขึ้นหนึ่งคน" - ไมน์ เป็นทีมแรกที่เล่น back 4 ในเยอรมัน ยุคที่ทุกทีมในสมัยนั้นมีลิเบโร่
"เราจะเพรสซิ่งตั้งแต่แดนหน้า บีบให้เขาเล่นลูกยาว แล้วยักษ์คล็อปก็จะเก็บบอลมาให้เราบุก" - คุ้นๆนะ
คล็อป : "เราไม่มีแต้มเลย อย่าว่าแต่วิ่งทั้งวัน ให้ปีนต้นไม้แลกแต้มก็เอาเหอะ"
เช้าวันจันทร์ เป็นวันดูเทป
คล็อป : "วูฟกังไปเก็บนักศึกษาจากมหาลัยข้างๆมาคนนึง หมอนั่นจะนั่งตัดต่อวีดีโอ แล้วก็มาให้เรานั่งดู จ้ำจี้จ้ำไชว่าต้องวิ่งแบบโน้นแบบนี้ตลอดวัน" - หมอนั่นคือ ปีเตอร์ คราเวียซ มือซ้ายคล็อปตอนนี้
ปีนั้นครึ่งฤดูกาลหลัง ไมน์ทำได้ 32 แต้ม เป็นอันดับสองของดิวิชั่นสอง - ทีมขยับขึ้นไปอยู่ในกลุ่มลุ้นเลื่อนชั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
แฟรงค์กลายเป็นเทพเจ้าของสโมสร
"ถ้าแฟรงค์บอกพรุ่งนี้ต้องทุบสเตเดี้ยมทิ้ง - ทุกคนก็คงวิ่งไปคว้าค้อน" ประธานเขาว่างั้น
คล็อปยิ่งกว่าประทับใจ วูฟกังพาความเปลี่ยนแปลงมาที่สโมสร สเตเดี้ยมเริ่มมา สปอนเซอร์เริ่มเข้า
โค้ชพเนจร
วูฟกัง เป็นแฟนพันธ์แท้ของอาริโก้ ซาคคี่ ทั้งวันเอาแต่ดูเทป จดโน้ต แล้วก็พยายามเอาไปใช้ในสนาม ในยุคที่ไม่มีใครรู้จักเพลสซิ่ง
วูฟกัง ชุบชีวิตไมน์ได้สำเร็จ คล็อป - ทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไม ถามทุกอย่าง ทำไมต้องซ้อมแบบนี้ ทำไมต้องวิ่งทางนั้น แฟรงค์สอนกระทั่งวิธีบรีฟทีม และคล็อปก็จดทุกอย่าง
แต่วูฟกังไม่ใช่คนติดที่ เขาพยายามเผยแพร่ว่าทฤษฏีฟุตบอลของเขาดีกว่า เจ๋งกว่า และไม่ลังเลที่จะย้ายงาน
ทีมใหญ่ๆไม่ยอมรับเขา เขาทำงานได้ดีกับทีมเล็กๆมากกว่า โค้ชรุ่นหลังจำนวนมากได้อิทธิพลจากวูฟกัง - หนึ่งในนั้นคือศูนย์หน้าของทีมดิวิชั่นสอง โยอัคคิม เลิฟ
แต่การพเนจรของวูฟกัง สร้างผลสะเทือนอย่างร้ายแรงต่อ ไมน์ - ทีมที่อยู่รอดด้วยแท็คติกของ ผจก ทีมมากกว่า ฝีมือนักเตะ
เมื่อวูฟกังจากไป ทีมก็ทรุดลง โค้ชที่เข้ามาใหม่ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทีมทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ไปจมท้ายตารางอีกครั้ง
ไฮเดล - ประธานสโมสร ยอมรับว่า เขาไม่รู้จะหาโค้ชที่ไหน - ในยุคนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ตที่จะหาข้อมูลโค้ชได้ง่ายๆ "และถึงหาได้เราก็ไม่มีปัญญาจ่าย"
สุดท้าย ไฮเดล ตัดสินใจ โทรเรียกคล็อปมาพบ แล้วบอกว่า คุณเป็นผู้จัดการในเกมถัดไป
คล็อปขุดเล็คเชอร์เก่าของวูฟกังขึ้นมา ปักเสาลงพื้นสนาม แล้วพยายามนึกว่าตอนนั้นวูฟกังทำอะไร
คล็อปพาทีมชนะสองนัดรวด และพาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ - คล็อปได้สัญญา ผจก ทีม สองปี - เขายอมรับในภายหลังว่าเขาโชคดีที่ไม่ทิ้งการเรียน คล็อปเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาไปด้วย พร้อมๆกับเตะบอล ความรู้ในชั้นเรียนช่วยเขาไว้ ตอนต้องเป็นโค้ชจริงๆ
คล็อป กับ แฟรงค์ ผู้เป็นอาจารย์แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ยกเว้นอย่างเดียว ความกระหายต่อชัยชนะ
แฟรงค์ พูดไม่เก่ง และไม่ชอบสังคม เวลามีเสียงโห่ร้องอื้ออึงเขาจะทำตัวไม่ถูก แต่เขาหัวเสียทุกนัดที่ทีมแพ้ ครั้งหนึ่งไมน์แพ้บาร์เยิร์นมิวนิค ในบอลถ้วย แฟรงค์ หงุดหงิดมากจนรื้อข้าวของในห้องทำงานตัวเองหมด แล้วนั่งจัดใหม่อยู่ทั้งวัน บ่มพึมพัมตลอดวันว่า "ถ้าเราเล่นดีกว่านี้อีกนิด บาร์เยิร์นพลาดมากขึ้นอีกหน่อย"
ส่วนไฮเดล ก็ต้องไปไล่ตอบคำถามคนอื่นๆว่า "อ๋อ เราจะรีโนเวท"
ส่วนคล็อปก็อย่างที่เรารู้ๆกัน - กล่อมลิงตกต้นไม้ คำพูดคำจาคมคาย แพสชั่นต่อชัยชนะของคล็อปแสดงออกมาในอีกแบบ
วัคเค่ : คล็อปไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแพ้ซักเกม - เขาเดินหน้าฆ่ามันตลอด ถ้าแพ้ก็เอาใหม่
ไฮเดล : ตั้งแต่ตอนเป็นนักเตะ แม้แต่ตอนซ้อม ถ้าใครอยู่ข้างเขาแล้วแพ้นะ คุณเอ๊ย แทบจะโดน-หัว แล้ววันรุ่งขึ้นคล็อปก็ลืม
นิสัยของคล็อปทำให้เขาเป็นที่รักของทุกคน จากกองหน้าดาวรุ่งตีนจรวด ค่อยๆถอยลงมาเป็นกองหลัง นักเตะใหม่มีปัญหา - ไปหาคล็อป
บาดเจ็บยาวท้อแท้ - ไปหาคล็อป ไม่เข้าใจแท็กติก - ไปหาคล็อป
แม้แต่เมื่อเขาเป็นผู้จัดการทีม - วันเกิดแม่เหรอ - ไปสิ ผมไปอวยพรด้วยได้มั้ย
ลูกคลอด? วันครบรอบ - ลาเล้ย คล็อปไม่ว่า
พักอยู่ที่เดียวกัน ? ติดรถไปสนามซ้อมก็ได้
แต่วินัยต้องเป็นวินัย - คล็อปตั้งกฏ ปรับ 500 ยูโร สำหรับการมาซ้อมสาย วันหนึ่งกองหน้าของไมน์ตื่นสาย พลอยทำให้คล็อป(ที่ไปรับ)สายไปด้วย
500 ยูโร เป็นเงินที่ใหญ่มาก สำหรับคล็อปในสมัยนั้น - ทั้งโค้ชทั้งนักเตะวิ่งแข่งกันเข้าสนามซ้อมสองวินาทีก่อนเส้นตาย
ความเฮฟวี่ เมทัล ของคล็อป ปลุกไมน์ให้ตื่น แต่พอเจ้าตัวได้โปรโมทเป็นโค้ชชุดใหญ่ของไมน์ - ตอนนี้เจ้าตัวก็เจอปัญหาแล้ว ต่อหน้า(อดีต)เพื่อนร่วมทีม คล็อปต้องวางมาดว่ารู้ทุกอย่าง และไม่มีใครให้ถามด้วย หลังพ้นฤดูกาลแรก คล็อปโทรเรียกเพื่อนร่วมทีมเก่า - เซลโก้ บูวัค - เดอะ ชัคกี้ กลับมาช่วยงาน
นี่ช่วยแก้ปัญหาโค้ชไลเซนต์(คล็อปไม่มี แต่บูวัคมี) อีกด้วย
ดังนั้นตำแหน่งโค้ชที่ลงทะเบียนกับ DFB ว่าเป็นโค้ชไมน์คือ บูวัค โดยมีคล็อปเป็นหัวหน้าทีม
สามทหารเสือ - คล็อป - เซลโก้ บูวัค - ปีเตอร์ คราเวียซ
คล็อป - เซลโก้ เป็นตัวเลือกแรกของผม เป็นตัวเลือกที่สอง และ ตัวเลือกที่สามด้วย - เซลโก้ คือสารานุกรมฟุตบอลกลับชาติมาเกิด
เซลโก้ พูดน้อย ในช่วงสามปีที่ไมน์ แจน โดลิ่ง ผู้สื่อข่าวประจำไมน์ได้ยินเซลโก้ พูดแค่ "คำเดียว" ว่ากันว่าไม่มีใครเคยได้ยินเซลโก้ พูดนอกสนามซ้อมเลย
นั่นคนละเรื่องกับในสนามซ้อม และห้องวางแผน
"แผนเฮงซวย - ไอ้กร๊วก" แล้วเซลโก้ ปิดประตูใส่หน้าคล็อป เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป......
โดลิ่ง - คล็อปเป็นเซลแมน เขาขายฝันได้ อ่านภาพใหญ่ออก ตัดสินใจเด็ดขาด ประเมินจุดดีจุดด้อยได้คม เซลโก้ คือมนุษย์รายละเอียด เขาไล่เก็บตามปิดช่องโหว่ทุกเม็ด ทั้งในแผน และในการฝึกซ้อม
ทันทีที่บูวัค เข้ามา แผนหยาบๆ ที่คล็อปพาทีมรอดตกชั้นอย่าง 4-4-2 โดนปรับเป็น 4-3-3 ไมน์ขยับจากทีมหนีตกชั้น ขึ้นไปอยู่บนหัวตารางทันที
คล็อป - การซื้อตัวที่ดีที่สุดที่เคยทำมา - และน่าจะดีที่สุดตลอดกาลของผมด้วย - คือไปฉกเซลโก้ มาเป็นผู้ช่วย
ทีมลุ้นเลื่อนชั้นทันทีในปีที่สอง แต่ไม่ดีพอ ไมน์ได้ 64 แต้ม - แต้มสูงสุดตลอดกาลของทีมที่ไม่ได้เลื่อนชั้น
ปีถัดไป ทีมยังไม่ยอมแพ้ - ไฮเดลมั่นใจเอามากๆว่าทีมต้องได้เลื่อนชั้นแน่ๆ ถึงขนาดเริ่มรีโนเวทสเตเดี้ยม - ในนัดสุดท้าย ไมน์ต้องชนะ และต้องการประตูได้เสียดีกว่าแฟรงค์เฟิร์ต 1 ประตู - ไมน์ชนะ 4-0 แต่แฟรงเฟิร์ตยิ่งประตูในช่วงทดเวลา ไมน์ อกหักอีกครั้ง
ไฮเดล บากหน้าไปขอลดดอกเบี้ยค่าสเตเดี้ยม ทีมใกล้แพแตก แต่คล็อปยังคงปลุกใจในแง่ดีว่า ปีก่อน ขาดหนึ่งแต้ม ปีนี้เราขาดประตูเดียวเอง.... คล็อปเก็บผู้เล่นเกือบทั้งหมดให้พยายามด้วยกันได้อีก 1 ซีซั่น
ปีที่สามของคล็อป Michael Thurk กองหน้าตัวเก่งเซ็นสัญญาย้ายทีมไป FC Energie Cottbus ตัวเก็งว่าจะได้เลื่อนชั้น แต่ Third time lucky ไมน์จบอันดับสาม และ Energie Cottbus จบที่สี่(เอาสามทีม) เพราะประตูได้เสียแย่กว่า
ในขณะที่ทุกคนฉลองกันสุดเหวี่ยง Thurk หน้าเป็นตูด บ่นอุบอิบว่า "ต้องย้ายทีมจริงเหรอวะ"
ต้องย้ายทีมจริงเหรอวะ
ผลงานของคล็อปที่ไมน์ ทำให้วัคเค่สนใจ - ดอร์ทมุนอยู่ในสถานการณ์ลำบาก - ใกล้ล้มละลาย และไม่มีเงิน วัคเค่ตามดูไมน์อย่างใกล้ชิดอยู่เป็นปี ก่อนติดต่อกับไฮเดล
ไฮเดล : ถ้าผมบอกว่าเขาไม่เจ๋ง ผมก็โกหก ถ้าผมบอกว่าเขาเจ๋ง คุณก็จะเอาเขาไป แต่เอาเหอะ เขาเจ๋ง
แล้วในที่สุดคล็อปก็ไปดอร์ทมุน
Klopp : Bring The Noise มาโหวกเหวกโวยวายกันเถอะ
เป็นที่รู้กันดีว่า คล็อปเป็นลูกหม้อของ Mainz แต่ ไมน์ ในเวลานั้นเป็นแค่ สโมสรเล็กๆในโซนตกชั้นของดิวิชั่นสอง
ในปี 1992 - ออฟฟิศของสโมสรคือโชว์รูมขายรถของประธานสโมสร
CEO ขายตั๋วเองในเช้าวันที่มีแข่ง ลูกจ้างพาทไทม์ จะเข้ามาอาทิตย์ละสองครั้งเพื่อเก็บกวาดและตอบจดหมาย แฟนบอลผลัดเวรกันทำอาหารมาเลี้ยง และ ถือกล่องเรี่ยไรหาเงินค่าชุดซ้อมของทีมเยาวชนในจตุรัสกลางเมือง
คล็อปเองเตะบอลไปด้วย กัดฟันเรียนปริญญา Sport Science ที่มหาวิทยาลัยแฟรงเฟิร์ต ไปด้วย แล้วก็ทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้าง วิ่งซื้อโค้ก หรือเป็นนักข่าวฝึกหัดก็ทำมาแล้ว
ก่อนแข่งแต่ละนัด ไฮเดล - ประธานสโมสรจะเข้าโบสถ์ไปสวดขอพร
"ถ้าใครรับแทงว่าไมน์จะได้ขึ้นบุนเดสลีก้าในสิบปีนะ ผมขายบ้านขายช่องแทงสวนเลยแหละ" เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งของคล็อปว่าไว้
ชีวิตนักฟุตบอลของคล็อปลุ่มๆดอนๆ จากกองหน้าฝีเท้าจัด ก็ค่อยๆถอยลงมาเป็นกองหลังตัวโย่ง ด้วยความที่อยู่ทีมเล็ก คล็อปก็มีปัญหาทางการเงินอยู่บ่อยๆ
คล็อป : ผมได้เงินเดือนดีมาก เดือนละ 2500 มาร์ก โบนัสอีกสองพันต่อนัดที่ชนะ - ปัญหาเดียวที่มี คือทีมไม่เคยชนะ!
* คล็อปประชด เงิน 2500 มาร์กนี่แทบไม่พอยาไส้ คล็อปบอกทำงานไปจนแขวนสตั๊ด คงซื้ือรถที่ไฮเดลขายไม่ได้แม้แต่คันเดียว
วิ่งโว้ย-วิ่ง!
ความขัดสนทางการเงินรุนแรงกระทั่ง แม้จะเจ็บ ก็เจ็บไม่ได้นาน คล็อปทำสถิติฟื้นตัวจากเอ็นเข่าไขว้หน้าขาดได้เร็วเป็นประวัติการณ์ - 8 อาทิตย์ เพราะทีมในลีก 2 จ่ายเงินเดือนแค่ 6 อาทิตย์เท่านั้นถ้าไม่ได้ลงเตะ และถ้าทีมตกชั้น อาชีพของเขาก็อาจจบลง เขารู้ดีว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า กับค่านมลูกเป็นยังไง
ประสบการณ์เจ็บ ท้อแท้ สิ้นหวังมาก่อน ทำให้คล็อปเป็นพ่อพระ ของ "ลูกทีมในอนาคต" หลายๆคน
คล็อปมีแพสชั่นต่อชัยชนะที่รุนแรง เขาเคยบ่นใส่เพื่อนร่วมทีมบ่อยๆว่า เขารู้ว่าควรส่งบอลไปทางไหน หรือวิ่งไปทางไหน แต่เท้าเจ้ากรรมชอบส่งบอล ไม่ขาด ก็ล้นอยู่เรื่อย สมองระดับบุนเดสลีก้า กับเท้าระดับลีกสมัครเล่น ก็เลยพาเจ้าตัวติดแหง็กอยู่ในลีก 2 เมื่อเท้าไม่ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น คล็อปจึงหมกมุ่นกับแท็กติกตั้งแต่ยังหนุ่ม หาทางให้ทีมฝีเท้าดาดๆ เจอชัยชนะ เพื่อคว้าโบนัสกับเขาบ้าง
แล้ววันหนึ่งชะตาของคล็อปก็เปลี่ยนไป
กราบอาจารย์
ตอนนั้นไมน์ 05 อยู่ท้ายตารางดิวิชั่น 2 (เช่นเคย) มีแค่ 12 คะแนนจากครึ่งฤดูกาล นสพ บอก "ตกชั้น 100%" ไม่มีโค้ชคนไหนอยากมาทำ
แล้วสโมสรก็ได้วูฟกัง แฟรงค์ เข้ามา
วูฟกัง แฟรงค์ - เดอะ บอส 's ซือแป๋
วูฟกังเอาเสาไปปักในสนาม นักเตะโดนสั่งให้วิ่งทั้งวัน โดยไม่มีบอล
"ไม่มีสวีปเปอร์" แฟรงค์ยืนกราน "หลังน้อยลงหนึ่งคน ก็มีมิดฟิลด์เพิ่มขึ้นหนึ่งคน" - ไมน์ เป็นทีมแรกที่เล่น back 4 ในเยอรมัน ยุคที่ทุกทีมในสมัยนั้นมีลิเบโร่
"เราจะเพรสซิ่งตั้งแต่แดนหน้า บีบให้เขาเล่นลูกยาว แล้วยักษ์คล็อปก็จะเก็บบอลมาให้เราบุก" - คุ้นๆนะ
คล็อป : "เราไม่มีแต้มเลย อย่าว่าแต่วิ่งทั้งวัน ให้ปีนต้นไม้แลกแต้มก็เอาเหอะ"
เช้าวันจันทร์ เป็นวันดูเทป
คล็อป : "วูฟกังไปเก็บนักศึกษาจากมหาลัยข้างๆมาคนนึง หมอนั่นจะนั่งตัดต่อวีดีโอ แล้วก็มาให้เรานั่งดู จ้ำจี้จ้ำไชว่าต้องวิ่งแบบโน้นแบบนี้ตลอดวัน" - หมอนั่นคือ ปีเตอร์ คราเวียซ มือซ้ายคล็อปตอนนี้
ปีนั้นครึ่งฤดูกาลหลัง ไมน์ทำได้ 32 แต้ม เป็นอันดับสองของดิวิชั่นสอง - ทีมขยับขึ้นไปอยู่ในกลุ่มลุ้นเลื่อนชั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
แฟรงค์กลายเป็นเทพเจ้าของสโมสร
"ถ้าแฟรงค์บอกพรุ่งนี้ต้องทุบสเตเดี้ยมทิ้ง - ทุกคนก็คงวิ่งไปคว้าค้อน" ประธานเขาว่างั้น
คล็อปยิ่งกว่าประทับใจ วูฟกังพาความเปลี่ยนแปลงมาที่สโมสร สเตเดี้ยมเริ่มมา สปอนเซอร์เริ่มเข้า
โค้ชพเนจร
วูฟกัง เป็นแฟนพันธ์แท้ของอาริโก้ ซาคคี่ ทั้งวันเอาแต่ดูเทป จดโน้ต แล้วก็พยายามเอาไปใช้ในสนาม ในยุคที่ไม่มีใครรู้จักเพลสซิ่ง
วูฟกัง ชุบชีวิตไมน์ได้สำเร็จ คล็อป - ทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไม ถามทุกอย่าง ทำไมต้องซ้อมแบบนี้ ทำไมต้องวิ่งทางนั้น แฟรงค์สอนกระทั่งวิธีบรีฟทีม และคล็อปก็จดทุกอย่าง
แต่วูฟกังไม่ใช่คนติดที่ เขาพยายามเผยแพร่ว่าทฤษฏีฟุตบอลของเขาดีกว่า เจ๋งกว่า และไม่ลังเลที่จะย้ายงาน
ทีมใหญ่ๆไม่ยอมรับเขา เขาทำงานได้ดีกับทีมเล็กๆมากกว่า โค้ชรุ่นหลังจำนวนมากได้อิทธิพลจากวูฟกัง - หนึ่งในนั้นคือศูนย์หน้าของทีมดิวิชั่นสอง โยอัคคิม เลิฟ
แต่การพเนจรของวูฟกัง สร้างผลสะเทือนอย่างร้ายแรงต่อ ไมน์ - ทีมที่อยู่รอดด้วยแท็คติกของ ผจก ทีมมากกว่า ฝีมือนักเตะ
เมื่อวูฟกังจากไป ทีมก็ทรุดลง โค้ชที่เข้ามาใหม่ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทีมทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ไปจมท้ายตารางอีกครั้ง
ไฮเดล - ประธานสโมสร ยอมรับว่า เขาไม่รู้จะหาโค้ชที่ไหน - ในยุคนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ตที่จะหาข้อมูลโค้ชได้ง่ายๆ "และถึงหาได้เราก็ไม่มีปัญญาจ่าย"
สุดท้าย ไฮเดล ตัดสินใจ โทรเรียกคล็อปมาพบ แล้วบอกว่า คุณเป็นผู้จัดการในเกมถัดไป
คล็อปขุดเล็คเชอร์เก่าของวูฟกังขึ้นมา ปักเสาลงพื้นสนาม แล้วพยายามนึกว่าตอนนั้นวูฟกังทำอะไร
คล็อปพาทีมชนะสองนัดรวด และพาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ - คล็อปได้สัญญา ผจก ทีม สองปี - เขายอมรับในภายหลังว่าเขาโชคดีที่ไม่ทิ้งการเรียน คล็อปเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาไปด้วย พร้อมๆกับเตะบอล ความรู้ในชั้นเรียนช่วยเขาไว้ ตอนต้องเป็นโค้ชจริงๆ
คล็อป กับ แฟรงค์ ผู้เป็นอาจารย์แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ยกเว้นอย่างเดียว ความกระหายต่อชัยชนะ
แฟรงค์ พูดไม่เก่ง และไม่ชอบสังคม เวลามีเสียงโห่ร้องอื้ออึงเขาจะทำตัวไม่ถูก แต่เขาหัวเสียทุกนัดที่ทีมแพ้ ครั้งหนึ่งไมน์แพ้บาร์เยิร์นมิวนิค ในบอลถ้วย แฟรงค์ หงุดหงิดมากจนรื้อข้าวของในห้องทำงานตัวเองหมด แล้วนั่งจัดใหม่อยู่ทั้งวัน บ่มพึมพัมตลอดวันว่า "ถ้าเราเล่นดีกว่านี้อีกนิด บาร์เยิร์นพลาดมากขึ้นอีกหน่อย"
ส่วนไฮเดล ก็ต้องไปไล่ตอบคำถามคนอื่นๆว่า "อ๋อ เราจะรีโนเวท"
ส่วนคล็อปก็อย่างที่เรารู้ๆกัน - กล่อมลิงตกต้นไม้ คำพูดคำจาคมคาย แพสชั่นต่อชัยชนะของคล็อปแสดงออกมาในอีกแบบ
วัคเค่ : คล็อปไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแพ้ซักเกม - เขาเดินหน้าฆ่ามันตลอด ถ้าแพ้ก็เอาใหม่
ไฮเดล : ตั้งแต่ตอนเป็นนักเตะ แม้แต่ตอนซ้อม ถ้าใครอยู่ข้างเขาแล้วแพ้นะ คุณเอ๊ย แทบจะโดน-หัว แล้ววันรุ่งขึ้นคล็อปก็ลืม
นิสัยของคล็อปทำให้เขาเป็นที่รักของทุกคน จากกองหน้าดาวรุ่งตีนจรวด ค่อยๆถอยลงมาเป็นกองหลัง นักเตะใหม่มีปัญหา - ไปหาคล็อป
บาดเจ็บยาวท้อแท้ - ไปหาคล็อป ไม่เข้าใจแท็กติก - ไปหาคล็อป
แม้แต่เมื่อเขาเป็นผู้จัดการทีม - วันเกิดแม่เหรอ - ไปสิ ผมไปอวยพรด้วยได้มั้ย
ลูกคลอด? วันครบรอบ - ลาเล้ย คล็อปไม่ว่า
พักอยู่ที่เดียวกัน ? ติดรถไปสนามซ้อมก็ได้
แต่วินัยต้องเป็นวินัย - คล็อปตั้งกฏ ปรับ 500 ยูโร สำหรับการมาซ้อมสาย วันหนึ่งกองหน้าของไมน์ตื่นสาย พลอยทำให้คล็อป(ที่ไปรับ)สายไปด้วย
500 ยูโร เป็นเงินที่ใหญ่มาก สำหรับคล็อปในสมัยนั้น - ทั้งโค้ชทั้งนักเตะวิ่งแข่งกันเข้าสนามซ้อมสองวินาทีก่อนเส้นตาย
ความเฮฟวี่ เมทัล ของคล็อป ปลุกไมน์ให้ตื่น แต่พอเจ้าตัวได้โปรโมทเป็นโค้ชชุดใหญ่ของไมน์ - ตอนนี้เจ้าตัวก็เจอปัญหาแล้ว ต่อหน้า(อดีต)เพื่อนร่วมทีม คล็อปต้องวางมาดว่ารู้ทุกอย่าง และไม่มีใครให้ถามด้วย หลังพ้นฤดูกาลแรก คล็อปโทรเรียกเพื่อนร่วมทีมเก่า - เซลโก้ บูวัค - เดอะ ชัคกี้ กลับมาช่วยงาน
นี่ช่วยแก้ปัญหาโค้ชไลเซนต์(คล็อปไม่มี แต่บูวัคมี) อีกด้วย
ดังนั้นตำแหน่งโค้ชที่ลงทะเบียนกับ DFB ว่าเป็นโค้ชไมน์คือ บูวัค โดยมีคล็อปเป็นหัวหน้าทีม
สามทหารเสือ - คล็อป - เซลโก้ บูวัค - ปีเตอร์ คราเวียซ
คล็อป - เซลโก้ เป็นตัวเลือกแรกของผม เป็นตัวเลือกที่สอง และ ตัวเลือกที่สามด้วย - เซลโก้ คือสารานุกรมฟุตบอลกลับชาติมาเกิด
เซลโก้ พูดน้อย ในช่วงสามปีที่ไมน์ แจน โดลิ่ง ผู้สื่อข่าวประจำไมน์ได้ยินเซลโก้ พูดแค่ "คำเดียว" ว่ากันว่าไม่มีใครเคยได้ยินเซลโก้ พูดนอกสนามซ้อมเลย
นั่นคนละเรื่องกับในสนามซ้อม และห้องวางแผน
"แผนเฮงซวย - ไอ้กร๊วก" แล้วเซลโก้ ปิดประตูใส่หน้าคล็อป เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป......
โดลิ่ง - คล็อปเป็นเซลแมน เขาขายฝันได้ อ่านภาพใหญ่ออก ตัดสินใจเด็ดขาด ประเมินจุดดีจุดด้อยได้คม เซลโก้ คือมนุษย์รายละเอียด เขาไล่เก็บตามปิดช่องโหว่ทุกเม็ด ทั้งในแผน และในการฝึกซ้อม
ทันทีที่บูวัค เข้ามา แผนหยาบๆ ที่คล็อปพาทีมรอดตกชั้นอย่าง 4-4-2 โดนปรับเป็น 4-3-3 ไมน์ขยับจากทีมหนีตกชั้น ขึ้นไปอยู่บนหัวตารางทันที
คล็อป - การซื้อตัวที่ดีที่สุดที่เคยทำมา - และน่าจะดีที่สุดตลอดกาลของผมด้วย - คือไปฉกเซลโก้ มาเป็นผู้ช่วย
ทีมลุ้นเลื่อนชั้นทันทีในปีที่สอง แต่ไม่ดีพอ ไมน์ได้ 64 แต้ม - แต้มสูงสุดตลอดกาลของทีมที่ไม่ได้เลื่อนชั้น
ปีถัดไป ทีมยังไม่ยอมแพ้ - ไฮเดลมั่นใจเอามากๆว่าทีมต้องได้เลื่อนชั้นแน่ๆ ถึงขนาดเริ่มรีโนเวทสเตเดี้ยม - ในนัดสุดท้าย ไมน์ต้องชนะ และต้องการประตูได้เสียดีกว่าแฟรงค์เฟิร์ต 1 ประตู - ไมน์ชนะ 4-0 แต่แฟรงเฟิร์ตยิ่งประตูในช่วงทดเวลา ไมน์ อกหักอีกครั้ง
ไฮเดล บากหน้าไปขอลดดอกเบี้ยค่าสเตเดี้ยม ทีมใกล้แพแตก แต่คล็อปยังคงปลุกใจในแง่ดีว่า ปีก่อน ขาดหนึ่งแต้ม ปีนี้เราขาดประตูเดียวเอง.... คล็อปเก็บผู้เล่นเกือบทั้งหมดให้พยายามด้วยกันได้อีก 1 ซีซั่น
ปีที่สามของคล็อป Michael Thurk กองหน้าตัวเก่งเซ็นสัญญาย้ายทีมไป FC Energie Cottbus ตัวเก็งว่าจะได้เลื่อนชั้น แต่ Third time lucky ไมน์จบอันดับสาม และ Energie Cottbus จบที่สี่(เอาสามทีม) เพราะประตูได้เสียแย่กว่า
ในขณะที่ทุกคนฉลองกันสุดเหวี่ยง Thurk หน้าเป็นตูด บ่นอุบอิบว่า "ต้องย้ายทีมจริงเหรอวะ"
ต้องย้ายทีมจริงเหรอวะ
ผลงานของคล็อปที่ไมน์ ทำให้วัคเค่สนใจ - ดอร์ทมุนอยู่ในสถานการณ์ลำบาก - ใกล้ล้มละลาย และไม่มีเงิน วัคเค่ตามดูไมน์อย่างใกล้ชิดอยู่เป็นปี ก่อนติดต่อกับไฮเดล
ไฮเดล : ถ้าผมบอกว่าเขาไม่เจ๋ง ผมก็โกหก ถ้าผมบอกว่าเขาเจ๋ง คุณก็จะเอาเขาไป แต่เอาเหอะ เขาเจ๋ง
แล้วในที่สุดคล็อปก็ไปดอร์ทมุน