ใครประสบปัญหาแบบเดียวกันกับผมบ้างไหมครับ ครอบครัวและความรัก

สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมต้องเล่าเรื่องให้ฟังก่อน :
ปัจจุบันผมอายุ 25 ปี เป็นลูกชายคนโต พ่ออายุ 51 ปี แม่อายุ 53 ปี ผมมีน้องสาวอายุ 19 ปี สมัยเด็กๆ อายุประมาณ 11-12 ปี ครอบครัวของผมมีปัญหาเรื่องมือที่สาม [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ช่วงนั้นเป็นอะไรที่วุ่นวายมากแม่ทะเลาะกับพ่อทุกวันทุกเวลา ก่อน/หลังอาหาร และก่อนนอน ด้วยบ้านของผมเป็นครอบครัวใหญ่บ้านหลังติดกันจึงทำให้ป้าและน้าซึ่งเป็นพี่สาวของแม่เข้ามาเกี่ยวข้องในเนื้อเรื่องนี้ด้วย พวกเขาชอบมาตัดสินใจแทนแม่และครอบครัวของผม ก็เข้าใจนะว่าเป็นญาติพี่น้องกันต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา แต่ด้วยแม่ผมเป็นคนอ่อนแอ หัวอ่อน ญาติเลยมีบทบาทมากขึ้น
หลังจากผ่านไป 1 ปีเต็ม พ่อขอกลับมาอยู่บ้านเลิกยุ่งกับกิ๊กโดยถาวร แม่ยาย และแม่ผมก็ให้อภัยแต่หลังจากที่พ่อกลับมา ทุกวันจะเป็นแบบว่า คุยกันดีๆ ไม่ถึง 10 ประโยค แม่ก็จะหัวฟัด หัวเหวี่ยงไม่พอใจ ขึงขังขึ้นมาอย่างไว มีการใช้คำหยาบ ใช้ภาษาพ่อขุนบ้าง แถมพาลมาหาผม พวกเขาชอบเอาลูกคนอื่นมาเปรียบเทียบมาพูดให้ฟังตลอดเวลาว่าพวกเขาเรียนดี ได้เป็นนั่นเป็นนี่ ได้โล่ห์ ใบประกาศนียบัตรต่างๆ นาๆ ระดับประเทศทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยล้าหดหู่ทุกครั้งที่กลับมาบ้านหลังจากเลิกเรียนและในช่วงเวลาที่ผมขึ้น ม.1 ผมได้คัดเป็นนักกีฬาเทเบิลเทนนิสของโรงเรียนไปแข่งกับโรงเรียนอื่น ผมดีใจมาก ขยันซ้อมตลอดเวลา อยู่มาวันหนึ่งผมเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ ใช้ไม้ดียางอย่างดีไว้ใช้ซ้อมและแข่งขันแล้ว ผมจึงรีบกลับไปที่บ้านแล้วบอกพ่อกับแม่ว่า ขอให้ซื้อไม้ปิงปองดีๆ สักชุดได้ไหมเอาไว้ซ้อมเพราะไหนๆ ก็ได้เป็นนักกีฬาแล้ว ตอนนั้นคือมีความตั้งใจอย่างมาก อย่างทำให้พวกเขาเห็นว่า เราก็มีความสามารถ พรสวรรค์ในตัวเองเหมือนกัน แต่แล้วสิ่งที่เขาบอกกับผมคือ ให้ตั้งใจเรียนดีกว่าไหม ผมรู้สึกผิดหวังอย่างมากในตอนนั้น หลังจากนั้นผมก็ยังแข่งนะใช้ไม้ราคา 300 กว่าบาทได้เหรียญทองกลับบ้านด้วยผมดีใจมากผมเดินเอาเหรียญคล้องคอตั้งแต่โรงเรียน พอถึงบ้านผม ไม่มีใครสนใจผมเลยทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ผมก็คนมองโลกในแง่ดีตั้งแต่เด็กแล้ว เลยไม่คิดอะไร หลังจากนนั้นผมเรียนเทคนิค ได้คัดเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของอาชีวะเกมส์ผมก็ขยันซ้อมนะ แต่วันนั้นรองเท้ามือสองที่ผมใส่ซ้อมมันขาดผมเลยขอโค้ชกลับบ้าน ก็มาบอกแม่กับพ่อว่า ขอรองเท้าไว้แข่งสักคู่ได้ไหม แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งนึง ผมเลยตัดสินใจเลิกเล่นกีฬาไปเลย

คราวนี้มาเข้าเรื่อง ความรักที่เกิดขึ้นกับผมบ้าง :
เกริ่นก่อนเลยครับ ผมเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว และเป็นหลานชายคนเดียวในบ้าน นอกนั้นเป็นผู้หญิงหมดเลย ผมมีแฟนคนแรกตอนเรียน ม.3 เป็นความรักแบบ ป็อปปี้เลิฟ ไม่มีล่วงเกินอะไรเลย แต่แม่ของผมบอกให้เลิกยุ่ง แล้วถามผมกลับว่า จะเรียนรึอยากมีเมีย ผมนี่อึ้งเลยครับ ทนแอบคบกันอยู่นานสุดท้ายก็เลิกกัน ต่อมาตอนผมอายุ 19 ปี ก็มีแฟนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อยากพาแฟนเข้าบ้านทำความรู้จักกับแม่ พ่อ ญาติพี่น้องของผม พอที่บ้านรู้ว่ามีแฟนยังไม่ทันได้เห็นหน้าตากันเลย ที่บ้านควันออกหูเลยครับ ด่าผมไฟแลบ ก็ทนแอบคบกันสุดท้ายก็เลิกกัน ก็จะมีต่อมาอีก 3-4 คน เหมือนเดิม แต่ครับแต่..เมื่อผมคบคนแรกซึ่งแน่นอนเขาต้องไม่ชอบ พอผมเลิกกับคนแรกไปคบคนที่ 2 จากเกลียดคนแรกหนักหนามากกลับกลายเป็นว่าไปเห็นคุณค่าในตัวของแฟนคนแรกของผม ผมเองก็งงๆ แต่ไม่ติดใจอะไร พอผมเลิกกับคนที่ 2 ไปคบคนที่ 3 ก็เป็นอีกมาจนถึงคนปัจจุบัน ต่อมาตอนนั้นผมอายุ 23 ปีผมคบกับผู้หญิงคนนี้มา 2 ปีก่อนเข้ารับราชการมาจนถึงปัจจุบัน ผู้หญิงคนนี้จะพิเศษหน่อยคือ อายุมากกว่าผม 16 ปีครับ เธอสวยครับ หน้าตาคม หุ่นดี เธอเป็นคนดีครับ ทำธุรกิจส่วนตัวค่อนข้างมีฐานะพอสมควร แต่เคยอยู่ต่างประเทศแล้วมีลูก 1 คนเรียนอยู่ ตปท. ลูกสาวเขาน่ารักน่าเอ็นดูครับ เจอหน้าผมเขาจะพยายามพูดภาษาไทยคุยกับผม จนกระทั่งวันนึงผมพาไปพบกับที่บ้าน ไป 2-3 ครั้งแรก ก็ต้อนรับดี แต่สำหรับแม่ผม ผมเห็นหน้าตาของแม่แล้วบ่งบอกได้เลยว่าไม่ผ่านแน่นอน ปัญหาแม่ผัวกับลูกสะใภ้มันต้องมีแน่ๆ แต่แฟนผมก็อยากมานะเพราะที่บ้านเรียบง่าย สบายๆสนุกดี ปูเสื่อกินข้าวล้อมสำรับ 10 กว่าชีวิต คำถามแรกที่แม่ถามแฟนผมว่า เคยมีลูกมาแล้วหรอ กี่ขวบ ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน เลิกกับแฟนฝรั่งมาได้เงินมาเท่าไหร่ แฟนผมยิ้มมองหน้าผมครับ ตอบคำถามด้วยเสียงสั่นๆ น้ำตาคลอ ในตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกสงสารแฟนผมมากทำไมต้องให้มาเจออะไรแบบนี้ด้วย หลังจากที่ไปบ้านผมอยู่ 3-4 ครั้ง เราก็จับเข่าคุยกันแฟนผมบอกว่า ต่อไปนี้เวลาผมจะกลับบ้านเดี๋ยวเธอจะพาไป แต่เธอจะอยู่โรงแรมไม่เข้าไปที่บ้านผม ไม่ใช่ว่าไม่ให้เกียรตินะ แต่เธอเองก็เซนซิทิฟกับเรื่องนี้เหมือนกันรู้ได้เลยว่าที่บ้านผมไม่โอเคผมเองก็เข้าใจเธอด้วยเช่นกัน ทุกครั้งที่ที่บ้านโทรมาหาผม พวกเขาจะถามตลอดเลยว่า ทำไมไม่เลิกกันสักที จะจมปลักอยู่อย่างนั้นใช่ไหม รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้มันจะมาหลอก อนาคตยังไปได้อีกไกลอย่าเอาโซ่มาล่ามขาตัวเอง ถ้าเลือกมันก็ตัดแม่ตัดลูกกัน เป็นแบบนี้ทุกครั้งทำให้ผมไม่อยากรับสายเลยเวลาที่โทรมา เป็นแบบนี้มาตลอด 2 ปี แต่ผมก็แอบคบกัน

แต่ด้วยความที่เธอรักผม ผมก็รักเธอเช่นกัน จึงทำให้ผมขอเธอจดทะเบียนสมรสและถ่ายพรีเวดดิ้งหมดไปเกือบแสน เผื่อสักวันนึงความรักที่มีต่อกันจะแสดงให้เห็นคนอื่นเห็นว่า รักกันจริง เธอช่วยเหลือผมในขณะที่ผมบรรจุงานที่ ตจว. มีแค่เสื่อผืนหมอนใบกับผ้าห่ม เธอไม่ได้อยู่กับผมนะครับเราอยู่กันคนละจังหวัด ด้วยระยะทางที่ไกลมากๆ เกือบพันโล บางทีผมกลับรถทัวร์นั่งรถนานเกิน เธอก็ให้ผมขึ้นเครื่องพานิชย์กลับบ้านไปหาพ่อแม่ผม ให้ผมเข้าบ้านและเธอยอมอยู่โรงแรม เธอพยามทำทุกอย่างให้ผมรู้สึกสบายใจ มีอยู่วันนึงที่บ้านรู้เข้าว่า มาด้วยกันไม่ยอมเข้ามาบ้าน ที่บ้านผมก็โกรธอีกหาว่าเธอพาผมเสียคน เธอก็บอกกับที่บ้านผมว่า พยายามทำเพื่อผม อยากให้ผมมั่นคง สร้างอนาคตที่ดีด้วยกัน คนที่บ้านผมถมน้ำลายใส่ ว่าคำสารพัด ผมปกป้องเธอโดยการยืดอกบอกไปว่า ห้ามยุ่งกับเธอ แม่ผมถามทำไมต้องปกป้องมัน เห็นมันดีกว่าแม่ใช่ไหมหรือว่าไปจดทะเบียนสมรสกัน ผมก็ตอบไปตรงๆ ว่า ใช่ คำเดียวสั้นๆ เท่านั้นแหละ บ้านผมลุกเป็นไฟเลยครับ ด่าผม กรี๊ดใส่ โมโหหนักมาก ผมเลยพาเธอออกมาจากจุดนั้น เธอช็อคครับ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ พยามขอเลิกกับผมตลอดเวลา ผมก็เห็นแก่ตัวไม่ยอมเลิกกับเธอ ไม่ได้เกาะเธอนะครับ แต่เธอทำให้ผมคิดได้หลายเรื่อง โตเป็นผู้ใหญ่ แถมเธอยังคอยให้คำปรึกษาเวลาผมจะทำอะไร คอยสนับสนุน ให้กำลังใจ ในส่วนที่ผมไม่เคยได้มาตั้งแต่เด็ก มีคนเคยถามแม่ผมว่าถ้าเกิดผมมีลูกกับผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาล่ะจะทำยังไง แม่ผมตอบว่า ลูกกูเอา แต่กูไม่เอาแม่มัน พอได้ยินคำตอบผมติดสตั้นท์เลย ใจหายไปว้าบใหญ่ๆ
อ่อลืมไปครับ ในช่วงที่เธอช็อค เธอตั้งครรภ์ได้เกือบ 3 เดือน (ปล. ผมดีใจมากที่มีน้องเพราะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้หลายที่มาก) แต่ที่บ้านผมเขาไม่รู้เพราะว่าเธอท้องเล็ก ถ้าเกิดพวกเขารู้ผมว่าบ้านแตกครับ อาจจะถึงกับพังกันไปข้างนึงเลยก็ได้ ส่วนครอบครัวของเธอ พ่อเป็นนายอำเภอแต่เสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนแม่ก็ทำธุรกิจส่วนตัวค่อนข้างจะกว้างขวางในจังหวัด แม่ของเธอรับรู้ครับว่าครอบครัวผมเป็นยังไง แกไม่ว่าอะไรแค่บอกว่าอย่าให้มาถึงแม่ก็แล้วกัน รักกันก็ดูแลกันไปอยู่เพื่อลูกที่จะเกิดมา ผมก็เคยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆ หรือคนที่เรารู้จักและสนิทให้ฟังแล้วถามว่าควรทำยังไงดี คำตอบที่ได้มาคือ มันก็ขึ้นอยู่กับความรักของผมและเธอว่าเหนียวแน่นแค่ไหน ส่วนลูกที่จะคลอดออกมาบางทีน้องอาจจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างครอบครัวทั้งสองก็เป็นได้ อดทนหน่อยเพื่อลูก

ตอนนี้น้อง 8 เดือนเต็มแล้วครับ พยายามดูแลทั้งแม่และน้องอย่างเต็มที่ครับ

ท่านใดมีประสบการณ์ คำแนะนำ แนวคิด+ แนวทางแก้ไขปัญหา มาบอกกันได้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่