ตามข่าวมาหลายข่าวแล้ว วันนี้ก็มีคนสังเกตข่าว เป็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ของท่าอากาศยานบ้านเรากับสินค้าปลอดภาษี
และมีการออกมาสัมภาษณ์นายกสมาคมการค้าร้านค้าปลอดภาษี ที่ส่งเรื่องไปฟ้องประเด็นจุดรับส่งสินค้าปลอดภาษี และมีคำถามเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้
กับหัวข้อ
"บากบั่นถาม รวิฐาตอบออกตัวแรง “ดิฉันไม่ได้ทำให้ล็อตเต้"
ความเอะใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีพวกพ้องส่งคลิปรายการ “ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ 4/1/61 : มรสุม "King Power" เจ้าพ่อดิวตี้ฟรีไทย” มาให้บ่ายวันอาทิตย์พร้อมกับ ยิงทีเซอร์มาสั้นๆ ว่า “พี่ๆ ดูอันนี้ยัง ดูเสร็จแล้วพี่มีความเห็นว่ายังไง”
เล่นทิ้งคำถามกันไว้แบบนี้จะให้ผ่านไปก็ยังไงอยู่ ดีนะคลิปรายการนี้ใช้เวลาไม่มา 8-9 นาที เนื้อหาในรายการก็ไม่พ้นประเด็นจุดรับส่งสินค้า ที่คุณรวิฐาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทวงถามกับ ทอท.มานานมาก จนกระทั่งเรื่องมันสนุกขึ้นก็ตอนที่มีเรื่องนี้มันถูกชงเข้าไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน และเรื่องก็เทคแอคชั่นไปถึง สนช. และทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้มีหนังสือไปถึง ทอท. บอกว่าให้เปิดจุดรับสินค้า (pick up counter) ที่เป็นสาธารณะซะ เพื่อประโยชน์ของมวลชน แต่ทาง ทอท. ก็ได้มีหนังสือชี้แจงกลับไปถึงทางผู้ตรวจการฯ บอกว่า มันติดในเรื่องของสัญญาสัมปทาน
คุณรวิฐาจึงออกมาบอกว่าถึงแม้ว่าในทางปฏิบัติผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ได้มีอำนาจสั่งการให้ ทอท. ปฏิบัติตามความเห็นของผู้ตรวจการได้ มาถึงจุดนี้ผมก็เข้าใจได้ว่าคุณรวิฐาก็พยายามจะบอกในรายการว่ามันไม่เคยมีใครที่ไม่ปฎิบัติตามความเห็นของผู้ตรวจการมาก่อน เพราะฉะนั้นการที่ ทอท. ไม่ทำตามก็เหมือนกับเป็นการขัดแย้งต่อมารยาททางสังคม (แต่ผมว่าบางครั้งหลักการกับมารยาทมันก็ไปด้วยกันไม่ได้นะครับ)
ผมก็ดูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพิธีกรคือคุณบากบั่นพูดขึ้นมาว่า : หลายคนตั้งคำถามเหมือนกัน ทำไมชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ จึงเชิญคุณรวิฐา ซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรงมาพูดคุยนะครับเราพยายามติดตาม พยายามติดต่อ ทาง เอโอที. แต่ไม่ได้รับการประสานงานโดยตรง นะครับ ไม่สามารถเข้ามาร่วมรายการได้ ทุกคนก็ตั้งคำถามว่าคุณรวิฐา อาจจะเป็นตัวแทนของ ล๊อตเต้ หรือเปล่า ที่มาต่อสู้เรื่องนี้ ความจริงเป็นอย่างไร
ส่วนคุณรวิฐาก็ตอบ : ดิฉันเป็นนายกสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากรแห่งประเทศไทย มีสมาชิกหลากหลาย ไม่ใช่มีล๊อตเต้ ดิฉันไม่ได้ทำให้ล๊อตเต้ เพราะสิ่งที่ดิฉันร้องขอ คือจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะผู้ประกอบการ ไม่ว่าไทย ไม่ว่าเทศ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ที่ได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากร ย่อมมีสิทธิที่จะใช้จุดส่งมอบสินค้าสาธารณะนี้ได้ ทุกคน ทุกร้าน ทุกแห่ง แล้วดิฉันถามคุณบากบั่น กลับไปว่า การที่มีจุดส่งมอบ ขึ้นมา แล้วมีคนใช้อยู่รายเดียวเนี๊ยะ กับมีคนใช้ 10 ราย เอโอที จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไหม
ผมนี่ร้องหือ...ลั่นออกมาแบบไม่รู้ตัว พร้อมกับรำพึงกับตัวเองเบาๆ ว่า “ทำไมจู่ๆ ถึงถามความมีส่วนร่วมกับล็อตเต้ได้นะ” จากคำถามดังกล่าวมันมันสะกิดต่อมความคิดของผมให้คิดถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งผมก็เคยผ่านหูผ่านตามาบ้างว่า เออีซีแคปปิตอล ที่คุณรวิฐาเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ 22% ก็เป็นผู้ถือหุ้นล็อตเต้โชว์ดีซี อยู่ถึง 42%

ไม่รู้เหมือนกันว่าสคริปคำถามที่เกิดขึ้นในรายการจะถูกนำมาใช้เป็นเพื่อยืนยันว่าตนเองทำตามหน้าที่ในบทบาทของนายกสมาคมฯ ของคุณรวิฐา หรือเป็นการสะกิดต่อความเอะใจในการมีความเกี่ยวข้องกับล็อตเต้กันแน่ ผมว่านะ ถ้าคุณพิธีกรในรายการไม่ได้หักหัวเรือปักมาที่เรื่องล็อตเต้ ผมก็คงจะตอบความเห็นตอบกลับไปยังรุ่นน้องว่าเขาทำตามหน้าที่และแต่ละฝ่ายก็ทำตามหน้าที่ของตนเอง
แต่ความคิดเห็นที่ผมตอบกลับไปหารุ่นน้อง ผมก็ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า “เอ็งลืมแล้วเหรอว่ารวิฐากับล็อตเต้เป็นของคู่กัน”
เครดิต:
https://manghun.blogspot.com/2018/02/blog-post_7.html
ข้อสงสัยล๊อตเต้เกี่ยวพันอะไรกับนายกสมาคมร้านค้าปลอดอากร
และมีการออกมาสัมภาษณ์นายกสมาคมการค้าร้านค้าปลอดภาษี ที่ส่งเรื่องไปฟ้องประเด็นจุดรับส่งสินค้าปลอดภาษี และมีคำถามเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้
กับหัวข้อ "บากบั่นถาม รวิฐาตอบออกตัวแรง “ดิฉันไม่ได้ทำให้ล็อตเต้"
ความเอะใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีพวกพ้องส่งคลิปรายการ “ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ 4/1/61 : มรสุม "King Power" เจ้าพ่อดิวตี้ฟรีไทย” มาให้บ่ายวันอาทิตย์พร้อมกับ ยิงทีเซอร์มาสั้นๆ ว่า “พี่ๆ ดูอันนี้ยัง ดูเสร็จแล้วพี่มีความเห็นว่ายังไง”
เล่นทิ้งคำถามกันไว้แบบนี้จะให้ผ่านไปก็ยังไงอยู่ ดีนะคลิปรายการนี้ใช้เวลาไม่มา 8-9 นาที เนื้อหาในรายการก็ไม่พ้นประเด็นจุดรับส่งสินค้า ที่คุณรวิฐาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทวงถามกับ ทอท.มานานมาก จนกระทั่งเรื่องมันสนุกขึ้นก็ตอนที่มีเรื่องนี้มันถูกชงเข้าไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน และเรื่องก็เทคแอคชั่นไปถึง สนช. และทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้มีหนังสือไปถึง ทอท. บอกว่าให้เปิดจุดรับสินค้า (pick up counter) ที่เป็นสาธารณะซะ เพื่อประโยชน์ของมวลชน แต่ทาง ทอท. ก็ได้มีหนังสือชี้แจงกลับไปถึงทางผู้ตรวจการฯ บอกว่า มันติดในเรื่องของสัญญาสัมปทาน
คุณรวิฐาจึงออกมาบอกว่าถึงแม้ว่าในทางปฏิบัติผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ได้มีอำนาจสั่งการให้ ทอท. ปฏิบัติตามความเห็นของผู้ตรวจการได้ มาถึงจุดนี้ผมก็เข้าใจได้ว่าคุณรวิฐาก็พยายามจะบอกในรายการว่ามันไม่เคยมีใครที่ไม่ปฎิบัติตามความเห็นของผู้ตรวจการมาก่อน เพราะฉะนั้นการที่ ทอท. ไม่ทำตามก็เหมือนกับเป็นการขัดแย้งต่อมารยาททางสังคม (แต่ผมว่าบางครั้งหลักการกับมารยาทมันก็ไปด้วยกันไม่ได้นะครับ)
ผมก็ดูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพิธีกรคือคุณบากบั่นพูดขึ้นมาว่า : หลายคนตั้งคำถามเหมือนกัน ทำไมชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ จึงเชิญคุณรวิฐา ซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรงมาพูดคุยนะครับเราพยายามติดตาม พยายามติดต่อ ทาง เอโอที. แต่ไม่ได้รับการประสานงานโดยตรง นะครับ ไม่สามารถเข้ามาร่วมรายการได้ ทุกคนก็ตั้งคำถามว่าคุณรวิฐา อาจจะเป็นตัวแทนของ ล๊อตเต้ หรือเปล่า ที่มาต่อสู้เรื่องนี้ ความจริงเป็นอย่างไร
ส่วนคุณรวิฐาก็ตอบ : ดิฉันเป็นนายกสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากรแห่งประเทศไทย มีสมาชิกหลากหลาย ไม่ใช่มีล๊อตเต้ ดิฉันไม่ได้ทำให้ล๊อตเต้ เพราะสิ่งที่ดิฉันร้องขอ คือจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะผู้ประกอบการ ไม่ว่าไทย ไม่ว่าเทศ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ที่ได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากร ย่อมมีสิทธิที่จะใช้จุดส่งมอบสินค้าสาธารณะนี้ได้ ทุกคน ทุกร้าน ทุกแห่ง แล้วดิฉันถามคุณบากบั่น กลับไปว่า การที่มีจุดส่งมอบ ขึ้นมา แล้วมีคนใช้อยู่รายเดียวเนี๊ยะ กับมีคนใช้ 10 ราย เอโอที จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไหม
ผมนี่ร้องหือ...ลั่นออกมาแบบไม่รู้ตัว พร้อมกับรำพึงกับตัวเองเบาๆ ว่า “ทำไมจู่ๆ ถึงถามความมีส่วนร่วมกับล็อตเต้ได้นะ” จากคำถามดังกล่าวมันมันสะกิดต่อมความคิดของผมให้คิดถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งผมก็เคยผ่านหูผ่านตามาบ้างว่า เออีซีแคปปิตอล ที่คุณรวิฐาเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ 22% ก็เป็นผู้ถือหุ้นล็อตเต้โชว์ดีซี อยู่ถึง 42%
ไม่รู้เหมือนกันว่าสคริปคำถามที่เกิดขึ้นในรายการจะถูกนำมาใช้เป็นเพื่อยืนยันว่าตนเองทำตามหน้าที่ในบทบาทของนายกสมาคมฯ ของคุณรวิฐา หรือเป็นการสะกิดต่อความเอะใจในการมีความเกี่ยวข้องกับล็อตเต้กันแน่ ผมว่านะ ถ้าคุณพิธีกรในรายการไม่ได้หักหัวเรือปักมาที่เรื่องล็อตเต้ ผมก็คงจะตอบความเห็นตอบกลับไปยังรุ่นน้องว่าเขาทำตามหน้าที่และแต่ละฝ่ายก็ทำตามหน้าที่ของตนเอง
แต่ความคิดเห็นที่ผมตอบกลับไปหารุ่นน้อง ผมก็ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า “เอ็งลืมแล้วเหรอว่ารวิฐากับล็อตเต้เป็นของคู่กัน”
เครดิต: https://manghun.blogspot.com/2018/02/blog-post_7.html