ผู้จัดการรายวัน 360 - ร.อ.จักรสุวรรณ โตเจริญ เลขาธิการสมาคมลูกยางไทย เผยระบบคัดเลือกทีมลุย "โตเกียวเกมส์ 2020" ทำทีมสาวไทยมีลุ้นเข้ารอบสุดท้าย ด้าน "กิ๊ฟ" วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ ชี้เข้าทาง แม้วัย 33 ปี ยังไม่หยุดฝันถึงโอลิมปิกรอบสุดท้าย
หลังจากที่สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เตรียมจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2019 เพื่อโอกาสปูทางให้กับทัพลูกยางสาวทีมชาติไทยตีตั๋วสู่มหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 หรือ “โตเกียวเกมส์”
ทว่ามีรายงานการเปลี่ยนแปลงการคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์รูปแบบใหม่ โดยสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (เอฟไอวีบี) มีแนวโน้มกำหนดการแข่งขันให้มีการแข่งขันถึง 3 รอบ และมีโอกาสสูงที่ทีมยักษ์ใหญ่ จะได้โควต้าไปก่อนหน้าจากการแข่งขัน 2 รอบแรกคือ รอบแรก เวิลด์ ควอลิฟิเคชั่น ที่จะให้ “เจ้าภาพ” ญี่ปุ่น ซึ่งได้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ, แชมป์โลกปี 2018 และ ทีมอันดับ 1-2 จาก 5 ทวีปเข้าแข่งขันเพื่อคัดเอาเพียงอันดับ 1-2 คว้าตั๋วไป โตเกียวเกมส์ 2020, รอบสอง อันดับ 16 ทีมแรกมาแข่งขันแบบแบ่ง 4 สาย แชมป์กลุ่ม 4 ทีมจะได้ไปโอลิมปิก 2020
โดย ร.อ.จักรสุวรรณ โตเจริญ เลขาธิการสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลฯ กล่าวถึงวิเคราะห์กติกาการคัดเลือกให้ฟังว่า “จากการเข้าร่วมประชุมกับสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติมีมติว่าจะไม่นำการแข่งชันชิงแชมป์โลกมารวมกับการคัดเลือกโอลิมปิก แต่จะเพิ่มรายการขึ้นมาอีก 2 รายการ ลักษณะคล้ายการชิงแชมป์ทวีป และยังคงการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียไว้”
“หากอธิบายให้เข้าใจ คือ การคัดเลือกโอลิมปิก 12 ทีมในครั้งนี้ จะแข่งขันทั้งหมด 3 รายการ ซึ่งเราตัดเจ้าภาพญี่ปุ่นออกไป เพราะได้สิทธิ์ในฐานะเจ้าภาพ ส่วนการชิงแชมป์ทวีปรอบแรก มองว่าจีนน่าจะได้สิทธิ์ไปครอง ต่อมาคือชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งเกาหลีใต้ก็มีโอกาสคว้าแชมป์ ดังนั้นจะเหลือการชิงแชมป์ทวีปรอบที่สอง ที่ไทย, คาซัคสถาน จะต้องมาแย่งชิงกันในทวีปเอเชีย โดยมองว่ามีโอกาสสูงที่เราจะทำได้อย่างแน่นอน”
พ่อบ้านสมาคมลูกยางไทย กล่าวอีกว่า รายละเอียดการแข่งขันทั้งหมดจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤษภาคม แต่สมาคมฯ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้นักกีฬามีความหวัง และตั้งใจฝึกซ้อมมากขึ้น “ปีนี้เรามีการแข่งขันค่อนข้างถี่ ทั้งการแข่งขันในลีก, เอเชียนเกมส์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย, ชิงแชมป์เอเชีย ที่จังหวัดนครราชสีมา และ รายการชิงแชมป์โลก ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยังไม่รวมการแข่งขันกรัชับมิตรต่างๆ ทำให้นักกีฬาทุกคนได้ลงแข่งขันเตรียมความพร้อมเต็มที่”
ด้าน “กิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ นักกีฬาตัวเก๋าของทีมลูกยางสาวไทย ยอมรับว่ายังตั้งเป้าลุยโอลิมปิก แม้จะเข้าสู่วัย 33 ปีแล้วก็ตาม “หลังจากที่พวกเราผิดหวังจากการแข่งขันรอบคัดเลือกโอลิมปิก 2016 และคิดกันว่าคงจะไม่สามารถเล่นต่อได้ถึงโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงโตเกียว ในปี 2020 อย่างแน่นอน แต่ถ้าตัวเอง, อรอุมา สิทธิรักษ์, มลิกา กันทอง, ปลื้มจิตร์ ถินขาว รวมทั้ง นุศรา ต้อมคำ ยังสามารถรักษาความฟิตได้ ก็หวังเล่นโอลิมปิกเกมส์ในอีก 3 ปีข้างหน้าเช่นกัน
“ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกียว จากระบบคัดเลือกที่เอฟไอวีบี จะประกาศออกมานั้นถือว่าเรามีโอกาสอยู่ไม่น้อยกับการเป็น 12 ทีมสุดท้ายในโอลิมปิกเกมส์ ตอนนี้นักกีฬาในทีมเราหลายๆ คนมีสภาพร่างกายดีมาก อาจจะมีที่ต้องพักรักษาตัวบ้างอย่าง อรอุมา หรือ มลิกา แต่โดยรวมถือว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก ส่วนตัวก็ไม่มีอาการบาดเจ็บ หากยังเล่นได้ต่อไปก็อยากพาทีมชาติไทยไปโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ อย่างไรก็ตามหากมีน้องใหม่ขึ้นมา และดีกว่าก็พร้อมจะให้โอกาสรุ่นน้อง แต่ชาติอื่นๆ ก็จะใช้การเรียกนักกีฬาประสบการณ์สูงๆ มาช่วยทีมแบบนี้เช่นกัน” วิลาวัณย์ กล่าว
วิลาวรรณฮึดสู้ ยันไม่ทิ้งความฝันไปเล่นโอลิมปิกรอบสุดท้ายโตเกียว 2020
หลังจากที่สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เตรียมจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2019 เพื่อโอกาสปูทางให้กับทัพลูกยางสาวทีมชาติไทยตีตั๋วสู่มหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 หรือ “โตเกียวเกมส์”
ทว่ามีรายงานการเปลี่ยนแปลงการคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์รูปแบบใหม่ โดยสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (เอฟไอวีบี) มีแนวโน้มกำหนดการแข่งขันให้มีการแข่งขันถึง 3 รอบ และมีโอกาสสูงที่ทีมยักษ์ใหญ่ จะได้โควต้าไปก่อนหน้าจากการแข่งขัน 2 รอบแรกคือ รอบแรก เวิลด์ ควอลิฟิเคชั่น ที่จะให้ “เจ้าภาพ” ญี่ปุ่น ซึ่งได้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ, แชมป์โลกปี 2018 และ ทีมอันดับ 1-2 จาก 5 ทวีปเข้าแข่งขันเพื่อคัดเอาเพียงอันดับ 1-2 คว้าตั๋วไป โตเกียวเกมส์ 2020, รอบสอง อันดับ 16 ทีมแรกมาแข่งขันแบบแบ่ง 4 สาย แชมป์กลุ่ม 4 ทีมจะได้ไปโอลิมปิก 2020
โดย ร.อ.จักรสุวรรณ โตเจริญ เลขาธิการสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลฯ กล่าวถึงวิเคราะห์กติกาการคัดเลือกให้ฟังว่า “จากการเข้าร่วมประชุมกับสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติมีมติว่าจะไม่นำการแข่งชันชิงแชมป์โลกมารวมกับการคัดเลือกโอลิมปิก แต่จะเพิ่มรายการขึ้นมาอีก 2 รายการ ลักษณะคล้ายการชิงแชมป์ทวีป และยังคงการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียไว้”
“หากอธิบายให้เข้าใจ คือ การคัดเลือกโอลิมปิก 12 ทีมในครั้งนี้ จะแข่งขันทั้งหมด 3 รายการ ซึ่งเราตัดเจ้าภาพญี่ปุ่นออกไป เพราะได้สิทธิ์ในฐานะเจ้าภาพ ส่วนการชิงแชมป์ทวีปรอบแรก มองว่าจีนน่าจะได้สิทธิ์ไปครอง ต่อมาคือชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งเกาหลีใต้ก็มีโอกาสคว้าแชมป์ ดังนั้นจะเหลือการชิงแชมป์ทวีปรอบที่สอง ที่ไทย, คาซัคสถาน จะต้องมาแย่งชิงกันในทวีปเอเชีย โดยมองว่ามีโอกาสสูงที่เราจะทำได้อย่างแน่นอน”
พ่อบ้านสมาคมลูกยางไทย กล่าวอีกว่า รายละเอียดการแข่งขันทั้งหมดจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤษภาคม แต่สมาคมฯ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้นักกีฬามีความหวัง และตั้งใจฝึกซ้อมมากขึ้น “ปีนี้เรามีการแข่งขันค่อนข้างถี่ ทั้งการแข่งขันในลีก, เอเชียนเกมส์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย, ชิงแชมป์เอเชีย ที่จังหวัดนครราชสีมา และ รายการชิงแชมป์โลก ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยังไม่รวมการแข่งขันกรัชับมิตรต่างๆ ทำให้นักกีฬาทุกคนได้ลงแข่งขันเตรียมความพร้อมเต็มที่”
ด้าน “กิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ นักกีฬาตัวเก๋าของทีมลูกยางสาวไทย ยอมรับว่ายังตั้งเป้าลุยโอลิมปิก แม้จะเข้าสู่วัย 33 ปีแล้วก็ตาม “หลังจากที่พวกเราผิดหวังจากการแข่งขันรอบคัดเลือกโอลิมปิก 2016 และคิดกันว่าคงจะไม่สามารถเล่นต่อได้ถึงโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงโตเกียว ในปี 2020 อย่างแน่นอน แต่ถ้าตัวเอง, อรอุมา สิทธิรักษ์, มลิกา กันทอง, ปลื้มจิตร์ ถินขาว รวมทั้ง นุศรา ต้อมคำ ยังสามารถรักษาความฟิตได้ ก็หวังเล่นโอลิมปิกเกมส์ในอีก 3 ปีข้างหน้าเช่นกัน
“ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกียว จากระบบคัดเลือกที่เอฟไอวีบี จะประกาศออกมานั้นถือว่าเรามีโอกาสอยู่ไม่น้อยกับการเป็น 12 ทีมสุดท้ายในโอลิมปิกเกมส์ ตอนนี้นักกีฬาในทีมเราหลายๆ คนมีสภาพร่างกายดีมาก อาจจะมีที่ต้องพักรักษาตัวบ้างอย่าง อรอุมา หรือ มลิกา แต่โดยรวมถือว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก ส่วนตัวก็ไม่มีอาการบาดเจ็บ หากยังเล่นได้ต่อไปก็อยากพาทีมชาติไทยไปโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ อย่างไรก็ตามหากมีน้องใหม่ขึ้นมา และดีกว่าก็พร้อมจะให้โอกาสรุ่นน้อง แต่ชาติอื่นๆ ก็จะใช้การเรียกนักกีฬาประสบการณ์สูงๆ มาช่วยทีมแบบนี้เช่นกัน” วิลาวัณย์ กล่าว