จากกรณีการเข้าจับกุมซีอีโอบริษัทชื่อดังพร้อมของกลางเป็นปืนไรเฟิลและซากสัตว์ป่า ชวนให้สะเทือนใจต่อชะตากรรมของทรัพยากรอันล้ำค่าของชาติ ซึ่งถูกทำลายลงอย่างน่าเสียดาย โดยละเมิดทั้งกฎหมายและมนุษยธรรม
ย้อนเวลาไปใน พ.ศ. 2516 เมื่อเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่บางเลน นครปฐม ซึ่งเป็นชนวนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว เป็นของทหาร มีหมายเลข ทบ.6102 มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 คน ในซากเฮลิคอปเตอร์นั้นพบซากสัตว์มากมาย ส่วนใหญ่เป็นกระทิงที่ล่าจากทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวน
เหตุการณ์นี้ สร้างกระแสไม่พอใจในหมู่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก นำไปสู่การแสดงบทบาทของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติของ 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ ม.เกษตรศาสตร์, กลุ่มอนุรักษ์สภาพแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กลุ่มอนุรักษ์ป่า ชมรมนิเวศวิทยา ม.มหิดล, กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสภาพแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์
เริ่มต้นจาก ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้จัดให้มีการประชุมหารือต่อกรณีดังกล่าวขึ้น ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2516 ที่ประชุมได้รับฟังการบรรยายสรุปของชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งยังมีภาพถ่ายประกอบด้วย ที่ประชุมจึงมีมติให้ศูนย์ฯ ดำเนินการ 8 ข้อ เช่น ให้ออกหนังสือเผยเบื้องหลังทั้งหมด จัดอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ฟ้องร้องผู้ล่าสัตว์ต่อศาล เป็นต้น นอกจากนี้ยังแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลกระทำทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนโดยให้ลงโทษผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นที่มาของการทำหนังสือ ‘บันทึกลับทุ่งใหญ่’ มีผู้สนใจแย่งซื้อจน 5,000 เล่มหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดอภิปรายเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2516 ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีผู้เข้าร่วมฟังนับหมื่นคน มีการโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคมกระทรวงยุติธรรมก็ได้เชิญนักศึกษา 5 คนคือ นายอรรถ อมรเวชเมธี นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ นายทองประกอบ ศิริวานิชนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล นายภราดร กัลยาณสันติ์ และนายสมพงษ์ จิรบันดาลสุขนิสิตจุฬลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งนายสวัสดิ์ มิตรานนท์ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ไปให้ปากคำกับคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบสวน
จากนั้นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงกลุ่มหนึ่งออกหนังสือชื่อ มหาวิทยาลัยที่ไม่มีคำตอบ เป็นผลให้ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ อธิการบดีสั่งลบชื่อนักศึกษาแกนนำ 9 คนออก ซึ่งทำให้เกิดการประท้วงจนนำไปสู่การชุมนุมในวันที่ 21 และ 22 มิถุนายน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้ายสุด ดร.ศักดิ์ ต้องยอมคืนสถานะนักศึกษาทั้ง 9 คน และดร.ศักดิ์ ก็ได้ลาออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ความวุ่นวายโกลาหลเกิดขึ้นต่อเนื่อง นำไปสู่เหตุการณ์ 14 ตุลาในที่สุด
ครั้นหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา ได้เข้าสู่ยุคของการฟื้นฟู นิสิตนักศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเริ่มมีการเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง การต่อต้านสหรัฐอเมริกาและการต่อต้านการพัฒนาที่กระทบสิ่งแวดล้อมจากปัญหาอุตสาหกรรม เช่น การต่อต้านสถานีเรดาร์อินทนนท์, เขื่อนมาบประชัน, เท็มโก้ การขุดแร่ในทะเลอันดามัน, น้ำเสีย แม่น้ำแม่กลองเน่า และสถานีเรดาร์เขาสอยดาว เป็นต้น
นี่คือบทบาทของนักศึกษาที่ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย
ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก สถาบันพระปกเกล้า และมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
JJNY : ย้อนบทบาท 'นิสิต-นศ.' จี้ปม ‘ทุ่งใหญ่' เปิดโปงขบวนการอัปยศก่อนเกิด 14 ตุลา
ย้อนเวลาไปใน พ.ศ. 2516 เมื่อเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่บางเลน นครปฐม ซึ่งเป็นชนวนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว เป็นของทหาร มีหมายเลข ทบ.6102 มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 คน ในซากเฮลิคอปเตอร์นั้นพบซากสัตว์มากมาย ส่วนใหญ่เป็นกระทิงที่ล่าจากทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวน
เหตุการณ์นี้ สร้างกระแสไม่พอใจในหมู่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก นำไปสู่การแสดงบทบาทของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติของ 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ ม.เกษตรศาสตร์, กลุ่มอนุรักษ์สภาพแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กลุ่มอนุรักษ์ป่า ชมรมนิเวศวิทยา ม.มหิดล, กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสภาพแวดล้อม ม.ธรรมศาสตร์
เริ่มต้นจาก ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้จัดให้มีการประชุมหารือต่อกรณีดังกล่าวขึ้น ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2516 ที่ประชุมได้รับฟังการบรรยายสรุปของชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งยังมีภาพถ่ายประกอบด้วย ที่ประชุมจึงมีมติให้ศูนย์ฯ ดำเนินการ 8 ข้อ เช่น ให้ออกหนังสือเผยเบื้องหลังทั้งหมด จัดอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ฟ้องร้องผู้ล่าสัตว์ต่อศาล เป็นต้น นอกจากนี้ยังแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลกระทำทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนโดยให้ลงโทษผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นที่มาของการทำหนังสือ ‘บันทึกลับทุ่งใหญ่’ มีผู้สนใจแย่งซื้อจน 5,000 เล่มหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดอภิปรายเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2516 ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีผู้เข้าร่วมฟังนับหมื่นคน มีการโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคมกระทรวงยุติธรรมก็ได้เชิญนักศึกษา 5 คนคือ นายอรรถ อมรเวชเมธี นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ นายทองประกอบ ศิริวานิชนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล นายภราดร กัลยาณสันติ์ และนายสมพงษ์ จิรบันดาลสุขนิสิตจุฬลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งนายสวัสดิ์ มิตรานนท์ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ไปให้ปากคำกับคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบสวน
จากนั้นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงกลุ่มหนึ่งออกหนังสือชื่อ มหาวิทยาลัยที่ไม่มีคำตอบ เป็นผลให้ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ อธิการบดีสั่งลบชื่อนักศึกษาแกนนำ 9 คนออก ซึ่งทำให้เกิดการประท้วงจนนำไปสู่การชุมนุมในวันที่ 21 และ 22 มิถุนายน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้ายสุด ดร.ศักดิ์ ต้องยอมคืนสถานะนักศึกษาทั้ง 9 คน และดร.ศักดิ์ ก็ได้ลาออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ความวุ่นวายโกลาหลเกิดขึ้นต่อเนื่อง นำไปสู่เหตุการณ์ 14 ตุลาในที่สุด
ครั้นหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา ได้เข้าสู่ยุคของการฟื้นฟู นิสิตนักศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเริ่มมีการเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง การต่อต้านสหรัฐอเมริกาและการต่อต้านการพัฒนาที่กระทบสิ่งแวดล้อมจากปัญหาอุตสาหกรรม เช่น การต่อต้านสถานีเรดาร์อินทนนท์, เขื่อนมาบประชัน, เท็มโก้ การขุดแร่ในทะเลอันดามัน, น้ำเสีย แม่น้ำแม่กลองเน่า และสถานีเรดาร์เขาสอยดาว เป็นต้น
นี่คือบทบาทของนักศึกษาที่ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย
ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก สถาบันพระปกเกล้า และมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร