หนังเรื่องนี้เดิมมีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ปกติ แต่มีเหตุขัดข้องทำให้เปลี่ยนมาฉายทาง Netflix แทน
เป็นเนื้อหาว่าด้วยโลกกำลังเกิดวิกฤตด้านพลังงาน รัฐบาลต่าง ๆ เตรียมทำสงครามแย่งทรัพยากรด้านพลังงานกัน
เหล่านักวิทยาศาสตร์จากนา ๆ ชาติจึงหาทางแก้ปัญหานี้โดยการสร้างเครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ด ที่จะแก้ปัญหาด้านพลังงานนี้ได้โดยสิ้นเชิง
แต่เพราะเครื่องนี้หากผิดพลาดจะเป็นอันตรายมาก จึงได้เอาไปสร้างบนสถานีอวกาศแทน และหลังจากการทดลองเดินเครื่องแล้วไม่สำเร็จมาหลายครั้ง
จนเวลาเนิ่นนานถึง 3 ปี โลกกำลังเปราะบาง สงครามแย่งชิงพลังงานกำลังจะเกิดได้ทุกวินาที
แต่ขณะนี้ เครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ด เหลือพลังงานพอให้เดินเครื่องได้อีกเพียงแค่ 3 ครั้ง
ไม่เพียงแต่ทุกคนบนโลกกำลังสับสน แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้ง 7 คน บนสถานีเครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ดต่างก็กำลังตรึงเครียดไม่แพ้กัน
และในการทดลองเดินเครื่องครั้งล่าสุด พวกเขาสามารถเดินเครื่องได้สำเร็จ แต่พลังงานไม่เสถียรทำให้เครื่องหยุดทำงานกลางคัน
หลังจากกู้ระบบกลับมาได้แล้ว พวกเขาก็พบว่า โลกทั้งใบ ได้หายไปแล้ว
หนังเรื่องนี้ยังคงมีเสน่ห์ของปริศนาต่าง ๆ ตามสไตล์จักรวาล Cloverfield
โดยจะนำเสนอให้เห็นในมุมมองของคนกลุ่มหนึ่งที่มีต่อเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น
ตัวละครในเรื่องจะมีข้อมูลที่จำกัด และพวกเขาจะต้องค่อย ๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และหาทางไขปริศนาไปพร้อม ๆ กับคนดู
ในภาคนี้มาในธีม Sci-fi ซึ่งสามารถทำได้ดีมาก ภาพสถานีอวกาศ การออกแบบฉาก เครื่องแต่งกาย ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่าจะดีมากกว่านี้ถ้าได้ดูบนจอใหญ่ ๆ ในโรงภาพยนตร์
แม้จะไม่เฉลยหรือบอกไบ้ว่าเครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ด ทำงานอย่างไร แต่ในรายละเอียดด้านวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ก็ทำได้ดี
ถ้าไม่เคยดูภาพยนตร์ในตระกูล Cloverfield มาก่อนก็สามารถดูและเข้าใจได้ รวมทั้งจัดเป็นภาพยนตร์ Sci-fi ชั้นดีได้เรื่องหนึ่งเช่นกัน
แม้จะเต็มไปด้วยปริศนา แต่ภาคนี้ถือว่าดำเนินเรื่องตรงไปตรงมา และค่อย ๆ เฉลยปมมาเรื่อย ๆ ทำให้ถือว่าย่อยง่ายกว่าอีก 2 ภาคที่ผ่านมา
การดำเนินเรื่องช่วงแรกทำได้ดี แต่ช่วงกลางสำหรับคนที่ไม่มีพื้นทางวิทยาศาสตร์อาจงงเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าทำความเข้าใจได้ไม่ยากนัก
ส่วนช่วงท้ายก็เน้นไปทางฉาก Action ให้ลุ้นระทึกพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่จะตบหัวคนดูอีกทีด้วยปริศนาบางอย่างที่ยังค้างคา
และยังไม่เฉลยมาตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคนี้
สปอย ใครยังไม่ได้ดูกรุณาข้ามไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. ภาคนี้ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า บรรดาปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภาคก่อน ๆ น่าจะเกิดจากเจ้าเครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ด นี้
2. เครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ด ทำให้เกิด Paradox ขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่แค่ Paradox ธรรมดา เพราะมันทำให้มิติและ พหุจักรวาล ต่าง ๆ เกิดซ้อนทับกัน
ดังนั้นสารพัดภัยพิบัติในภาคก่อน ๆ อย่าง สัตว์ประหลาดบบุก เอเลี่ยนบุก หรือแม้แต่การหลุดไปจักรวาลอื่นได้เกิดขึ้นมา
3. เมื่อเดินเครื่องเร่งอนุภาค ทำให้สถานีอวกาศหลุดไปยังจักรวาลอื่น รวมทั้งบางสิ่งจากจักรวาลอื่นหลุดเข้ามาปนในสถานีอวกาศและบนโลกด้วย
4. หลังจากเดินเครื่องเร่งอนุภาคจนทำงานได้เสถียรในตอนจบแล้ว เป็นไปได้ว่าน่าจะหยุดยั้งการปรากฏของ "บางสิ่ง" จากจักรวาลหรือมิติอื่นเอาไว้ได้
แต่สิ่งที่ปรากฏมาแล้วไม่ได้หายกลับคืนมิติหรือจักรวาลเดิมตามไปด้วย
5. ไม่รู้ว่าภาคนี้มี Ester Egg ทิ้งไว้แบบภาคก่อน ๆ ไหม แต่ด้วยชื่อ Cloverfield แล้ว ผมคิดว่าน่าจะมี คงต้องมาช่วยกันค้นหาว่ามีอะไรตรงไหนกันบ้าง
ข้อดี
1. ภาพ ฉาก งานสร้างทำได้ดี น่าจะได้ฉายในโรงภาพยนตร์
2. ทีมนักแสดงตามสไตล์คือไม่ใช้ดาราดังมาก แต่เข้าขากันดี และแสดงได้สมบทบาท
3. แม้จะยังไม่ถึงกับระดับขึ้นหิ้ง แต่ก็ถือว่า จัดเป็นหนัง Sci-fi ที่ดีเรื่องหนึ่ง
4. เนื้อเรื่องย่อยง่ายที่สุดในบรรดาหนังจักรวาล Cloverfield
5. ฉาก Action ถือว่าทำได้ดีมีให้ลุ้นตามสมควร และมีมากกว่าทุกภาค
6. จบได้ในเรื่อง ดูเข้าใจได้แม้ไม่เคยดูภาคก่อนหน้ามาเลย
ข้อเสีย
1. ช่วงหลังเฉลยปมง่ายไปนิดเดาทางได้ง่ายกว่าทุกภาค
2. ดาราระดับ เซึ่ยง ซิยิ่ บทน้อยไปนิด
3. ตัวร้ายไม่เหนือคาดหมาย
[CR] The Cloverfield Paradox 8.5/10 ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์ของปริศนา และการผสานความเป็น Sci-fi ชั้นดี [Spoil เล็กน้อย]
หนังเรื่องนี้เดิมมีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ปกติ แต่มีเหตุขัดข้องทำให้เปลี่ยนมาฉายทาง Netflix แทน
เป็นเนื้อหาว่าด้วยโลกกำลังเกิดวิกฤตด้านพลังงาน รัฐบาลต่าง ๆ เตรียมทำสงครามแย่งทรัพยากรด้านพลังงานกัน
เหล่านักวิทยาศาสตร์จากนา ๆ ชาติจึงหาทางแก้ปัญหานี้โดยการสร้างเครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ด ที่จะแก้ปัญหาด้านพลังงานนี้ได้โดยสิ้นเชิง
แต่เพราะเครื่องนี้หากผิดพลาดจะเป็นอันตรายมาก จึงได้เอาไปสร้างบนสถานีอวกาศแทน และหลังจากการทดลองเดินเครื่องแล้วไม่สำเร็จมาหลายครั้ง
จนเวลาเนิ่นนานถึง 3 ปี โลกกำลังเปราะบาง สงครามแย่งชิงพลังงานกำลังจะเกิดได้ทุกวินาที
แต่ขณะนี้ เครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ด เหลือพลังงานพอให้เดินเครื่องได้อีกเพียงแค่ 3 ครั้ง
ไม่เพียงแต่ทุกคนบนโลกกำลังสับสน แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้ง 7 คน บนสถานีเครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ดต่างก็กำลังตรึงเครียดไม่แพ้กัน
และในการทดลองเดินเครื่องครั้งล่าสุด พวกเขาสามารถเดินเครื่องได้สำเร็จ แต่พลังงานไม่เสถียรทำให้เครื่องหยุดทำงานกลางคัน
หลังจากกู้ระบบกลับมาได้แล้ว พวกเขาก็พบว่า โลกทั้งใบ ได้หายไปแล้ว
หนังเรื่องนี้ยังคงมีเสน่ห์ของปริศนาต่าง ๆ ตามสไตล์จักรวาล Cloverfield
โดยจะนำเสนอให้เห็นในมุมมองของคนกลุ่มหนึ่งที่มีต่อเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น
ตัวละครในเรื่องจะมีข้อมูลที่จำกัด และพวกเขาจะต้องค่อย ๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และหาทางไขปริศนาไปพร้อม ๆ กับคนดู
ในภาคนี้มาในธีม Sci-fi ซึ่งสามารถทำได้ดีมาก ภาพสถานีอวกาศ การออกแบบฉาก เครื่องแต่งกาย ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่าจะดีมากกว่านี้ถ้าได้ดูบนจอใหญ่ ๆ ในโรงภาพยนตร์
แม้จะไม่เฉลยหรือบอกไบ้ว่าเครื่องเร่งอนุภาค เชพาร์ด ทำงานอย่างไร แต่ในรายละเอียดด้านวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ก็ทำได้ดี
ถ้าไม่เคยดูภาพยนตร์ในตระกูล Cloverfield มาก่อนก็สามารถดูและเข้าใจได้ รวมทั้งจัดเป็นภาพยนตร์ Sci-fi ชั้นดีได้เรื่องหนึ่งเช่นกัน
แม้จะเต็มไปด้วยปริศนา แต่ภาคนี้ถือว่าดำเนินเรื่องตรงไปตรงมา และค่อย ๆ เฉลยปมมาเรื่อย ๆ ทำให้ถือว่าย่อยง่ายกว่าอีก 2 ภาคที่ผ่านมา
การดำเนินเรื่องช่วงแรกทำได้ดี แต่ช่วงกลางสำหรับคนที่ไม่มีพื้นทางวิทยาศาสตร์อาจงงเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าทำความเข้าใจได้ไม่ยากนัก
ส่วนช่วงท้ายก็เน้นไปทางฉาก Action ให้ลุ้นระทึกพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่จะตบหัวคนดูอีกทีด้วยปริศนาบางอย่างที่ยังค้างคา
และยังไม่เฉลยมาตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคนี้
สปอย ใครยังไม่ได้ดูกรุณาข้ามไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อดี
1. ภาพ ฉาก งานสร้างทำได้ดี น่าจะได้ฉายในโรงภาพยนตร์
2. ทีมนักแสดงตามสไตล์คือไม่ใช้ดาราดังมาก แต่เข้าขากันดี และแสดงได้สมบทบาท
3. แม้จะยังไม่ถึงกับระดับขึ้นหิ้ง แต่ก็ถือว่า จัดเป็นหนัง Sci-fi ที่ดีเรื่องหนึ่ง
4. เนื้อเรื่องย่อยง่ายที่สุดในบรรดาหนังจักรวาล Cloverfield
5. ฉาก Action ถือว่าทำได้ดีมีให้ลุ้นตามสมควร และมีมากกว่าทุกภาค
6. จบได้ในเรื่อง ดูเข้าใจได้แม้ไม่เคยดูภาคก่อนหน้ามาเลย
ข้อเสีย
1. ช่วงหลังเฉลยปมง่ายไปนิดเดาทางได้ง่ายกว่าทุกภาค
2. ดาราระดับ เซึ่ยง ซิยิ่ บทน้อยไปนิด
3. ตัวร้ายไม่เหนือคาดหมาย