หลอน...ลิขิต 1

กระทู้สนทนา
เรื่องสั้น เรื่องนี้ เขียนเล่นๆ ไว้หลายปีแล้วครับ  ตอนนั้นเขียนพิเศษในวันคล้ายวันเกิดคุณปุ้ย  บังเอิญไปเจอเข้า
เลยเอามารีไรท์แก้ไขดัดแปลงใหม่  ให้เข้ากับยุคสมัย   สองบทจบครับ




             อรุสา..หมายความว่าอะไร... คืออะไร... ภาษาอะไร.. เธอยืนคิดมาหลายนาทีหลังจากนอนคิดมาหลายชั่วโมง อ้อ...ในที่สุดสมองกระจ่างสว่างโร่... นึกขึ้นมาได้  นี่มันชื่อของฉันเอง ใช่แล้ว ... ฉันชื่ออรุสา  แต่ว่าฉันชื่อแบบนี้จริงๆหรืออย่างไร  หญิงสาวมองหน้าตัวเองในกระจกห้องน้ำ ถามตัวเองไปมาให้แน่ใจ  เพราะใครๆ ก็สามารถตั้งชื่ออรุสาได้ จะรู้อย่างไรว่าเป็นตัวฉันเอง  ลองคิดแบบคนบ้าดูบ้าง เพื่อจะได้ขำกับความคิดของตัวเอง ใครบางคนเรียกเราว่า อะ-รุ-ซ่า ซึ่งฟังแล้วให้ความรู้สึกไปทางลูกเศษหนึ่งส่วนสองของเจแปน  แบบเท่เก๋ ไปอีกแบบ...หญิงสาวยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง


             เธอกำลังนั่งพิมพ์นิยายอย่างไม่ยอมเหน็ดเหนื่อย  เรียบเรียงเรื่องราวถักถ้อยร้อยประสานจากจินตนาการสุดขั้ว   ออกมาเป็นตัวอักษรพยัญชนะสระมากมาย  หล่อหลอมให้ตัวตัวละครมีชีวิต โลกแล่นไปตามฉากภาพฝันเพริดแพร้วพิสดาร ทั้งที่เป็นเวลาดึกมากแล้ว จิตใจไม่ยอมเหนื่อยล้า แต่สังขารเริ่มไม่ให้ความร่วมมือ สายตาเริ่มเหนื่อยหนักจนต้องมาพักสายตาด้วยการเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ

             อรุสายังไม่ยอมนอน เพราะสมองและความคิดกำลังทำงานเต็มที่ในระดับสูงสุด ความฝันและจินตนาการของเธอหลั่งไหลออกมาราวกับเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก  เธอแค้นใจว่าไม่มีมือสักสิบข้าง และมีคอมพิวเตอร์รายรอบตัว จะได้พิมพ์ให้ทันกับความคิดของตัวเองด้วยความเร็วใกล้เคียงความเร็วแสง เธอไม่บังอาจไปถึงจุดความเร็วแสงเ พราะเกรงว่าจะขัดกับหลักของทฤษฏีสัมพัทธภาพ แล้วทำให้ตัวเองกลายเป็นคนติดอยู่ระหว่างกับดักของกาลอวกาศ ความคิดของคนเราบางครั้งรวดเร็วจนไล่คว้าไว้ไม่ทัน

             หนุ่มมะนาว สาวมะพร้าว.... เป็นเรื่องราวแสนรักหวานฉ่ำชื้นชื่นใจ  เหมือนน้ำมะพร้าวผสมน้ำมะนาวแช่เย็น เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตหนุ่มสาวคู่หนึ่งมาพบรักผูกพันกันในสวนมะพร้าวกลางธรรมชาติวาดฝัน   ท่ามกลางความขัดแย้งของสังคมย่อยในชนบทแห่งนั้น ก่อนฝ่ายชายจะก่อการฆาตกรรมฝ่ายหญิงด้วยความหึงหวง  และนำร่างของเธอฝังไว้ในบ่อน้ำร้าง ในสวนมะพร้าว  ใต้ต้นมะพร้าว 4 ต้นซึ่งเอนเรียงกันเป็นตัวอักษร W ตัวดับเบิ้ลยูใหญ่

             จากนั้นมีข่าวลือว่า หญิงสาวผู้โชคร้าย เพราะไม่เจอผู้ชายไม่รู้สัจธรรมของความรักได้คลานออกมาจากบ่อ   มีหน้าออกไปโผล่ทางจอทีวี  จากนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตามด้วยเสียงลึกลับบอกว่า...คุณต้องจ่ายค่าแชร์ภายในเจ็ดวัน...จนกลายเป็นหนังสยองฝันเรื่อง เดอร์ ลิง   ร่างของเธอมีของล้ำค่าติดตัวอยู่ด้วย นั่นคือแหวนเพชรมูลค่ามหาศาลถูกฝังลงไปในบ่อน้ำ พร้อมกับร่างของเธอด้วย ผู้คนรับฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจคิดไปต่างๆนานา....ฉันจะหาทางไปหาแหวนนั้นให้เจอ.....ใครจะต้องรีบไปก่อนใคร....ไม่ล่ะ... น่ากลัวออก  อาจเป็นเพียงข่าวลือก็ได้  แฟนหนุ่มของเธอน่าจะไม่โง่พอจะทิ้งของมีราคาลงไปในบ่อด้วย...ไม่...แหวนวงนั้นต้องเป็นของฉัน !

             แต่จะไปถามเขาดูก็ไม่ได้ เพราะผู้ชายใจร้ายคนนั้นตายอย่างปริศนาในห้องพักโดยมีทีวีเปิดทิ้งเอาไว้  แพทย์ลงความเห็นว่าเขาตายเพราะลืมหายใจ  ไม่อย่างอย่างไรก็ได้รับกรรมสาสมแล้ว  อยู่ดีไมว่าดี ทะลึ่งลืมหายใจ สมควรตาย

             แหวนอยู่ไหน....ทำไมความคิดแบบนี้มาวนเวียนในหัวของหญิงสาว เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ในเมื่อมันเป็นเพียงนิยายที่เขียนขึ้นมา  ไม่ใช่เรื่องจริง  แต่ทำไม...

             น้ำเย็นทำให้หญิงสาวรู้สึกสดชื่นดีขึ้น ทว่ายังแปลกใจตัวเอง ว่าทำไมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาล้างหน้าล้างตาเท่านั้น บรรยากาศในห้องนอนดูเงียบสงบ ไม่มีผีร้ายตะกุยตะกายออกมาจากผนังหรือออกมาจากจอมอนิเตอร์  แสงไฟจากเพดานหม่นมัวสลัวแปลกไปในคืนนี้  ขยับนิ้วไปมาอย่างมาดมั่น  เอาล่ะ...ไม่ว่าอย่างไร เดอะ โชว์  มัส โก ออน  สงบจิตใจแน่วแน่ก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะคอมพิวเตอร์  งานเขียนต้องเดินหน้าต่อไป

             เสียงโทรศัพท์มือถือวางบนเตียงนอน กรีดร้องลั่นสนั่นหู  เสียงของมันเร่งร้อน... เรียกร้อง... บังคับ... จนทำให้สะดุ้ง...บ้าจัง  !  ใครโทรมาในตอนนี้ รู้สึกหงุดหงิดรำคาญ เพราะตั้งใจให้โทรศัพท์พักผ่อน แต่ก็ต้องยอมเดินไปหยิบโทรศัพท์มารับสาย พร้อมกับความรู้สึกว่ากำลังตกเป็นทาสของสี่เหลี่ยม

             ไม่มีเสียงมนุษย์  นอกจากเสียงหวีดหวิวคล้ายลมพัด....สายลมเยือกเย็นน่ากลัว เหมือนสายลมพัดผ่านมาจากสุสานโบราณอันรกร้างว่างเปล่า เพราะเจ้าของร่างไม่อยู่ในหลุมฝังศพ ถูกขุดคุ้ยจนเศษซากศพเกลื่อนกระจายไปทั่วสุสาน  ความรู้สึกบางอย่างบอกเธอเช่นนั้น

             “ใครคะ”   อรุสากรอกเสียงลงไปใส่โทรศัพท์ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่า กำลังมีใครบางคนกำลังติดต่อกับเธออยู่ ไม่ว่าปลายสายจะเป็นปีศาจหรือเทวดา  เธอก็ไม่สนใจ  มีเสียงแปลกๆ บางอย่างฟังแล้วไม่ถนัดชัดหู จากอีกฝั่งฟากของการสื่อสาร ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ชวนให้รู้สึกขนลุกเกรียว ชวนประสาทเสียแบบไม่มีเหตุผล ก่อนเงียบหายไป

            เธอมองดูเบอร์โทรเข้า

             เป็นตัว W

             หญิงสาวขมวดคิ้ว ตัวอักษร W ตัวย่อชื่อใคร.. ทำไมรู้สึกคุ้นๆ แล้วสักพักก็นึกออก มันเป็นต้นมะพร้าว 4 ต้น ขึ้นเรียงเอนเรียงไขว้กันเป็นรูปตัว W ในนิยายของเธอนั่นเอง

             ใต้ต้นมะพร้าวมีบ่อน้ำร้าง ศพของหญิงสาวคนหนึ่งจมอยู่ก้นบ่อแหวนเพชร เธอจะรู้สึกอ้างว้างเยือกเย็นขนาดไหนกันนะ..ทำไมต้องยืมฉากหนังสยอง The ring มาใช้ด้วย คงเป็นเพราะมันเป็นฉากที่ติดตาติดใจคนดูนั่นเอง ไม่ว่าใครคงจดจำภาพ ผีตัวหักๆ ผิดรูป คลานออกมาจากทีวี หรือปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำ  จนกลายเป็นมาตรฐานการหลอกในเวลาต่อมา ผีตัวไหนไม่หลอกแบบตัวหักๆจะดูเฉิ่มเชย จนไม่กล้าสู้หน้าผีตนใด

             ทันใดนั้น จู่ๆมีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังลั่นออกมาจากลำโพงคอมพิวเตอร์ จนแทบกระโดดด้วยความตกใจ หันไปมองด้วยหัวใจเต้นแรง  จอคอมพิวเตอร์ปรากฏเป็นรูปต้นมะพร้าว 4 ต้นไขว้เรียงกันเป็นรูปตัวอักษร W ก่อนจะปรากฏร่างผู้หญิงชุดขาวค่อยๆ เดินผ่านหน้าจอไป มันก็แค่เป็นโปรแกรมรักษาหน้าจอเท่านั้น...เธอพยายามสงบใจและอธิบายกับตัวเอง

             ว่าแต่ใครล่ะ..มาเปลี่ยนโปรแกรมรักษาหน้าจอ...ไม่มีทางเป็นไปได้ คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ใช้คนเดียว ไม่ใรอื่น  หรือจะเป็นผลงานของไวรัส   ลองขยับเมาส์      ภาพพวกนั้นก็หายไป กลับมาเป็นหน้าของ Word ธรรมดาซึ่งกำลังพิมพ์นิยายค้างอยู่

             “ช่วย..ด้วย....ฉันหนาวเหลือเกิน..”

             นั่นเป็นประโยคสุดท้ายของนิยาย อรุสามองอย่างมึนงง นึกไม่ออกว่าพิมพ์ข้อความนั้นตอนไหน  แต่บรรทัดสุดท้ายของิยายมาจบลงตรงนี้...มันเป็นบ้าอะไรกัน   จำได้ว่าฉากสุดท้ายที่เธอเขียน คือฉากชายขี้ยาสองคน พากันแอบเข้ามาในสวนมะพร้าวยามดึกเพื่อลงไปในบ่อน้ำ งมหาแหวนล้ำค่าของนิ้วมือเย็นชืดเน่าเปื่อยของศพหญิงสาว แต่ไม่ได้เขียนบรรยายเสียงร้องอันน่ากลัวนี้เลย

            ขณะนั้นเอง ข้อความบนจอก็ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ ราวกับมีมือมองไม่เห็นกำลังเคาะนิ้วลงไปบนแป้นคีย์บอร์ด ซึ่งทำให้อรุสานั่งตัวแข็ง ตาเบิกโพลงอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า กาลอวกาศคล้ายหยุดชะงักค้าง  แต่เรื่องราวชวนระทึกยังคงดำเนินต่อไป  ใคร.... หรืออะไรบางอย่าง กำลังเริ่มต้นพิมพ์นิยาย โดยที่ปลายนิ้วของเธอไม่ได้ทำงานสัมผัสคีย์บอร์ด

             “ทำไมต้องเป็นข้าด้วย..”

             เด็กวัยรุ่นหุ่นขี้ยามองหน้าเพื่อนอย่างหวาดกลัวและไม่เข้าใจ  ฉากหลังเป็นป่าช้าตะคุ่มในความมืด น่ากลัวจนถ้ามีผีรากฏตัวขึ้นมาก็คงไม่มีใรแปลกใจ

             “เพราะแกจับได้ไม้สั้นไง เร็วๆ ลงไปหาของก่อนจะมีใครมาพบเข้า”

              เพื่อนคนนั้นบอกด้วยใบหน้าซีดๆในแสงจันทร์อ่อนแสงคืนนี้ไม่มืดสนิท พอมีแสงจันทร์ฉาย ทำให้เห็นฉากอันน่ากลัวในยามค่ำคืนของสวนมะพร้าว  สุมทุมพุ่มไม้คล้ายมีเงาภูตผีปีศาจเคลื่อนไหววูบวาบอย่างเจตนาร้ายกลาง  สายลมกระโชก ต้นมะพร้าวโอนเอนไปมาราวหัวอสุรกายคอยาวส่ายหัวไปมาอย่างล้อเลียนท่ามกลางลมพัดครืนโครมกราวใหญ่

             “แหวนนั้นเห็นว่า ราคาหลายแสนเชียวนะเพื่อน ได้มาแบ่งกันได้คนละเป็นแสนเลย”

             เสียงของเพื่อนย้ำเพื่อให้เกิดกำลังใจ เด็กหนุ่มขี้ยาหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่รวบรวมกำลังใจ ก้มมองลงในบ่ออันมืดมืดจนแสงไฟฉายส่องลงไปแล้วไม่เห็นอะไร ราวกับผนังบ่อจะดูดกลืนแสงเอาไว้   เงินๆๆๆ ..คำนี้ราวมีพลังบังคับให้หย่อนร่างลงไปตามบันใดเชือก ฤทธิ์เหล้าและยาบ้าอัดมาเต็มที่  ทำให้ข่มความหวาดกลัวลงไปได้หลายส่วน  ไม่มีอะไรยาก...รีบลงไป งมหาแขนของซากศพให้เจอ หานิ้วให้เจอ ถอดแหวนออกมาให้ได้ แล้วรีบขึ้นมา พรุ่งนี้เดินทางเข้าเมือง เอาแหวนไปขาย ไม่ต้องกลัวว่าจะหาที่ขายไม่ได้ คนอยู่ในวงการนรกอย่างเขารู้จักดี

             กลิ่นในบ่อน้ำร้างยิ่งลึกยิ่งอับและชื้น ปากบ่อแคบเล็กลง จนกลายเป็นวงกลมเล็กราวเป็นดวงจันทร์เต็มดวงแสนไกล  กลิ่นเหม็นลอยขึ้นมาปะทะจมูกจนผงะ อะไรกัน...เน่าเหม็นได้อย่างไร...เพิ่งตายไม่กี่เดือนไม่ใช่หรือ ค่อยก้าวลงไปอย่างระมัดระวัง มือทั้งสองจับบันใดเชือกแน่น ไม่แกว่งไกวไปมาอย่างน่าหวาดเสียว บางครั้งมือสัมผัสผิวของบ่อน้ำ มันเย็นจับขั้วหัวใจ  เหมือนมีเมือกลื่นน่าขนลุกขนพองเหมือนสัมผัสผิวซากศพ

             เท้าแตะน้ำ

             ความเย็นยะเยือกของน้ำทำให้สะดุ้ง  โดยเฉพาะในบ่อน้ำซึ่งนึกว่ามีศพลอยคออยู่ เขาไม่กล้าเปิดไฟฉาย ไม่อยากมองเห็นภาพอะไรซึ่งน่ากลัว แม้ว่าฤทธิ์ยาจะวิ่งเดือดพล่านในสายเลือด แต่ตอนนี้ความหวาดกลัวและสยดสยองกำลังก่อตัวขยายตัวมากขึ้นทุกที เมื่อคิดว่ากำลังอยู่ตามลำพังกับศพ ซึ่งบางทีอาจอยู่ใกล้ๆนี้ จมูกได้กลิ่นเหม็นเน่าอบอวลฃวนขนลุก สัมผัสได้ถึงความสกปรกเน่าเหม็นของน้ำ

             ต้องหาแหวนให้เจอ

             ลงไปอีกนิด... กลั้นใจใช้มือซ้ายควานหาในน้ำไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง  มือขวาจับเชือกแน่น รู้สึกถึงอาการสั่นสะท้านของหัวใจและร่างกาย เมื่อรู้ว่ากำลังอยู่ในบ่อลึกกับศพในน้ำอันเยือกเย็น  บางทีอาจลอยแขนกางขากางอยู่ใกล้ๆ พร้อมเส้นผมยาวสยายกระจายแผ่เป็นวง ท่ามกลางเศษกิ่งไม้ใบไม้ เอียงใบหน้าเข้าหาราวจะอยากพูดคุยทักทาย


              ไม่เจอ..บ้าจริง....ต้องลงไปอีก    เด็กหนุ่มค่อยหย่อนตัวลงไปในสายน้ำจนถึงระดับอก  ใช้ทั้งมือและเท้าควานไปมาในความมืดและสายน้ำ ได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ทำไมยานรกพวกนั้นไม่ขจัดความกลัวความฟุ้งซ่านให้หมดไปได้นะ   มือกระทบอะไรบางอย่าง มันหยุ่นๆชืดๆ ไหวไปมาในผืนน้ำ ความรู้สึกขยะแขยงตื่นตกใจทำให้สะดุ้งหัวใจแทบกระเด็นออกทางปาก ใช่แล้ว ...นี่ต้องเป็นศพใต้น้ำ

             ตั้งสติให้มั่น กลั้นใจกัดฟัน ควานมือไปหาอีกครั้งด้วยความสยองแสยง

             ความมืดทำให้ไม่รู้ว่าเป็นส่วนใดของศพ  เคยมีแต่ตาบอดคลำช้าง แต่นี่เขารู้สึกเหมือนตาบอดคลำศพ ไม่อาจรู้ว่าเป็นส่วนใดของร่างกายอันไร้ชีวิตนั้น เพียงสัมผัสได้ถึงผิวอันเย็นชืดด้วยมืออันสั่นสะท้าน

             จู่ๆ ความรู้สึกเหมือนบอกว่า ร่างอันน่ากลัวและสยองขวัญในความกลัว กำลังลอยถอยหนีออกไป  ความหวาดกลัวระดับสติแตกทำให้เขารีบปีนขึ้นบันไดเชือกแบบไม่คิดชีวิต ทันใดนั้นเอง... บันไดเชือกหลุดลงมาจากปากบ่ออย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ  เหมือนมีคนบางคนปลดมันออกจากที่ยึดเหนี่ยว ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มขี้ยา หล่นตูมลงไปในน้ำทั้งตัวทันที ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของคนประสาทเสียถึงที่สุด




จบบทที่ 1 ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่