ท่านสมยศบอกว่าท่านอายหลังจากผลงานของทีมชาติไทย การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย จากการแข่งขัน 7 นัด ได้ 1 แต้มที่มีซิโก้เป็นโค้ช เราได้อันอับบ๊วยท้ายตาราง สุดท้ายซิโก้ก็ถูกสังเวยด้วยข้อหายังโปรเฟสชั่นแนลไม่พอ ขณะที่ผลงาน U23ที่ผ่านมายิ่งย่ำแย่ลงไปอีก (แพ้ระดับ 5-0 แบบสู้ไม่ได้เลย กลายเป็นทีมแจกแต้มให้เพื่อนร่วมสาย) และแน่นอนโค้ชโซรันก็ถูกสังเวยเพื่อการนี้
ในการรบ หัวใจสำคัญคือกุนซือ ซึ่งถ้าเทียบกะทีมชาติเราก็คงไม่พ้นตำแหน่งประธานเทคนิค ส่วนแม่ทัพที่กุนซือจะเลือกให้นำทัพไปออกรบในสมรภูมิต่างๆก็คือโค้ช การที่กุนซือเลือกแม่ทัพออกไปรบแล้วแพ้ยับเยินกลับมา จะบอกว่าแม่ทัพอ่อนประสบการณ์ก็ออกจะเป็นการไม่รับผิดชอบหรือเปล่า ในสนามรบแต่ละที่ กุนซือมีหน้าที่เลือกแม่ทัพที่เหมาะสมกับสนามรบนั้นๆใช่หรือไม่ ปัญหาตอนนี้คล้ายๆระบบการศึกษาบ้านเราที่มีคณะกรรมการๆหนึ่งเขียนมาตรฐานขึ้นมาว่าคนที่จะสอนวิชานี้ได้จะต้องได้ปริญญาด้านนั้นมาถึงจะให้สอนได้ ดร.หลายคนสอนไม่เป็น สอนไม่ได้เรื่องก็เพราะไม่ได้เรียนการสอนมา แต่ถามว่ามีความรู้ไหม มีแน่นอน แต่เทคนิคและวีธีการถ่ายทอดจำเป็นต้องเรียน ไม่ใช่ใครจบดร.มาก็สอนได้ ก็คล้ายกับที่เฮงซังเน้นเรื่องโปรไลเซ่นส์ คนเป็นโค้ชต้องได้มาตรฐานตรงนี้จนลืมคนเก่าๆที่มีประสบการณ์ รู้จักบอลไทยเป็นอย่างดี โปรไลเซ่นเป็นของใหม่ในบ้านเรายังต้องใช้ระยะเวลานำมาใช้ แน่นอนหากนำมาวางรากฐานให้กับสโมสรเราทั้งประเทศในอนาคต แต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อโดยเฉพาะU23 ที่จะป้อนสู่ชุดใหญ่อันไกล้นี้น่าเน้นเพื่อใช้งานได้หน่อย
ในองค์กรใหญ่ๆ หรือราชการมักมีวัฒนธรรมพวกพ้อง ถ้าลมเปลี่ยนทิศ เปลี่ยนหัวหน้า คนที่ไม่ใช่สายนั้นอาจถูกบีบหรือถูกดอง แล้วก็ดันคนของตัวเองขึ้น จากข่าวเมื่อวาน สมคมฟุตบอลกำลังเป็นแบบนั้น น่าเสียดาย ทั้งๆที่กระแสของแฟนบอลต่างสะท้อนออกมาว่าอยากให้มีการทำงานแบบมืออาชีพ วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กของใคร ทีมชาติเป็นความภูมิใจของคนทั้งประเทศนะครับ ไม่ใช่สนามเด็กเล่นของพวกท่านนะครับ (เห็นการเตรียมความพร้อมและผลงานของU23เราแล้วมันพาลให้คิดแบบนั้น) น่าเสียดายที่ระบบต่างๆหลายอย่างที่ท่านสมยศเข้ามาทำค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทั้งจัดระบบลีก ทั้งศูนย์ฝึกซ้อม ทั้งการประกวดโลโก้ใหม่ฯลฯ เสียอยู่อย่างเดียวคือผลงานของทีมชาติทุกชุดไม่ดีขึ้นไม่พอ ชุดเด็กๆเรียกได้ว่าแย่ลงๆ คือให้รอเด็กที่กำลังปั้นน่ะรอได้ครับ แต่นักบอลที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก็ไม่น่ามองข้ามนะครับ เชื่อว่าโค้ชไทยดีๆยังพอมี พอๆกะโค้ชฝรั่งที่ไม่เก่ง(แต่มีโปรไลเซ่น)
วังวน วังเวง สมาคมฟุตบอลฯ
ในการรบ หัวใจสำคัญคือกุนซือ ซึ่งถ้าเทียบกะทีมชาติเราก็คงไม่พ้นตำแหน่งประธานเทคนิค ส่วนแม่ทัพที่กุนซือจะเลือกให้นำทัพไปออกรบในสมรภูมิต่างๆก็คือโค้ช การที่กุนซือเลือกแม่ทัพออกไปรบแล้วแพ้ยับเยินกลับมา จะบอกว่าแม่ทัพอ่อนประสบการณ์ก็ออกจะเป็นการไม่รับผิดชอบหรือเปล่า ในสนามรบแต่ละที่ กุนซือมีหน้าที่เลือกแม่ทัพที่เหมาะสมกับสนามรบนั้นๆใช่หรือไม่ ปัญหาตอนนี้คล้ายๆระบบการศึกษาบ้านเราที่มีคณะกรรมการๆหนึ่งเขียนมาตรฐานขึ้นมาว่าคนที่จะสอนวิชานี้ได้จะต้องได้ปริญญาด้านนั้นมาถึงจะให้สอนได้ ดร.หลายคนสอนไม่เป็น สอนไม่ได้เรื่องก็เพราะไม่ได้เรียนการสอนมา แต่ถามว่ามีความรู้ไหม มีแน่นอน แต่เทคนิคและวีธีการถ่ายทอดจำเป็นต้องเรียน ไม่ใช่ใครจบดร.มาก็สอนได้ ก็คล้ายกับที่เฮงซังเน้นเรื่องโปรไลเซ่นส์ คนเป็นโค้ชต้องได้มาตรฐานตรงนี้จนลืมคนเก่าๆที่มีประสบการณ์ รู้จักบอลไทยเป็นอย่างดี โปรไลเซ่นเป็นของใหม่ในบ้านเรายังต้องใช้ระยะเวลานำมาใช้ แน่นอนหากนำมาวางรากฐานให้กับสโมสรเราทั้งประเทศในอนาคต แต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อโดยเฉพาะU23 ที่จะป้อนสู่ชุดใหญ่อันไกล้นี้น่าเน้นเพื่อใช้งานได้หน่อย
ในองค์กรใหญ่ๆ หรือราชการมักมีวัฒนธรรมพวกพ้อง ถ้าลมเปลี่ยนทิศ เปลี่ยนหัวหน้า คนที่ไม่ใช่สายนั้นอาจถูกบีบหรือถูกดอง แล้วก็ดันคนของตัวเองขึ้น จากข่าวเมื่อวาน สมคมฟุตบอลกำลังเป็นแบบนั้น น่าเสียดาย ทั้งๆที่กระแสของแฟนบอลต่างสะท้อนออกมาว่าอยากให้มีการทำงานแบบมืออาชีพ วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กของใคร ทีมชาติเป็นความภูมิใจของคนทั้งประเทศนะครับ ไม่ใช่สนามเด็กเล่นของพวกท่านนะครับ (เห็นการเตรียมความพร้อมและผลงานของU23เราแล้วมันพาลให้คิดแบบนั้น) น่าเสียดายที่ระบบต่างๆหลายอย่างที่ท่านสมยศเข้ามาทำค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทั้งจัดระบบลีก ทั้งศูนย์ฝึกซ้อม ทั้งการประกวดโลโก้ใหม่ฯลฯ เสียอยู่อย่างเดียวคือผลงานของทีมชาติทุกชุดไม่ดีขึ้นไม่พอ ชุดเด็กๆเรียกได้ว่าแย่ลงๆ คือให้รอเด็กที่กำลังปั้นน่ะรอได้ครับ แต่นักบอลที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก็ไม่น่ามองข้ามนะครับ เชื่อว่าโค้ชไทยดีๆยังพอมี พอๆกะโค้ชฝรั่งที่ไม่เก่ง(แต่มีโปรไลเซ่น)