สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า ผมเป็นคนที่ค่อนข้างสมองช้า และทำอะไรไม่ทันคนอื่นมาตลอด คือในหัวคิดได้ รู้และเข้าใจสิ่งที่กำลังทำ แต่ร่างกายมันไม่ได้เป็นเหมือนกับความคิด และจากสาเหตุนี้ มันทำให้ผมมีปมมาแต่เด็ก มักจะถูกครูด่าว่าไอ้เฉื่อย เพื่อนล้อว่าไอ้เอ๋อ ไอ้ปัญญาอ่อน ทั้ง ๆ ที่ผมก็คิดว่าตัวเองปกติดี ในตอนเด็กไม่เคยคิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ผมมักจะถูกชมจากอาจารย์และเพื่อน ๆ เพราะผมทำข้อสอบได้เยอะกว่าเด็กคนอื่น ๆ แต่ที่ผมไม่ชอบที่สุดเลยก็คือ เวลาผมทำอะไรที่โดดเด่นสักอย่าง คนอื่น ๆ มักจะชมผมเกินหน้าเกินตา อย่างกับว่าผมไม่เคยมีอะไรดีเลย อย่างเรื่องที่ผมเคยประสบอย่าง สมัยประถม 6 ครั้งหนึ่งเป็นคาบพลศึกษา แล้วอาจารย์ให้จัดทีมเตะบอล มีช่วงหนึ่งระหว่างเล่นกัน ผมบังเอิญยิงลูกเข้าโกลด์ แล้วทุกคนก็เฮกันหมด พูดต่อ ๆ กันไป อย่างกับมันเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ ยิงเข้า เขาก็เฉย ๆ กัน หรืออีกเรื่องหนึ่ง ช่วงเข้าเรียน ม.ต้นใหม่ ๆ แล้วผมแวะมาเอาใบจบประถมศึกษา พอเพื่อน ๆ และอาจารย์รู้ว่าผมสอบติดโรงเรียนชื่อดังในระแวกนั้น พวกเขาก็พากันเฮชื่นชมผม จนผมเริ่มมีความคิดประโยคหนึ่งเข้ามาในหัว "มันต้องดีใจขนาดนั้นเลยหรอ ? คนอื่นเขาก็สอบติด ทำไมต้องทำเหมือนกูเป็นเด็กพิเศษ"
สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่ผมผ่านมา มันค่อย ๆ ทำให้มีความรู้สึกมากขึ้น จากคนที่มองโลกในแง่บวกมาก ๆ มันเริ่มทำให้ผมกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ช่วงม.ต้น ผมพยายามปรับปรุงตัวเอง ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากที่เป็นคนช้า ๆ เฉื่อย ๆ ก็พยายามทำตัวให้มีสติอยู่ตลอดเวลา จนสุดท้ายกลายเป็นคนขี้ระแวง กลัวนู่น กลัวนี่อยู่ตลอด แม้จะมาอยู่โรงเรียนใหม่ ก็คิดจะเริ่มต้นใหม่ แต่มันกลับเลวร้ายกว่าเดิมเสียอีกครับ เพราะคราวนี้เป็นการรังเกียจผม เชิงนินทาและจัดกลุ่มรวมหัวกันดูถูกผม ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่เคยไม่ทำอะไรให้พวกนั้น ไม่ได้เอาขี้ไปปาอัดหน้าสักหน่อย
มีหลายครั้งผมอารมณ์เสียมาก ๆ เนื่องจากทะเลาะกับแฟน มันทำให้ผมไม่สนใจใครเลย ใครมาหยอก มาล้อหน่อย ผมก็อารมณ์เสีย จนในท้ายที่สุด ผมก็มีเรื่องชกต่อย และเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่บ่อยครั้ง จากเด็กที่ไม่เคยสนใจคำพูดคนอื่น แต่มันโดนหนักเข้า มันก็ทำให้ผมหัวเสียได้ และสุดท้ายผมก็กลายเป็นเด็กใจแตกในที่สุด
เมื่อจบ ม.ต้น ผมก็ไม่ได้คิดจะต่อ ม.ปลายที่โรงเรียนเดิม เพราะไม่อยากเจอแฟนเก่า และพวกที่ผมไม่ชอบขี้หน้า ผมจึงย้ายไปเรียน ปวช. ในครั้งนี้ ก็จะเปลี่ยนตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรู้เรื่อง ไม่เฉื่อยชา ไม่เอ๋อ แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม..
ผมยังคงโดนนินทาเหมือนเดิม และผมก็สัญญากับตัวเองไปแล้วว่า ผมจะไม่โกรธคนพวกนั้น และไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด มีครั้งหนึ่งที่ผมชกหน้ามันไปหนึ่งที แต่ด้วยสติที่พอมี จึงกล่าวขอโทษไป และอีกหลาย ๆ ครั้งต่อมา ผมก็เกือบจะคุมตัวเองไม่อยู่ มันเป็นความรู้สึกที่โคตรแย่ อยากจะปล่อยวาง เวลาคนอื่นล้อเลียนหรือนินทา แต่พอปล่อยคนพวกนั้นไป ผมก็รู้สึกเจ็บใจ ทำไมเราไม่เอาคืนมันบ้างวะ แต่พอคิดจะทำร้ายพวกนั้น ก็กลับมาย้อนคิด ว่าจะทำไปเพื่ออะไร ผมสับสนในอารมณ์จิตใจของตัวเอง
มีหลายครั้งที่ผมเครียดหนักมาก ทั้งจากที่บ้าน และที่โรงเรียน จนสุดท้าย..ผมก็เสพติดบุหรี่ และทิ้งความคิดที่จะเลิกไปแล้วด้วย เพราะทุก ๆ ครั้งที่ได้สูบ มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย แต่เมื่อนานเข้า ผมกลับรู้สึกทรมานเกือบทุกครั้งที่ได้สูบ แต่จะไม่สูบก็ทำไม่ได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาโดยตลอด ทั้งท่านั่ง ท่าเดิน วิธีการพูด การมอง จนพอมารู้สึกตัวอีกที ผมก็พบว่า "เราไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย" ผมพยายาม "เก่ง" ไปซะทุกเรื่อง เพื่อที่จะไม่โดน "ดูถูก" หรือ "โดนล้อ"
ผมจึงไปฝึกฝนทุกอย่าง ทุกทักษะ ทุกด้าน ทุกความสามารถ เพื่อที่เวลามีเหตุการณ์อะไร ผมจะได้เก่งพอ ที่จะไม่โดนล้อ ผมฝึกทุกอย่าง พยายามจะเก่งทุกวิชา เพียงเพื่อที่จะไม่ได้โดนด่า ไม่โดนดูถูก ไม่โดนหมั่นใส้
ผมรู้นะ..ว่ามันไร้สาระ แล้วไม่มีค่าในตัวของเราเลย แต่ผมหยุดทำมันไม่ได้ ผมอยากเป็นตัวของตัวเอง แต่ผมหลุดมาไกลเกินกว่าจะคืนเป็นคนเดิมแล้ว ผมเครียด ผมสับสนไปหมด ผมมีจุดหมายในชีวิต แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จรึเปล่า ทั้งหมดที่มีมันคือความกลัว
ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นยังไง เราเป็นใคร เราต้องการอะไร เราเกลียดอะไร แต่ไม่เคยจะทำได้ มันแย่นะครับ รู้ว่าจะต้องแก้ไขยังไง แต่ไม่มีความกล้าพอจะแก้ไขมัน
ผมควรทำจะยังไงดี อยากเป็นตัวของตัวเองสักครั้ง ก็ทำไม่ได้ ไม่มีความกล้าพอ จากคนที่ทั้งชีวิต ตอนเด็กไม่เคยกลัวอะไรเลย ในตอนนี้ผมระแวงไปซะทุกอย่าง ไม่อยากจะตื่นไปโรงเรียน ไม่อยากจะทำอะไรเลย "ผมอยากเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่เคยทำได้สักครั้ง จำไม่ได้แล้วด้วยว่า ล่าสุดที่เราเป็นตัวของตัวเอง มันเมื่อไรกัน"
นี่ผมกำลังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองอยู่รึเปล่า ?
สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่ผมผ่านมา มันค่อย ๆ ทำให้มีความรู้สึกมากขึ้น จากคนที่มองโลกในแง่บวกมาก ๆ มันเริ่มทำให้ผมกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ช่วงม.ต้น ผมพยายามปรับปรุงตัวเอง ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากที่เป็นคนช้า ๆ เฉื่อย ๆ ก็พยายามทำตัวให้มีสติอยู่ตลอดเวลา จนสุดท้ายกลายเป็นคนขี้ระแวง กลัวนู่น กลัวนี่อยู่ตลอด แม้จะมาอยู่โรงเรียนใหม่ ก็คิดจะเริ่มต้นใหม่ แต่มันกลับเลวร้ายกว่าเดิมเสียอีกครับ เพราะคราวนี้เป็นการรังเกียจผม เชิงนินทาและจัดกลุ่มรวมหัวกันดูถูกผม ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่เคยไม่ทำอะไรให้พวกนั้น ไม่ได้เอาขี้ไปปาอัดหน้าสักหน่อย
มีหลายครั้งผมอารมณ์เสียมาก ๆ เนื่องจากทะเลาะกับแฟน มันทำให้ผมไม่สนใจใครเลย ใครมาหยอก มาล้อหน่อย ผมก็อารมณ์เสีย จนในท้ายที่สุด ผมก็มีเรื่องชกต่อย และเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่บ่อยครั้ง จากเด็กที่ไม่เคยสนใจคำพูดคนอื่น แต่มันโดนหนักเข้า มันก็ทำให้ผมหัวเสียได้ และสุดท้ายผมก็กลายเป็นเด็กใจแตกในที่สุด
เมื่อจบ ม.ต้น ผมก็ไม่ได้คิดจะต่อ ม.ปลายที่โรงเรียนเดิม เพราะไม่อยากเจอแฟนเก่า และพวกที่ผมไม่ชอบขี้หน้า ผมจึงย้ายไปเรียน ปวช. ในครั้งนี้ ก็จะเปลี่ยนตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรู้เรื่อง ไม่เฉื่อยชา ไม่เอ๋อ แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม..
ผมยังคงโดนนินทาเหมือนเดิม และผมก็สัญญากับตัวเองไปแล้วว่า ผมจะไม่โกรธคนพวกนั้น และไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด มีครั้งหนึ่งที่ผมชกหน้ามันไปหนึ่งที แต่ด้วยสติที่พอมี จึงกล่าวขอโทษไป และอีกหลาย ๆ ครั้งต่อมา ผมก็เกือบจะคุมตัวเองไม่อยู่ มันเป็นความรู้สึกที่โคตรแย่ อยากจะปล่อยวาง เวลาคนอื่นล้อเลียนหรือนินทา แต่พอปล่อยคนพวกนั้นไป ผมก็รู้สึกเจ็บใจ ทำไมเราไม่เอาคืนมันบ้างวะ แต่พอคิดจะทำร้ายพวกนั้น ก็กลับมาย้อนคิด ว่าจะทำไปเพื่ออะไร ผมสับสนในอารมณ์จิตใจของตัวเอง
มีหลายครั้งที่ผมเครียดหนักมาก ทั้งจากที่บ้าน และที่โรงเรียน จนสุดท้าย..ผมก็เสพติดบุหรี่ และทิ้งความคิดที่จะเลิกไปแล้วด้วย เพราะทุก ๆ ครั้งที่ได้สูบ มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย แต่เมื่อนานเข้า ผมกลับรู้สึกทรมานเกือบทุกครั้งที่ได้สูบ แต่จะไม่สูบก็ทำไม่ได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาโดยตลอด ทั้งท่านั่ง ท่าเดิน วิธีการพูด การมอง จนพอมารู้สึกตัวอีกที ผมก็พบว่า "เราไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย" ผมพยายาม "เก่ง" ไปซะทุกเรื่อง เพื่อที่จะไม่โดน "ดูถูก" หรือ "โดนล้อ"
ผมจึงไปฝึกฝนทุกอย่าง ทุกทักษะ ทุกด้าน ทุกความสามารถ เพื่อที่เวลามีเหตุการณ์อะไร ผมจะได้เก่งพอ ที่จะไม่โดนล้อ ผมฝึกทุกอย่าง พยายามจะเก่งทุกวิชา เพียงเพื่อที่จะไม่ได้โดนด่า ไม่โดนดูถูก ไม่โดนหมั่นใส้
ผมรู้นะ..ว่ามันไร้สาระ แล้วไม่มีค่าในตัวของเราเลย แต่ผมหยุดทำมันไม่ได้ ผมอยากเป็นตัวของตัวเอง แต่ผมหลุดมาไกลเกินกว่าจะคืนเป็นคนเดิมแล้ว ผมเครียด ผมสับสนไปหมด ผมมีจุดหมายในชีวิต แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จรึเปล่า ทั้งหมดที่มีมันคือความกลัว
ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นยังไง เราเป็นใคร เราต้องการอะไร เราเกลียดอะไร แต่ไม่เคยจะทำได้ มันแย่นะครับ รู้ว่าจะต้องแก้ไขยังไง แต่ไม่มีความกล้าพอจะแก้ไขมัน
ผมควรทำจะยังไงดี อยากเป็นตัวของตัวเองสักครั้ง ก็ทำไม่ได้ ไม่มีความกล้าพอ จากคนที่ทั้งชีวิต ตอนเด็กไม่เคยกลัวอะไรเลย ในตอนนี้ผมระแวงไปซะทุกอย่าง ไม่อยากจะตื่นไปโรงเรียน ไม่อยากจะทำอะไรเลย "ผมอยากเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่เคยทำได้สักครั้ง จำไม่ได้แล้วด้วยว่า ล่าสุดที่เราเป็นตัวของตัวเอง มันเมื่อไรกัน"