สารานุกรมปืนตอนที่ 100 อธิบายเรื่อง ปืน ร.ศ. ๑๒๑ สยามเมาเซอร์

นี่ไม่ใช่การนำประวัติมาให้อ่านนะครับเพราะมีคนเขียนให้อ่านอยู่แล้วแต่ผมจะช่วยให้คนที่ทำความเข้าใจได้ยากหรืองงกับประวัติที่อ่านเเล้วไม่เข้าใจสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องต้องทบทวนอะไรมาก

รายละเอียดและประวัติทั้งหมดอ่านได้ตรงนี้ครับ
https://www.thailandoutdoor.com/GunStory/SiameseMauser/siamesemauser.html

http://www.weekendhobby.com/gun/webboard/question.asp?page=7&ID=3810

ด้วยความช่วยเหลือเล็กน้อยจากต่างชาติทำให้สามารถแยกตัวปืนที่เราอ่านในภาษาไทยค่อนข้างจะงงให้สามารถเข้าใจได้ง่าย



Type 45 กับ Type 46 คือปืนรุ่นเดียวกันนั้นเเหละเเต่ต่างกันเเค่ปีที่เข้าประจำการคือ 2445 (ปลย.45) เเละ 2446 (ปลย.46) เรียกอีกอย่างว่า ปืน ร.ศ. ๑๒๑

( จากการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าปืนแบบ Type 45 นั้นใช้ศูนย์เล็งทั้งหน้า-หลังแบบที่ไทยออกแบบเองและใช้ดาบปลายปืนเหมือนของเยอรมัน ส่วน Type 46 ใช้ศูนย์หน้าและหลังแบบเดียวกับปืนไรเฟิลอาริซากะของญี่ปุ่นพานท้ายเป็นแบบ 2 ชิ้นรวมถึงใช้ดาบปลายปืนเหมือนกันด้วยเเละ  Type 47 คือปืนเล็กสั้นที่สร้างโดยยึดแบบจาก  Type 46 )

Type 47 คือ ปืนเล็กสั้นปีที่เข้าประจำการคือ 2447 เรียกอีกอย่างว่า ปืน ร.ศ. ๑๒๓ (ปลส.47)

เดิมทีใช้กระสุนขนาด 8x50 R Siamese mauser หัวกระสุนเป็นเเบบหัวป้าน

ต่อมาในปี 2466 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 มีการนำเข้าปืนแบบ 66 หรือ Arisaka Type 38 (ปลย.66) เข้ามาใช้พร้อมกับปืนกลเบา Madsen (ปกบ.66) โดยใช้กระสุนตัวใหม่คือขนาด 8x52 R Siamese mauser หัวกระสุนเป็นเเบบหัวแหลม จึงมีการนำปืน Type 45 Type 46 และ Type 47 มาคว้านรังเพลิงใหม่เเล้วให้รหัสว่า ปลย.45/66 ปลย.46/66 เเละ ปลส.47/66 เมื่อเข้ายุคสงครามเย็นปืนทั้งหมดก็ถูกเเทนที่ด้วยปืนจากอเมริกาเเละที่ทันสมัยกว่าตามยุคที่เเปลเปลี่ยนตามกาลเวลา

สวัสดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่