[CR] เที่ยวสวิส 13 เมือง อิตาลี 1 เมือง 10 วัน ในราคา 80,000 บาท

สวัสดีค่ะ ชื่อปอย ค่ะ จริงๆแล้วได้ทำรีวิวท่องเที่ยว Switzerland 13 เมือง และ Italy 1 เมือง ช่วงมีนาคม 2017  ไว้นานแล้วที่เพจของปอย แต่วันนี้เพิ่งมีเวลาได้มาแชร์กันใน พันทิพย์ค่ะ หากข้อมูลผิดส่วนใด หรือพิมพ์ผิดตรงไหน ขออภัยด้วยนะคะ

ก่อนอื่นเลยขออนุญาตแนะนำก่อนเริ่มทริปว่ามีอะไรที่ควรเตรียมตัว
1)ควรซื้อ Swisspass  คุ้มมากลดกระจายไม่ว่าจะเข้าชมสถานที่หรือขึ้นเขา
2)หากท่องเที่ยวเดินทางย้ายเมืองบ่อยแนะนำว่าให้จองโรงแรมใกล้สถานีรถไฟไปถึง วางกระเป๋าแล้วออกไปเที่ยวๆ เที่ยวเสร็จแพ็คกะเป๋าขึ้นรถไฟ ประหยัดเวลามากกว่าจองโรงแรมในตัวเมืองค่ะ

นอกจากนั้นหลังจากลงเครื่องแล้วให้ไปที่ร้านขายSim โทรศัพท์ ชื่อร้าน "Salt" อยู่ใน Terminal ฝั่ง Departure หน้าร้านจะเขียนโปรอะไรไม่ต้องสนใจบอกเค้าว่าอยากซื้อ Sim ที่ราคา 10 ฟรังค์ ได้ Credit 20 ฟรังค์ เล่นเนต unlimited 1 วัน วันละ 1.99 ฟรังค์ นะคะ เพราะเป็น Sim ที่คุ้มมาก มากกว่าเปิด Roaming หรือซื้อ wifi ไปอีกจ้า

โดยเส้นทางที่จะไปเที่ยวจะเป็นแบบนี้นะคะ


  

เที่ยวเป็นวงกลมวนขวา เริ่มจาก Zurich - St.Gallen - Chur - Andermatt - Lugano - Milan - Interlaken (Jungfrau) - Zermatt (Matterhorn) - Montreux - Vevey - Geneva - Lausanne - Bern - Rhine Falls - Lucerne - Zurich ค่ะ


เริ่มต้นที่เมือง Zurich ก่อนเลยนะคะ



Day1: เริ่มต้นที่ Zurich วันแรกเริ่มต้นท่องเที่ยวในเมืองแบบเร็วๆ โดยไปเดินเล่นที่ถนน Shopping Street ใจกลางเมือง Zurich คือออกจาก Station Zurich HB มา จะมีถนนยาวไปเรื่อยๆ ชื่อ Bahnhof Strasse สองฝั่งถนนจะเป็นร้านขายของที่ให้นักท่องเที่ยว Shopping ได้ค่ะ



เมื่อเดินตามถนนมาเรื่อยๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการเข้าไปลองทาน ขนมร้าน  Sprüngli อ่านว่า สปรุงลี่ เป็นร้านขนมเก่าแก่ที่เปิดมาแล้วกว่า 180 ปีจ้า โดยขนมที่มีชื่อเสียงของที่นี่ที่ต้องลองคือ ลักเซมเบอร์เกอร์(LUXEMBURGERLI) หรือขนมที่หน้าตาคล้ายมาการอง ไม่แน่ใจมันต่างกันยังไง  รสชาติเหมือนกันเด๊ะ แค่เล็กกว่าเท่านั้นเอง



หน้าตาของ ลักเซมเบอร์เกอร์ (LUXEMBURGERLI)  หรือมาการองนั่นเอง


จากนั้นตามถนนสายเดิมเเราเดิมไปเรื่อยๆๆมาเจอแม่น้ำที่ผ่ากลางเมืองเลย ซึ่งมองไปข้างหน้าฝั่งขวาจะเห็นมี วิหารคู่อยู่ข้างหน้านั่นคือวิหาร Grossmünster ซึ่งอยู่กลางเมือง Zurich


เมื่อถึงวิหารอย่าลืมที่จะเข้าไปในวิหารนะคะการเข้าวิหารจำได้ว่าวิหารนี้เข้าฟรี  แต่หากต้องการขึ้นมาหอคอยของวิหารนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 2-5 ฟรังค์ อย่าลืมโชว์ SwissPass ทุกครั้งที่เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพราะส่วนใหญ่จะมีส่วนลด หรือเข้าฟรีเลยจ้า  เมื่อซื้อตั๋วขึ้นชมวิหารแล้ว ก็ต้องเดินขึ้นบันได ประมาณ 200 ขั้น ซึ่งเป็นทางเล็ก ๆๆ เดินเหนื่อยมาก แต่พอขึ้นมาบนหอคอยแล้วหายเหนื่อยเลย เพราะเราสามารถมองเห็นวิว เมือง Zurich แบบ 360 องศา ถือว่าคุ้มมากๆเลย



เมื่อเที่ยวในเมืองเสร็จก็รีบไปขึ้นรถไฟย้ายเมืองไปที่  St. Gallen (ซังคท์กัลเลิน) (เมืองที่ 2 แล้ว)



พอถึงเมือง ซังคท์กัลเลิน แล้ว เราก็สามารถเอากระเป๋าเราไปที่รับฝากกระเป๋าได้ จะเป็นตู้ Locker นะคะ เสียค่าฝากสำหรับกระเป๋าเดินทางใหญ่ประมาณตู้ละ 7-9 ฟรังค์ (แล้วแต่ขนาดตู้)   จากนั้นเราก็สามารถเดินเข้ามาเล่นในตัวเมืองได้เลยค่ะ เมืองนี้เล็กๆไม่มีอะไรมาก แต่จุดเด่นของเมืองนี้อยู่ที่ มหาวิหาร St Gallen แต่ลืมเข้าจ้า


ข้างในโบสถ์ซังต์ลอเรน


เมื่อถึงทุกวิหารแล้วอย่าลืมบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอขึ้นไปบนวิหารนะคะ ก็เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 5 ฟรังค์แล้วก็เดินขึ้นวิหารไปเลยค่ะ  พอขึ้นมานี่อย่างกับความฝันเห็นมุม 360 องศาอีกแล้ว ซึ่งจากมุมนี้จะเห็นมหาวิหาร St Gallen และข้างๆมหาวิหารจะเป็นห้องสมุดของมหาวิหาร (Abbey Library) เค้าบอกว่าเป็นห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลกด้วยน้า สามารถใช้ Swisspass เข้าฟรีจ้า แต่น่าเสียดายเค้าไม่ให้ถ่ายรูป ลองดูภาพจาก Google พิมพ์ว่า "Stiftsbibliothek St Gallen " จะเห็นข้างในห้องสมุดค่ะ


ภาพถ่ายอีกมุมค่ะ เมื่อชมเมืองและห้องสมุดเรียบร้อยแล้วก็กลับไปที่สถานีรถไฟเตรียมย้ายไปอีกเมืองหรือเมืองที่มีชื่อว่า chur (อ่านว่าคูร์) ค่ะ เพื่อไปนอนที่นั่น จะได้สะดวกกับการเดินทางในวันถัดไป พอไปถึงที่เมืองก็ได้ไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดิน นิดหน่อยและเข้านอนค่ะ

ตื่นเช้ามาก็รีบออกมาถ่ายภาพ ก่อนที่จะไปขึ้นรถไฟ ไปเมืองถัดไป


หอระฆังเมือง Chur


และแล้ววันแรกก็ผ่านไปกับการเที่ยว 3 เมืองอย่างรวดเร็ว


Day 2 : เมื่อเดินเที่ยวชมเมือง Chur ยามเช้าแล้ว ก็เตรียมตัวไปขึ้นรถไฟสาย Glacier Express คะ



Glacier Express เป็นรถไฟที่สามารถเห็นวิวได้เกือบ 180 องศา ทั้งรถไฟจะเป็นกระจก โดยเส้นทางจะวิ่งขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ทำให้เราได้ชมวิวจากพื้นที่ข้างๆจากเป็นสีเขียวที่มีต้นไม้ปกคลุม จนกลายเป็นสีขาวล้วนถูกแทนที่ด้วยหิมะ โดยเริ่มขึ้นรถไฟจาก Chur ไปลงที่ Andermatt ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าค่ะ


ปอยซื้อตั๋วผ่าน WEBSITE ของสวิสตั้งแต่ที่ไทยนะคะ เราใช้ Swiss Pass ขึ้นฟรี แต่ยังต้องจ่ายค่าสำรองที่นั่งเพิ่มเติมค่ะ  แนะนำว่าให้จองที่นั่งมาเลย ถ้าไม่จองอาจจะไม่ได้ขึ้นค่ะ เพราะรอบรถไฟมีไม่มาก รอบที่ปอยนั่งก็เต็มทุกที่นั่งค่ะ อย่าลืมจองที่นั่งริมหน้าต่างจะได้เห็นวิวเต็มๆ ตอนปอยจองริมหน้าต่างเต็มแล้วเลยได้นั่งริมทางเดินแทนค่ะ น่าเสียดายมากเลย

ตอนที่จองเลือกได้ว่าจะจองอาหารด้วยไหม หากเราจองไว้ก็จะมีพนักงานมาเสิร์ฟให้ค่ะ แต่หากไม่ได้จองอาหารไว้ ก็อย่าลืมเตรียมเสบียงขึ้นไปนะคะ เพราะนั่งนาน 2ชั่วโมงเลยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.glacierexpress.ch/


ในขบวนรถไฟมีส่วนของ BAR ด้วยค่ะ


ระหว่างที่นั่งไป ด้านนอกก็เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีขาวแล้ว

ยิ่งขึ้นเขา หิมะก็มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ


ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่ารถไฟก็ถึง Andermatt (เมืองที่ 4)
เส้นทางค่อนข้างอ้อมขึ้นไปด้านบนของ Switzerland แต่จริงๆคือตั้งใจจะนั่งรถไฟสายนี้เพื่อชมวิว จึงถือว่าเป็นการเที่ยวมากกว่าการเดินทางค่ะ
ปอยขอแนะนำว่าตอนแรกที่ขึ้นรถไฟที่ Chur อากาศอาจสบายๆ 10 กว่าองศา แต่พอถึง Andermatt เราอยู่บนเขาอากาศเปลี่ยนเป็นเลขตัวเดียวประมาณ 3 องศา เพราะฉะนั้นเตรียมเสื้อหรือผ้าพันคอไว้ที่ช่องกระเป๋าที่หยิบง่ายๆนะคะ หนาวมากกกกก


เมื่อถึง Andermatt ปุ๊บก็ไม่ได้ออกไปนอกสถานีรถไฟเลย เพราะเราก็เตรียมตัวเปลี่ยนรถไฟเพื่อนั่งลงไปทางใต้ของ Switzerland หรือเมือง Lugano นั่นเองค่ะ  เมื่อเราลงใต้ก็เตรียมตัวอากาศเปลี่ยนอีกรอบได้เลยค่ะ

ถึงแล้ว Luganooooo (เมืองที่5) อากาศแตกต่างกับเมือง Andermatt มากเลยค่ะ  พอถึง Lugano แอบร้อน อากาศ จาก 3 องศากลายเป็น 16-17 องศาเลยทีเดียว ดูที่ภูเขาสิคะ หิมะหายไปเลยค่ะ   Lugano เป็นเมืองทางตอนใต้ของสวิสเกือบๆๆจะถึง Italy คนในเมืองนี้จึงพวกภาษาอิตาลีเป็นส่วนใหญ่ค่ะ



เนื่องจากสถานีรถไฟของเมือง Lugano อยู่บนเขา ถ้าหากต้องการจะลงไปเดินเล่นในส่วนของเมืองต้องเดินไปทางลาดลงค่ะ
ดังนั้นแนะนำว่าจองโรงแรมใกล้สถานีรถไฟจะดีกว่าค่ะ เพราะออกมาปุ๊บสามารถเช็คอินเลย หากไปจองในเมืองต้องลากกระเป๋าลงทางลาด และบันไดหลายร้อยขั้นค่ะ แต่สำหรับคนที่ลงไปเดินเล่นในตัวเมืองเฉยๆไม่ต้องห่วงนะคะหากจะกลับมาที่สถานีรถไฟ จะมีรถรางพาขึ้นไปแต่ต้องซื้อตั๋วประมาณ 2-3 ฟรังค์  แต่พอดีโรงแรมที่ปอยอยู่แจกตั๋ว Lugano Pass สามารถขึ้นรถรางฟรีค่ะ (คุ้นๆว่าจริงๆ Swisspass ก็ใช้ได้ค่ะ)


เมื่อเราเดินเล่นในส่วนของเมืองสามารถเดินทะลุผ่านมาเจอทะเลสาบ Lugano ค่ะ ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยภูเขา ซึ่งทะเลสาบนี้เป็นทะเลสาบที่กั้น Italy กับ Swiss ด้วย


คนส่วนใหญ่จะเดินลัดเลาะทะเลสาบแห่งนี้ค่ะ เมื่อเดินเล่นเสร็จก็เข้าที่พักเก็บแรงไว้สำหรับวันรุ่งขึ้นค่ะ



Day3:  พอตื่นแต่เช้า รีบออกจากโรงแรมเพราะเวลาเรามีน้อยต้องท่องเที่ยวให้คุ้มค่า  วันนี้เราไปดูวิวเมือง Lugano กันค่ะ โดยขึ้นไปดูบนเขา ระหว่างเดินทางไปที่ทางขึ้นเขาก็เก็บภาพวิวเมืองยามเช้าอีกเล็กน้อย



ถึงแล้วค่ะ Monte San Salvatore เป็นจุดขึ้นรถรางไปชมวิวเมือง Lugano บนเขา ปอยมาถึงก่อนเวลาเลยต้องรอ หนาวก็หนาว เพราะเค้าเปิดให้ชมรอบแรกตอน 9.00 เช้าค่ะ โดยการขึ้นมีค่าใช้จ่ายค่ะปกติราคาประมาณ 30 ฟรังค์สำหรับ Return Ticket แต่เราใช้ Swiss Pass ลดราคาได้เพิ่ม


หน้าตารถรางที่จะขึ้นไป จับจองที่นั่งข้างหน้าล่างสุดจะได้เห็นวิวตอนขึ้นนะคะ



ระหว่างทางขึ้นก็จะค่อยๆๆเห็นวิวเมือง Lugano พอขึ้นไปได้ถึงครึ่งทางต้องเปลี่ยนรถรางอีกขบวนค่ะ




ถึงแล้ววววววววว เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาแล้วจะได้เห็นวิวเมือง Lugano 360 องศาแบบชัดๆๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมืองนี้มีทะเลสาบล้อมรอบและถูกล้อม ด้วยภูเขาอีกครั้ง   ทะเลสาบนี้จะกั้นพรมแดนอิตาลีและสวิส ที่เรามองไปสุดลูกหูลูกตาสามารถเห็นมิลานได้ด้วยนะคะ




เมื่อขึ้นไปถึงบนยอดเขา จะมีทางเดินให้ขึ้นไปอีก เราก็เดินขึ้นเขาไปอีกนิดหน่อยจะได้เห็นภาพมุมที่สูงขึ้นค่ะ


เมื่อเดินถึงยอดเขา เจอโบสถ์เราก็หาทางขึ้นไป อีกนะคะ จะได้ภาพมุมสูงขึ้นไปอีกค่ะ


เมื่อชมวิวเมืองเสร็จแล้ว เราก็กลับโรงแรมเพื่อเตรียมขึ้นรถไฟไปอิตาลีกันค่ะ


เดี๋ยวปอยมาต่อเมืองถัดไปนะคะ

ชื่อสินค้า:   สวิสเซอร์แลนด์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่