ประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกในมดลูก

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่รีวิวเกี่ยวกับเนื้งอกในมดลูกเพราะตั้งแต่รู้ว่าตัวเองมีเนื้องอก ได้อ่านเกี่ยวกับการผ่าตัดเนื้องอกจากที่นี่เยอะมาก
จึงเป็นเหตุผลที่อยากเข้ามาเล่าประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกบ้างค่ะ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กลัวการผ่าตัด
1. การตรวจเจอเนื้องอกในมดลูกครั้งแรก  ตอนอายุ 28 ปี จากการตรวจสุขภาพประจำปี (โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง) เพื่อเตรียมพร้อมในการมีบุตร  ต้องบอกก่อนว่าตัวเองมีประสบการณ์ในการทำงานในโรงพยาบาลมาประมาณ 5 ปี จึงเคยชินกับการพบแพทย์หรือการตั้งคำถามนู่นนี่ และไม่กลัวในเรื่องการตรวจต่างๆ เมื่อตรวจพบว่ามีเนื้องอกในมดลูก จึงไม่ได้ทำให้กังวลมาก แค่คิดว่าจะสามารถมีบุตรได้หรือไม่
คำตอบคือ หมอที่ 1 (โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง) แนะนำให้ผ่าเอาก้อนออกก่อนเพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาตอนเราท้อง หมอให้เหตุผลว่า อาจจะทำให้เกิดภาวะการปวดท้องมากขณะตั้งครรภ์ นั่นคือความเสี่ยง แต่ไม่มีผลกับการมีบุตรยาก ตอนนั้นที่คิดคือ เราต้องหาหมออีกท่านมายืนยันหน่อย หมอที่2 (โรงเรียนแพทย์) เมื่อพบแพทย์แล้ว คุณหมอแจ้งว่าไม่มีผลต่อการมีบุตรเช่นกัน แต่ก็อธิบายความเสี่ยงคล้ายๆกับหมอที่ 1 ซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่าออกก็ได้ ตอนนั้นเราก็ลังเลว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งก็เริ่มอ่านข้อมูลนู่นนี่เพื่อประกอบการตัดสินใจ จนมีพี่ที่รู้จักแนะนำว่า ให้ลองมาปรึกษาคุณหมออีกท่าน (โรงเรียนแพทย์) ที่ให้การดูแลด้านการมีบุตรยากโดยตรงด้วย เราก็ตัดสินใจมาพบท่านพร้อมนำผลการตรวจต่างๆ มาประกอบ ซึ่งท่านอัลตราซาวน์ดูเนื้องอกเราอีกครั้งด้วยตนเองและพิจารณาว่าก้อนไม่มีผลต่อการมีบุตร เช่นกัน แต่อาจารย์แนะนำให้เอาออก เพราะด้วยตัวก้อนขนาดประมาณ 5 ซม. ค่อนข้างใหญ่แล้ว โดยแนะนำในการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ตอนนั้น เราตัดสินใจทันที ว่าโอเค ผ่าค่ะ
2. การเตรียมตัวในการผ่าตัด คิวผ่าของเรารอประมาณ 1 เดือน เท่านั้น ซึ่งเราคิดว่าไม่นานเลย ก่อนวันผ่า 3 วัน พยาบาลจะแนะนำในการปฏิบัติตัวก่อนผ่า คือกินอาหารอ่อน ไม่มีกากใย จนถึงวันก่อนผ่า 1 วัน คือให้ทานอาหารเหลวเลย การเตรียมตัวก็โอเคแค่ทนหิวนิดหน่อย และเคลียงานเนื่องจากต้องหยุดยาวหลายวัน
3. วันผ่ามาถึงแล้ว เราไปนอนโรงพยาบาลเพื่อเตรียมตัวก่อนผ่า 1 วัน โชคดีที่สามารถจองห้องพิเศษได้ ซึ่งตอนแรกเราค่อนข้างกังวลเพราะเป็นการนอนโรงพยาบาลครั้งแรก และพอดีได้เจอคุณหมอที่จะทำการผ่าตัดให้ในตอนเย็น คุณหมอก็มาอธิบายให้ฟังว่าแผลจะมีประมาณ 3-4 ที่เล็กๆ ไม่ต้องกังวล หมอจะฉีดสีดูท่อนำไข่ไปด้วยเลยทีเดียว ตอนนั้นเราใจชื้นขึ้นมาเลย โอเคเดี๋ยวจะผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นพยาบาลก็จะมาวัดความดัน วัดไข้ สวนล้างช่องคลอด (เย็นๆไม่เจ็บ) แล้วก็มาสวนล้างลำไส้ อันนี้โล่งเลย 555 จากนั้นตื่นเช้ามา ได้เวลาผ่าประมาณ 10 โมงเช้า อ่อ งดน้ำและอาหารนะคะ วิสัญญีก็จะเข้ามาอธิบายขั้นตอนการผ่า การวางยาสลบ ขั้นตอนนี้ถ้าเราสงสัยอะไรเราถามได้เลย ซึ่งเราถามไปจนไม่กลัวละพร้อมค่ะ แต่มันจะมีวูบนึงก่อนผ่า มีน้ำตาซึม กลัวแหละ แล้วพยาบาลก็จะมาพาเราจากห้องพักไปที่ห้องผ่าตัด เจาะน้ำเกลือ ให้ยาฆ่าเชื้อ ขั้นตอนนี้เราไม่กลัวเข็มอยู่แล้วเลยผ่านไปด้วยดี มีวิสัญญีมาอธิบายอีกครั้ง คอยคุยด้วยให้เราสบายใจไม่เครียด บอกเลยว่าช่วยในเรื่องจิตใจได้อย่างมาก จากนั้นก็จะให้เราเริ่มมีที่ครอบมาใกล้ๆบริเวณจมูก ตอนนั้นเราก็คิดว่าต้องสูดลึกแค่ไหน เราถามนะ555 เค้าตอบว่าหายใจปกติได้ค่ะ แค่นั้นแหละ ตื่นมา เอ้าผ่าตัดเสร็จแล้วจ้า งงมาก เราสลบไปแล้วหรอตอนไหน
4. หลังผ่าเสร็จ เราลืมตาความรู้สึกแรกคือ เรารอด ยังไม่เจ็บแผล ไม่คลื่นไส้ ไม่ทรมาน ไม่เจ็บคอด้วย นี่เราผ่าเสร็จแล้วจริงหรอ แต่หลังจากเรากลับมาที่ห้องขั้นตอนการย้ายเตียงจากเตียงผ่าตัดมาเป็นเตียงนอนในห้อง เราให้ 3 ผ่านไม่สะเทือนเลย เบามาก ขอบคุณพยาบาลและแผ่นสไลด์ตัว และเริ่มรู้สึกนิดนึงแบบเจ็บนิดหน่อยแต่ทนได้ พยาบาลมาถามเรื่องความปวดครั้งแรกเราให้ 5 นะ แต่บอกเลยว่าให้เพราะความกลัว ไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่ขอยาไว้ก่อน อ่อเรามีสายฉี่ด้วยแหละ และเริ่มเจ็บคอ จากนั้นเราก็หลับไป พอตื่นมาญาติเพื่อนๆ เต็มห้องเลย กำลังใจมาเพียบ จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่การพักฟื้นร่างกาย
ให้เริ่มขยับพลิกตัว ตะแคงตัว ซึ่งก็กลัวๆ ไม่กล้ากลัวเจ็บแต่ก็พยายามนะ และพออีกวันนึงก็ต้องทำและพี่พยาบาลมากดดัน เอาสายฉี่ออก (ไม่เจ็บ) แล้วก้อถึงเวลาต้องลุกแล้วค่ะ เราจะต้องมีเทคในการลุกเพื่อให้สะเทือนแผลน้อยสุดคือ เอาเตียงขึ้นมา จับเตียงไว้ เอาศรีษะไถหมอน เอียงตัว แล้วชันตัวมานั่ง แล้วค่อยยืน แต่กว่าจะได้รูปแบบนี้บอกเลย ทดลองมาหลายครั้ง จนเดินได้ พยาบาลให้เดินบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเจ็บไหล่ จากแกสที่อัดเข้าไปในท้องเราตอนผ่าตัด เราก็เดินไปเดินมาวนรอบ ต่อเนื่อง เมื่อยก็นั่งแต่พยายามลุกเดินบ่อย แต่ถามว่าเจ็บไหล่มั้ย บอกเลยไม่รอด เจ็บแบบต้องนั่งพิงๆนอนมันนอนราบแล้วเหมือนหายใจลำบาก แต่พยาบาลมาอธิบายแล้วว่าจะมีภาวะอาการแบบนี้นะนู่นนี่ ทำให้เข้าใจไม่กลัวว่าจะเป็นอะไรมาก
5. สิ่งที่อยากจะบอกทุกคนคือ อ่านข้อมูลได้ ศึกษาได้ แต่อย่าเครียด แต่ละคนอาการไม่เหมือนกัน ตอนแรกเรากังวลมาก กลัวนู่นนี่ แต่พอถึงเวลาจริงเอ้ยเราไม่เป็นไร เราไม่แพ้ ไม่ปวดมาก โอเค ความเจ็บต้องมีแหละ ผ่าตัดเน๊อะ แต่ถ้าถามว่าอะไรเจ็บสุด คือเจ็บไหล่ตอนแกสดันนี่แหละทรมาน นอกนั้นไม่มีอะไร เราแพ้ยาในห้องผ่าตัดด้วย ตอนฟื้นมาพยาบาลบอกถึงรู้ จากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วใช้ชีวิตตามคำแนะนำของคุณหมอ และไปตรวจตามนัด ที่สำคัญจิตใจเราต้องเข้มแข็ง เรารู้ผลกระทบว่าทำแล้วจะมีอาการแบบนี้นะ แล้วก็มาพิจารณาตัวเองแล้วก็บอกตัวเองว่าเราไม่เป็นไร แค่นี้แหละ สิ่งสำคัญ
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังจะผ่าตัดนะคะ หวังว่าจะทำให้กังวลในเรื่องการผ่าน้อยลงค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่