ควรแต่งงานกับผู้ชายที่ถามว่า พ่อแม่เราจะคืนค่าสินสอดให้ไหม ???

กระทู้คำถาม
ตามหัวเรื่องเลยค่ะ อยากขอความคิดเห็นเพื่อน ๆ ว่าคิดกันยังไงบ้างถ้า แฟนเราถามเราว่าถ้าแต่งงานกันแล้ว แม่เราจะคืนค่าสินสอดให้เค้าไหม ???

เราคบกับแฟนเรามาได้สักระยะหนึ่งแล้วค่ะ เราสองคนก็เข้าใจกันดีค่ะ ไม่มีความลับอะไรกัน เวลามีปัญหาหรือว่ารู้สึกไม่ดี เราจะจับเข่าคุยกันไม่ปล่อยให้ข้ามวันเราเลยไม่ค่อยทะเลาะกันค่ะ แต่เรื่องมันมีอยู่ว่าเค้าอยากที่จะจดทะเบียนสมรสและแต่งงานกับเรา ก็เลยคุยกันเรื่องแต่งงาน ตอนแรกเราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายเพราะไม่คิดว่าเค้าจะจิงจังอะไรกับเรา เพราะเนื่องด้วยที่เรามีลูกแล้ว 1 คน ส่วนเขาก็อายุน้อยกว่าเราตั้ง 3 ปีเลย เราก็เลยคิดว่าเค้าไม่ได้แสดงออกอะไรที่ชัดเจนคงจะพูดเล่นละมั้ง จนวันนึงเค้าก็พูดเรื่องแต่งงานขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูจิงจังกว่าทุกครั้ง เราก็เลยเปิดใจคุยกันถึงเรื่องแต่งงานและตกลงกันว่าจะอะไรยังไงคุยไปคุยมาทุกอย่างเหมือนจะลงตัวนะค่ะ ติดก็ตรงที่ระยะห่างของเส้นทางมาบ้านเราทั้งคู่ ที่ไม่รู้ว่าจะจับจุดตรงไหนเป็นศูนย์กลางเพื่อนให้แขกทั้งเราและแขกเค้ามาได้สะดวก เราตกลงแต่งงานกันแบบง่าย ๆ เลยค่ะ ทุกอย่างที่ประหยัดได้เรายินดีหมดเลยค่ะ เราตกลงจะเตรียมงานแบบไม่ให้ฉุกละหุกเตรียมแบบให้พร้อม จนมาถึงเรื่องสินสอดนี่แหละค่ะ ที่ทำเอาเราอึ้งไปเลยค่ะ คือต้องบอกก่อนนะค่ะว่าแฟนเราเค้าเป็นคนวางแผนทางการเงินค่อนข้างที่จะดีเลยทีเดียวนะค่ะ แต่ตัวเค้าเองชอบบ่นเสมอเลยว่าเค้าเป็นคนขี้งกนะ แต่เราก็เฉย ๆ กับคำนั้นค่ะเพราะเรากับเค้าใช้เงินคนละกระเป๋ากันเลยยังไม่เจอปัญหามั้งค่ะ  เราเคยคุยกันก่อนหน้านี้แล้วครั้งนึงค่ะเรื่องสินสอด ว่าเราไม่รู้ว่าพอ่แม่เราจะเรียกเท่าไหร่ คือเราสองคนต้องเข้าไปคุยกับเขาก่อน ตอนแรกเราตกลงกันว่างานแต่งเราจะช่วยกันคนละครึ่งแบบงบประหยัดส่วนสินสอด ตามธรรมเนียมเป็นหน้าที่ของฝ่ายชายที่ต้องดูแลเรื่องนี้เค้าก็ไม่ได้ติดขัดอะไรเลย จนมาถึงตอนนี้เค้ากลับตั้งคำถามให้เรากลับมาคิดทบทวนอีกครั้งว่าถ้าแต่งงานแล้ว พ่อแม่เราจะคืนค่าสินสอดให้เค้าไหม ความรู้สึกเราตอนนั้นมันชาไปหมดเหมือนใครเอาอะไรเย็นมาตบหน้าเลยคะ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากของเค้าจิง ๆ ค่ะคนที่เรากำลังจะใช้ชีวิตไปกับเค้าทั้งชีวินคนนี้ แต่เค้ามีเหตุผลนะค่ะ เพราะโดนพื้นฐานครอบครัวของเค้าที่เค้าต้องดูแลตัวเองมาตลอด ไม่ได้มีใครคอยช่วยเหลือเหมือนกบเรา เค้าก็อยากได้เงินตรงนี้คืนเพื่อสร้างฐานะครอบครัว ซึ่งเราเองก็เข้าใจเค้านะค่ะ แต่เราเองก็บอกเค้าไปว่าเราไม่สามารถตอบคำถามหรือให้คำสัญญากับเขาได้เพราะขึ้นอยู่ที่พ่อกับแม่เรา ซึ่งเราสองคนต้องไปคุยกับท่านก่อนที่ ซึ่งเราเองก็อธิบายแฟนเราไปค่อนข้างที่จะเยอะพอสมควรเลยค่ะ ว่าสินสอดเราจะช่วยกันเก็บเงินกันคนละครึ่งดีไหมจะได้ไม่หนักเค้า เพราะเราเองก็รู้ว่าเค้าก็ไม่ได้มีมากมายถึงขนาดนั้น คือสรุปทุกอย่างเราหารครึ่งหมด ทั้งๆที่ในใจเราก็เสียใจมาก ๆ เลยค่ะ เหมือนเราเก็บเงินตัวเองเพื่อขอตัวเองแต่งงานเลยค่ะ ตามนิยามของค่าสินสอดคือเงินที่ฝ่ายชายมอบให้บุพการีฝ่ายหญิงเพื่อตอบแทนค่าน้ำนม และเป็นการขอลูกสาวเค้ามาเลี้ยงดูต่อจากพ่อแม่เค้าซึ่งเค้ายอมปล่อยให้ลูกเค้ามาอยู่กับคุณโดยที่เค้าไม่รู้ว่าคุณจะดูแลลูกเค้าดีแค่ไหม ซึ่งยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะค่ะ เรามองว่าอะไรที่ช่วยกันได้ก็จะช่วยกันค่ะไม่ได้ไปเอาเปรียบกันให้ต้องมารับภาระคนเดียว แต่สิ่งที่เค้าพูดมามันทำให้เราต้องกลับนั่งคิดทบทวนดูยาว ๆ ค่ะว่าเราควรจะแต่งงานกับคนทีมองแต่ประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ จนมองข้ามความรู้สึกของคนที่ตัวเองรักไปเลย เราไม่รู้ว่าพออ่านจบแล้วจะมีใครเข้าใจและคิดแบบเดียวกับเราไหม หรือคิดต่างก็แชร์ประสบการ์ณให้ฟังบ้างคะ เราไม่ได้ลดค่าตัวเราเองเพียงเพราะเราเคยมีครอบครัวแล้ว แต่เราจะใช้ความผิดพลาดในอดีตเป็นเส้นนำทางให้เราไม่ผิดพลาดเหมือนวันวาน เราเป็นคนรักครอบครัวนะค่ะ เราก็แค่อยากให้เค้าลองนึกโดยเอาใจเขามาใส่ใจเราดูสักนิดค่ะ อยากให้ลองเข้ามาคุยกับพ่อแม่เราดูก่อนว่าเค้าจะให้ทำอะไรยังไง ดีกว่าคิดเองสรุปเอง พ่อแม่เราไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เค้าน่าจะเข้าใจเราทั้งคู่ ขอแค่คุณแสดงให้เค้ารู้สึกว่ารักลูกเค้าเค้าฝากชีวิตลูกเค้าไว้กับคุณได้ ถึงวันนั้นเค้าอาจจะไม่เรียกสินสอดสักบาทเลยก็ได้  แค่เราไม่คิดว่าแฟนเราจะแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาชัดเจนขนาดนี้ ขอบคุณพื้นที่สำหรับระบายนะค่ะ  
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ส่วนตัวเราไม่เห็นด้วยเรื่องค่าสินสอดอะไรอยู่แล้วนะคะ ค่านำ้นมทางบ้านเจ้าบ่าวก็เลี้ยงเจ้าบ่าวมาด้วยน้ำนมเหมือนกัน ทำไมเจ้าบ่าวต้องให้ฝ่ายเดียว เจ้าสาวไม่ให้บ้างละคะ

ส่วนเรื่องที่เขาถามว่าจะคืนให้ไหม เราว่าเขาถามตอนนี้ยังดีกว่าไปหน้างานแล้วถามโต้งๆให้งงขายหน้ากัน คุยกันให้รู้เรื่องก่อนแบบนี้ดีแล้วค่ะ (เขาถาม แสดงว่าสถานะทางการเงินเขาอาจจะยังไม่อู้ฟู้มาก อาจต้องนำเงินเก็บที่กลายมาเป็นสินสอดมาหมุนดูแลคุณจขกทกับครอบครัว/ลูกในอนาคตอะไรแบบนี้ก็ได้ค่ะ)

ส่วนเรื่องจะคืนเงินหรือไม่คืน เรื่องนี้คงต้องตามพ่อแม่จขกทนะคะ ส่วนตัวพ่อแม่เราเคยพูดกับเราว่าถ้าเราแต่งงาน จะไม่เอาสินสอดเลย อาจจะมีมาวางนิดหน่อยให้ดูสวยงาม แต่ไม่เอาเลยค่ะ ถ้าเจ้าบ่าวจะให้จริงๆพ่อแม่เราจะคืนให้เรากับเจ้าบ่าวเพื่อเป็นเงินเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ เราไม่กลัวว่าต่อไปพ่อแม่จะไม่มีคนเลี้ยงดู ไม่มีเงินดูแลตัวเอง เราส่งเงินเราเองให้พ่อแม่ทุกเดือนอยู่แล้ว ไม่ต้องรบกวนเงินใครเลยค่ะ (ทุกวันนี้ยังไม่ได้แต่งงาน ดูแลพ่อแม่ทั้งด้านเงินและอยู่ใกล้ชิดตลอดค่ะ)

ปล. ความเห็นเราอาจจะไม่ตรงใจ อาจเพราะเรายังไม่ไปถึงขึ้นจะแต่งงานมั้งคะ แต่ณ ตอนนี้เราคิดแบบนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่