เกิดขึ้นเมื่อมีคนพยายามขอจัดตั้งมัสยิดอิบาดิรเราะห์มาน บนที่ดินวากัพ (อุทิศ) ของโรงเรียนสอนศาสนามาเซาะฮะตุดดีน (จัดตั้งมาตั้งแต่ปี 2517-2518) ซึ่งที่ดินดังกล่าวผู้วากัฟมีเจตนาวากัฟให้กับโรงเรียนสอนศาสนา โดยถ้านำที่ดินไปจัดตั้งมัสยิดฯ จะเป็นการผิดเจตนาของผู้วากัฟ และการกระทำดังกล่าวถือว่า เป็นการวากัฟซ้อน ที่ศาสนาไม่อนุญาต ผู้ร่วมบริจาคซื้อที่ดินวากัฟ จึงได้มีการคัดค้านและร้องเรียนคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร (กอ.กทม.) ที่มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งมัสยิด มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน เรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (กอท.) ที่ทำงานล่าช้า โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีฝ่ายบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่ 3 ฝ่าย คือ
1. ฝ่ายผู้ขอจัดตั้งมัสยิดฯ ประกอบด้วย ผู้ขอจัดตั้งมัสยิด และผู้อนุญาตให้จัดตั้งมัสยิดฯ คือ คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร
ซึ่งต่อไปนี้ จะเรียกว่า “กอ.กทม.” หรือ “ผู้ถูกร้องเรียนทั้ง 26 คน” หรือ “โจทก์ทั้ง 26 คน”
2. ฝ่ายผู้ร่วมบริจาคเงินเพื่อซื้อที่ดินวากัฟให้โรงเรียนสอนศาสนาฯ ซึ่งต่อไปนี้ จะเรียกว่า “ผู้ร้องเรียนทั้ง 3 คน” หรือ “จำเลยทั้ง 3 คน”
3. ฝ่ายพิจารณาความถูกต้องตามบทบัญบัติศาสนาโดยเคร่งครัด คือ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งต่อไปนี้ เรียกว่า “กอท"
รายละเอียดตามด้านล่าง
https://sites.google.com/view/islamic-treason
การอาบัติปาราชิกขององค์การศาสนาอิสลาม
1. ฝ่ายผู้ขอจัดตั้งมัสยิดฯ ประกอบด้วย ผู้ขอจัดตั้งมัสยิด และผู้อนุญาตให้จัดตั้งมัสยิดฯ คือ คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร
ซึ่งต่อไปนี้ จะเรียกว่า “กอ.กทม.” หรือ “ผู้ถูกร้องเรียนทั้ง 26 คน” หรือ “โจทก์ทั้ง 26 คน”
2. ฝ่ายผู้ร่วมบริจาคเงินเพื่อซื้อที่ดินวากัฟให้โรงเรียนสอนศาสนาฯ ซึ่งต่อไปนี้ จะเรียกว่า “ผู้ร้องเรียนทั้ง 3 คน” หรือ “จำเลยทั้ง 3 คน”
3. ฝ่ายพิจารณาความถูกต้องตามบทบัญบัติศาสนาโดยเคร่งครัด คือ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งต่อไปนี้ เรียกว่า “กอท"
รายละเอียดตามด้านล่าง