อยากจัดของแข็งแต่แรงไม่ถึง [อาถรรพ์น้ำมันพราย+ควายธนู]

เกริ่นก่อนนะครับ
เรื่องนี้ประสบการณ์ตรงเมื่อประมาณปี 2016 ครับ
ผมเป็นคนมีปมเรื่องการไม่เห็นผี ทั้งที่ทำงานเกี่ยวกับการเล่าเรื่องผี
เหมือนกับเขียนรีวีลการท่องเที่ยวแต่ไม่เคยไปเที่ยว มันก็น่าอัปยศอยู่

ประสบการณ์ของผมส่วนใหญ่จะเป็นประสบการณ์ร่วมกับผู้อื่น
คืออยู่ในเหตุการณ์ตลอด แต่ไม่ได้รับรู้เช่นเดียวกับคนอื่น

เช่นสมัยที่จัดรายการวิทยุ แล้วลือกันว่าสถานีมีผี
ลือกันมาทุกรุ่น เห็นกันมาทุกเจนเนเรชั่น
ผมนี่อยู่ดึกอยู่ดื่นแค่ไหน เที่ยงคืนตีหนึ่งกลับบ้านก็ไม่เคยได้เห็นได้เจอ
เต็มที่ก็เสียงทุบผนังกึงกังตังตึง ตอนแรกนึกว่าห้องข้าง ๆ เพราะเป็นตึกแถว
ปรากฏกลางคืนไม่มีใครอยู่ เขาปิดร้านกลับไปนอนบ้านตั้งกะหัวเย็นแล้ว

แต่นั่นก็ไม่อยากจะนับหรอกครับว่าเป็นประสบการณ์วิญญาณ
มีอีกครั้งรวมตัวไปเที่ยวบางแสน เขาเล่าเรื่องผีกัน
ผมนี่ง่วงน้ำหูน้ำตาไหล ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนเพลีย
พี่ ๆ ในวงก็ยังใจดีปลุกขึ้นมาร่วมวง
ผมยันตัวขึ้นนั่งได้ไม่ทันสองประโยคก็ล้มลงไปนอนนับสิบ

ปรากฏตื่นเช้ามานี่คุยกันระงมเซ็งแซ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ว่าขณะที่พี่หัวหน้าคณะเล่าอยู่นั้น มันมีเสียงทุบกำแพง ตึง ตึง ตึง ตึง
วนรอบที่พักก่อนจะอ้อมไปด้านหลังตรงห้องน้ำ
แล้วก็วิ่งคึก ๆ ขึ้นหลังคาไป แล้วทุบหลังคาต่ออีกหรือยังไงก็ไม่ทราบ
แต่ที่แน่ ๆ ผมพลาดแบบฉิวเฉียด เพราะผมล้มหงายหลังหลับไปได้แปบเดียว
ปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้น

หลังจากนั้นผมก็แสวงหาทุกวิถีทางที่จะได้สัมผัสประสบการณ์วิญญาณนี้
ทั้งไปบุกสุสาน ขึ้นบ้านผี นอนในถ้ำ สารพัดจะทำ
นอนในวัด ก็ไม่เจอ

พระท่านว่าโยมดิ้นรนเกินไป
ยิ่งยื้อยุดยิ่งหลุดลอย
ผมถามว่าท่านเปิดตาให้ได้มั้ย ท่านว่าถึงทำได้ก็อย่าเลย
ชีวิตจะไม่เหมือนเดิม วิบากเปล่า ๆ
ถ้าควรได้เจอก็เจอ ควรได้เห็นก็เห็น

ผมไม่ยอมรับ
ผมต้องได้เจอเมื่ออยากเจอสิ


อยากมีประสบการณ์ขับรถจะไปเที่ยวหยิบยืมก็ใช่เรื่อง
อยากเจอผี ก็ต้องเลี้ยงเองนี่แหละ ให้มันรู้เรื่องกันไป
สุดท้ายผมโดดใส่ผี
เอาผีเข้าบ้านซะเลย

เป็นครั้งแรกที่ผมเช่าน้ำมันพรายมา ยังไม่พอ
ผมรับควายธนูมาพร้อมกันด้วย
แต่ผมคิดผิด

เรื่องมันเริ่มต้นที่ผมมีมิตรสหายท่านหนึ่ง
เป็นคนทางนี้ คือสักเสกเลขยันต์เต็มหลัง รับดูดวงผูกชะตา
และที่สำคัญ เลี้ยงผีเป็นกิจจะ เราจะได้ยินว่าเขาใช้ผีไปทำงานอะไรบ้าง
วันพระวันโกนก็มีการเซ่นไหว้ข้าวของ หลังปิดจ๊อบจบงาน ก็มีของตอบแทนไปต่าง ๆ นานา
เผาเทียนสาปแช่ง ทวงหนี้เอาควายทับชื่อ ลูกหนี้แจ้นเอาเงินมาคืนแทบไม่ทัน

ฟังแล้วก็อูหูอือหืออยู่ครับ
เวทมนต์นี่มันสะดวกสบายจังโว้ย
ผมได้แต่คิด ยังไม่ได้เดินเข้าไปขอสัมผัส
แต่มันมีสาเหตุครับ

เดิมทีผมเป็นคนไม่เชื่อ
ไม่เชื่อแบบองุ่นเปรี้ยวน่ะครับ
คือไม่เจอ ไม่เห็น = ไม่มี
ถ้ามีต้องเจอสิ นี่สารพัดจะลองแล้ว

ปรากฏมีครั้งหนึ่งทำให้ผมเชื่อขึ้นมา
คือไปบุกสุสานคริสเตียนที่จังหวัดหนึ่งทางเหนือ
แรกเข้ามันก็ปกติล่ะครับ เป็นหลุม ๆ มีกางเขนปูนเสียง ๆ
บางหลุมตีกระเบื้องเหมือนพื้นห้องน้ำ บางหลุมก็มีล้อมรั้วโบกปูนปูหินอ่อนสวย
แต่ไม่เห็นผีสักตัว มีแต่หมา เห่าหนวกหูโล้งเล้ง
ผมไปกับพี่อีกคนที่เป็นเจ้าถิ่นและเจ้าภาพพาบุก
มือก็กำกล้องแพนไปทั่ว จังหวะเดินมาถึงหลุมหนึ่งเป็นดงสุสานอยู่กอง ๆ รวมกัน
ขณะที่เสียงหมาเห่าระงมนั้น จังหวะมันพักกลืนน้ำลายหรือไงไม่ทราบ

มีเสียง "ฮู่ว" แทรกเข้ามาในความมืด
เสียงเหมือนนกฮูก มันไม่ได้ดังมาจากต้นไม้
แต่ดังมาจากดงหลุมและเสาปูนรูปกางเขนพวกนั้น
ผมหันมองคนข้าง ๆ เข้าหันมาสบตา
เราถามพร้อมกันว่า "ได้ยินใช่มั้ย"
เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง ก็นั่นแหละครับ ได้เชื่อว่าผีก็ครั้งนั้น
จากที่แบ่งรับแบ่งสู้ ถึงไม่เห็นคาตา แต่เสียงคนร้องชัดขนาดนั้น
ท่ามกลางสถานที่ที่ไม่มีคนไม่มีใคร ถึงขนาดสาดไฟสว่างโร่ ไล่ไปตามต้นไม้ ก็ไม่เห็นอะไรขยับเขยื้อน
จะว่าหมาร้องก็ไม่ใช่ เพราะมันวิ่งเห่ารอบ ๆ ไม่กล้าเข้ามา เสียงนั้นอยู่ตรงหน้า แต่เหมือนกระซิบข้างหู
ที่สำคัญอัดคลิปแล้วติดเสียงมาด้วยแม้จะเบากว่าที่ได้ยินก็ตาม

ผ่านเรื่องนี้มาผมก็เริ่มที่จะยอมรับการมีอยู่ของโลกอีกฟาก
จนกระทั่งเริ่มรับรู้ได้มากขึ้น ไม่รู้หลอนเองหรือเปล่านะครับ
มันมีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นมาอยู่กรุงเทพแล้ว
ไปงานเปิดตัว BNK48 รอบเปิดรับออดิชั่นมาที่เอ็มโพเรี่ยมมั้ง
ที่อ้างอิงนี่เพื่อจะบอกเลยว่าผมก็วัยรุ่นทั่วไป ดูการ์ตูน ติ่งไอดอล (แต่จริง ๆ ไปกับเพื่อนไม่ได้โอชิคามิอะไรใครนะฮะ)
ดูหนัง ฟังเพลงอิลสลิก 555

แต่ตอนขากลับวันนั้น ผมรู้สึกแปลก ๆ
เหมือนเดินเข้าซอยมาแล้วไม่ได้มาคนเดียว
หมาที่ปกติเห่าก็เงียบ ๆ บ้านเรือนไม่มีเสียง เหมือนปิดสวิต
แต่ไม่ได้สนใจมากนะครับตอนนั้น เหนื่อย หิว ง่วง

พอเข้านอนคืนนั้นล่ะ รู้เรื่อง!

ที่บ้านนั้นเป็นออฟฟิสด้วยนะครับ
คือทำงานชั้นล่าง นอนชั้นบน
ห้องติดกันก็เป็นหัวหน้ากับภรรยา
มีประตูแมวด้วย เพราะเลี้ยงแมวสองตัว

เวลาประมาณตีสามตีสี่ได้ รู้เวลาเพราะผมจัดรายการเลิกตีสอง
ผมนอนคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนแมวพุ่งทะลุประตู
ผลุบ กึง กึง
คือบานประตูนมันจะตีเข้าตามแรงเหวี่ยงก่อนนิ่งไป
หลังเสียงประตูเงียบ ผมได้ยินเสียง แอ๊ะ! เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กอะ
เหมือนจะดุแมวอะไรแบบนั้น เป็นเสียงผู้ชาย ไม่แก่ไม่หนุ่ม ไม่รู้ ไม่เห็นหน้าไง
ผมรู้สึกตัวตอนนั้น แต่ก็รับรู้เฉย ๆ เพราะง่วง จณะเคลิ้ม ๆ จะนอนต่อ
ผ้าห่มที่ปูนอนกับพื้นมันยวบ ยวบเหมือนมีคนเหยียบ
ใครเลี้ยงแมวจะรู้ว่าแมวปีนเตียงมานอนด้วยเป็นยังไง ฟีลลิ่งนั้นเลยครับ
มันเหยียบที่ช่องว่างระหว่างหัวเข่าก่อน พอยวบปั๊บผมชักตัวตะแคง
เพราะมันอ้อมมาด้านหลัง
แล้วล้มนอนฟึ่บใส่ผม

แล้วเหมือนตัวใหญ่มาก เพราะหลังหัวผมเหมือนแปะโดนหน้าอกของผู้ชาย
มันแน่น ๆ ใหญ่ ๆ หยุ่น ๆ ไม่แข็งเหมือนกำแพง ผมเอาหัวชนกึก ๆ
จนแน่ใจว่าไม่ใช่ตู้ และเราไม่ได้นอนชิดมุม

โอเคชัดเจน สวัสดี

ผมไม่กล้าหันไปมองครับ
ไม่ใช่เพราะกลัวผีแฮ่จั๊มพ์สะแกร์อะไรนะ
แต่กลัวว่านี่เป็นฝัน แล้วถ้าหัน เราจะตื่น
อุตส่าห์สัมผัสผีตัวเป็น ๆ ขนาดนั ขอดื่มด่ำหน่อยเถอะวะ
ใจนี่เต้นตึก ๆ เหมือนได้เจอไอดอลมานอนซ้อนหลัง

ผมเลยรวบรวมสติด้วยการสวดมนต์
สวดได้สองประโยคเหมือนเค้าเบื่ออะ
เออลุกละโว้ย
แล้วก็หายไป สัมผัสที่แน่น ๆ ตรงหลังหัวก็หายไป
มันจางเหมือนคนผละออก แต่ไม่รู้สึกถึงการเดินออกไปนะครับ
มันหายไปเฉย ๆ

พอพ้นวันนั้นไปผมก็เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังด้วยความตื่นเต้น
บอกเจอละโว้ยเจอละวา เฮฮาดีใจ

เหมือนเค้าจะไปแล้ว แต่วันพุธในอาทิตย์ต่อมา
เค้าก็มาอีก ไม่รู้คนเดิมหรือเปล่า
มาพร้อมกลิ่น เหมือนกลิ่นส้วมอืดอะ
มันจะเหม็นอ่อน ๆ ตุ่ย ๆ โชย ๆ ไม่ชัดมาก
เหมือนคุณเปิดแอร์ แล้วห้องน้ำท่อมันดันเอากลิ่นเหม็นมาปน
มันตลบอบอวลปน ๆ อยู่ในนั้น ท่ามกลางกลิ่นเย็น ๆ ของแอร์

นี่ก็เทียวถามพนักงานอีกคนที่นอนร่วมห้อง
บางคืนเค้าเอาแฟนมานอนด้วยผมก็ถาม
ว่าได้กลิ่นเหมือนผมไหม ปรากฏว่าไม่
สามคนได้กลิ่นคนเดียว

ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ธรรมดาละ เป็นแบบนี้อยู่ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละวัน
มาดูปฏิทินทีหลังก็มักจะเป็นคืนก่อนวันพระ
เลยเชิญภรรยาหัวหน้ามาร่วมดมด้วย
เค้าเข้ามาดมแล้วผงะถอยออกไป
เค้าบอกไม่ได้กลิ่นส้วม
เค้าได้กลิ่นธูป

เดี๋ยว...
มันคนละตระกูลเลยนะ ธูปกับส้วมไม่มีทางจะมาพบกันได้
ก็เลย เออไม่ได้ละ ใครส่งอะไรมาตามกรูปะวะ
ยิ่งมาทุกวันโกนด้วย

สุดท้ายผมไม่รู้ทำไง หนีกลับเชียงรายเลย
ระหว่างอยู่โน่นผมก็ทักหาเพื่อนจอมขมังเวท
ขอดีลซื้อน้ำมันพรายและควายธนูด่วน ๆ

หมดเงินไปเยอะอยู่ครับ
เพราะวัดของพระอาจารย์ที่ปลุกเสกจะขึ้นอุโบสถใหม่
ผมก็อนุโมทนาบุญ แล้วรับของขลังมา

แต่ปรากฏว่า ผีที่ผมเจอนั้น
พล่านหนักกว่าเดิมอีกครับ

ผมรับไอเทมเวทมนต์ทั้งสองมา
น้ำพรายชื่อพี่นุช มาจากศพหญิงตายทั้งกลม
เคี่ยวปลุกเสกด้วยว่านหลายชนิด ผสมสีผึ้ง
ลักษณะเป็นขวดยาหม่องเล็ก ๆ ฝาเกลียวสีเงิน
มีน้ำเหลือง ๆ และตะกรุดโลหะดอกเล็ก ๆ กลิ้งข้างใน
สรรพคุณช่วยได้ทุกเรื่อง ขอโชค ขอเงิน ขอผู้หญิงให้มาหลงมารัก
วิธีใช้คืออธิษฐาน ขอ ไม่บนบาน ไม่แกะออกมาป้ายนะฮะ แบบนั้นเพื่อนบอกแรงไป
มันจะเป็นการไปสะกดควบคุม ไม่ใช่ทางเมตตา ให้ใช้ทางเมตตา
(ซึ่งเอาจริง ๆ ของอาถรรพ์อะนะครับ ใช้ทางไหนก็ต้องจ่ายเหมือนกัน)
หลังใช้งานเค้าเสร็จ ก็ตอบแทนเขา เอาของให้กิน ไม่ต้องปักธูป แต่บอกกล่าวว่าให้เขา
ถ้าเป็นงานใหญ่ ๆ ก็ให้เครื่องสำอาง เสื้อผ้าผู้หญิง จัดโต๊ะหรือมุมซักมุมให้เค้าไป

โดยมีกฏว่า ไม่ทำงาน ไม่ต้องกิน
ไม่ต้องเซ่นไหว้รายวัน ใช้งานเมื่อไร ค่อยจ่ายค่าตอบแทนหลังจบงานหรือสำเร็จงาน

ส่วนควายธนูชื่อพี่ศร
ผมถอยมาเพราะจะเอามาขวิดอีผีที่ตามมาปล่อยกลิ่นส้วมใส่ผมนั่นแหละ
เป็นผีตายโหง ปั้นเป็นรูปควาย เขาสวยโค้งเชียว
คนนี้ต้องดูแลทุกวันโกน ไปตัดหญ้าสดมาให้
ไม่มีหญ้าก็ ให้ข้าว ถั่ว งา ธัญพืชเมล็ดแห้ง หรือเซ่นเหล้าก็ได้

วิธีใช้ก็บอกกล่าวจะให้ทำอะไร
ทวงหนี้ก็เขียนชื่อที่อยู่ ยิ่งได้วันเดือนปีเกิด วางควายทับลงไปบนชื่อ
แล้วขอให้เขาไปตามทวงหนี้ให้ แหม่ ยังกะแก๊งหมวกกันน็อก โคตรเท่เลย
แต่ผมก็ไม่ได้ใช้งานอะไรนะครับ กะมีไว้เพื่อปกป้องตัวเองจากอะไรที่ตาม ๆ เฉย ๆ

ผมกลับกรุงเทพตอนนั้นผมมีคอนโดละ
ผมก็เอาสารพัดผีไปเก็บไว้ที่คอนโด
เพราะออฟฟิสก็มีเจ้าที่มีกุมาร มีพ่อปู่นั่นนี่อยู่แล้ว
เอาผีตายไม่ดี ของอาถรรพ์เข้าไปไม่ใช่เรื่อง

แต่ทานโทษฮะ ควายนี่ทวงแรงมาก

ทุกวันโกนผมต้องกลับคอนโดมานอน
เพื่อเอาหญ้ามาให้เค้า ไม่งั้นเค้าจะทวง
ด้วยการทำให้ผมเป็นไข้รุม ๆ ปวดหัวอ่อน ๆ เหมือนใครมาบีบ
แล้วตัวก็ร้อนรุม ๆ ร้อนจนสังเกตได้อะ
ผมก็ต้องกระเผือกกระผลมาป้อนหญ้าป้อนน้ำ
ทำทีก็หายที

ภรรยาเจ้านายก็รู้นะว่าผมเลี้ยงอะไร
เค้าก็บอก เอามาไว้ที่นี่มั้ยล่ะ เธอจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา
ผมก็เอามาไว้ที่ตู้ตรงหัวนอน ทั้งน้ำมันพรายที่ส่วนใหญ่พกติดกระเป๋าอยู่ละด้วย
ก็จัดแท่นไหว้น้ำไหว้หญ้าอะไรไปตามเรื่อง

ปรากฏแม่เมียเจ้านาย ท่านเป็นคนสวดมนต์ทุกวัน
ท่านบอกมีเสียงเคาะกำแพง กับเสียงคนเดินดึก ๆ ทุกวัน
ตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นผม แต่ดูเวลา เป็นหลังผมจัดรายการเสร็จขึ้นนอนแล้วด้วย
เด็กในออฟฟิสบางคนเห็นเป็นเงาดำ ๆ มายืนตรงซิ้งล้างจานหลังบ้านก็มี

ทุกคนต่างเข้าใจว่าเป็นเพราะควายธนูผม

จนเจ้านายเค้าไม่โอเค เค้าก็เรียกมาคุย
ทำไมเอาอะไรเข้ามาไม่บอกเค้า
(ซึ่งผมเข้าใจว่าภรรยาเค้าบอกกันแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่าบอกไปแล้ว)
แต่เหมือนเค้าไม่รู้เลย มารับรู้เองตอนเช้าวันนึง
เพราะคืนนั้นมีเสียงวิ่งบนหลังคาห้องครัว
ซึ่งมันถัดจากห้องนอนชั้นเลย เรียกมองหน้าต่างออกไปก็เห็น
เค้าก็พยายามเรียกคุย ใคร เอาอะไร มาทำไม เงียบ

สุดท้ายก็เลยรู้สึกว่ามีอะไรในบ้านเลยเรียกมาคุย
ก็โวยวายใหญ่ว่ามันของไม่ดี เอาเข้ามามันทำให้ของในนี้อ่อนแรง (คือเค้าก็บูชาอะไรของเขาน่ะครับ)
ให้เอาออกไปนะ รู้มั้ยมันเป็นผีตายโหง ก็ร่ายกันไปยาว ๆ เค้าบอกด้วยว่านี่ไปเช็คในห้องด้วยนะ
ไม่เห็น ซึ่งเพื่อนร่วมห้องผมก็บอกเหมือนกันว่าไม่เห็นเลยว่ามีคงมีควายอะไรบนหลังตู้
เออก็แปลก ตั้งไหว้อลังการขนาดนั้นไม่มีคนเห็น

สุดท้ายผมก็อพยพสมาชิกผีออกมาจากออฟฟิส กลับไปไว้ที่คอนโดเหมือนเดิม
อยู่คนละที่ก็ดีแล้ว ไม่น่าหาเรื่องทะเลาะกับเจ้าที่เจ้าถิ่นเลย

แต่มันไม่จบแค่นั้นสิครับ กระทู้ไม่พอเขียนละขอต่อเมนท์ล่างละกันเด้อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่