พุทธวจน
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งเป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่น่าพอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความพอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราปรารถนารักใคร่พอใจ
ด้วยอาการที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่น่าพอใจ” ดังนี้;
บุคคลนั้นชื่อว่า
ย่อมทำความรักให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
อย่างนี้แล เรียกว่า
ความรักเกิดจากความรัก.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งเป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่พอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราปรารถนารักใคร่พอใจ
ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่พอใจ” ดังนี้;
บุคคลนั้นชื่อว่า
ย่อมทำความเกลียดให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
อย่างนี้แล เรียกว่า
ความเกลียดเกิดจากความรัก.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความพอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติ กระทำต่อบุคคลที่เราไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ
ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ” ดังนี้;
บุคคลนั้นชื่อว่า
ย่อมทำความรักให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
อย่างนี้แล เรียกว่า
ความรักเกิดจากความเกลียด.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ
ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ” ดังนี้;
บุคคลนั้นชื่อว่า
ย่อมทำความเกลียดให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
อย่างนี้แล เรียกว่า
ความเกลียดเกิดจากความเกลียด.
เปิดธรรมที่ถูกปิด ดูจิต ความรัก ความเกลียด
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งเป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่น่าพอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความพอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราปรารถนารักใคร่พอใจ
ด้วยอาการที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่น่าพอใจ” ดังนี้;
บุคคลนั้นชื่อว่า
ย่อมทำความรักให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
อย่างนี้แล เรียกว่า
ความรักเกิดจากความรัก.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งเป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่พอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราปรารถนารักใคร่พอใจ
ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่พอใจ” ดังนี้;
บุคคลนั้นชื่อว่า
ย่อมทำความเกลียดให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
อย่างนี้แล เรียกว่า
ความเกลียดเกิดจากความรัก.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความพอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติ กระทำต่อบุคคลที่เราไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ
ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ” ดังนี้;
บุคคลนั้นชื่อว่า
ย่อมทำความรักให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
อย่างนี้แล เรียกว่า
ความรักเกิดจากความเกลียด.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ
ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ” ดังนี้;
บุคคลนั้นชื่อว่า
ย่อมทำความเกลียดให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
อย่างนี้แล เรียกว่า
ความเกลียดเกิดจากความเกลียด.