คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เป็นบทความที่ดีมากครับ ให้ความเข้าใจกับการจัดฟันในปัจจุบันได้ดีมากเลย มีข้อแนะนำอีกประการหนึ่ง เนื่องจากปสก.ในงานจัดฟันของคุณหมออาจไม่เท่ากัน การตัดสินใจเลือกร้านที่จะจัดฟัน นอกจากบอกความต้องการก่อนจัดฟันแล้ว ควรปรึกษาหลายๆร้านสอบถามว่าคุณหมอจัดฟันเราได้ไหม ยากหรือง่าย เพื่อให้เราทราบว่าสภาพฟันของเรายากหรือง่ายแค่ไหน เพื่อประเิมินความสามารถของหมอ ควรดูและสังเกตเคสที่จัดจากร้านหมอนั้นว่าจัดแล้วเป็นอย่างไร เช่นจัดแล้วฟันหน้างุ้มมากทุกราย หรือจัดเสร็จแล้วยังดูยื่นอยู่ และเราไม่ชอบแบบนั้นก็ควรเลือกร้านที่เราเห็นว่าผลงานตรงกับความต้องการของเราเพื่อความสบายใจของคนไข้และหมอในที่สุด
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ครับ
1.ที่จขกท.บอกว่าทันตแพทย์จัดฟันในระบบมีชื่ออยู่ใน "สมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทย" นั้น ความจริงต้องเป็น สมาคมทันตแพทย์ "จัดฟัน"แห่งประเทศไทย (www.thaiortho.org) นะครับ เพราะถ้าเสิร์ชสมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทยก็จะเจอชื่อหมอทุกคนนั่นแหละครับ
2.ที่ได้ วุฒิบัตร/อนุมัติบัตรนั้น ทันตแพทย์จัดฟันในระบบ ไม่ได้จบแล้วได้วุฒิบัตร หรืออนุมัติบัตรโดยอัตโนมัติ จะต้องสอบ ซึ่งหากสอบตกก็จะไม่ได้ และหมอจัดฟันนอกระบบก็สามารถสอบอนุมัติบัตรหรือวุฒิบัตรได้หากมีประสบการณ์การทำงานถึง 5 ปี ตามหลักเกณฑ์ลิงค์ด้านล่าง
https://www.royalthaident.org/files/exam/04_2560_20171221.pdf
3.ขอชี้แจงถึงความแตกต่างระหว่างการอบรมในระบบและนอกระบบ แล้วให้ผู้อ่านลองพิจารณาดูนะครับ
ในระบบ -- เรียน 3 ปี จันทร์ ถึง ศุกร์ เหมือนเรียนปริญญาตรี อาจารย์ 20-10 คน คุมนักเรียน 6-10คน แล้วแต่มหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนจะได้รับคนไข้ใหม่ที่รับผิดชอบอย่างน้อย 50เคส(บางที่ก็รับส่งต่อจากรุ่นพี่ด้วยอีก30-50เคส และก่อนจบต้องถอดเครื่องมืออย่างน้อย 30เคส หรือต้องกลับมาเก็บเคสตนเองให้หมด แล้วแต่หลักสูตรของสถาบัน) นอกจากนี้ยังต้องมีการทำสัมมนา รวมรวมข้อมูลงานวิจัยต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงเทคนิค ข้อดีข้อเสีย หลักการต่างๆ ในทางทันตกรรมจัดฟันเพิ่มเติม
การที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน อย่างน้อยต้องปฏิบัติงานมาอย่างน้อย 3000 ชั่วโมง การฝึกปฏิบัติงานในมหาลัย ปีละ 1000ชั่วโมง
ระยะเวลาการเรียนนอกระบบ -- 6เดือนถึง 2ปี แต่เรียนสัปดาห์ละ 1-2วัน หรือเดือนละ 1-2 วัน คนสอน บางคนเคยเป็นอาจารย์ บางคนก็ไม่เคยเป็นอาจารย์ อาจารย์ 1ท่าน ต่อ คนเรียน 30-80คน มีบางหลักสูตรเรียนโดยไม่ได้ทำคนไข้เลย ให้ออกไปหาคนไข้ทำเองข้างนอก หลักสูตรที่ดี ก็อาจจะมีบ้างแต่อย่างที่จขกท บอก เทรนกัน70-80% ก็ยากที่จะบอกได้ว่าหลักสูตรไหนดี และก็อย่างที่จขกท. บอกว่าหมอนอกระบบดีๆ ก็มี
4.ส่วนที่บอกว่าทันตแพทย์จัดฟันในระบบขาดแคลนนั้น ตอนนี้ราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยก็ได้เร่งผลิตทันตแพทย์จัดฟัน โดยจะเห็นได้จากการเพิ่มมหาวิทยาลัยที่สามารถเปิดหลักสูตรเฉพาะทางจัดฟันได้ และในมหาวิทยาลัยที่เคยเปิดแล้วก็เพิ่มหลักสูตรเพื่อที่จะสามารถรองรับการผลิตทันตแพทย์จัดฟันเพิ่มขึ้นได้อีก อนาคตก็คงจะมีทันตแพทย์จัดฟันในระบบเพิ่มขึ้นครับ
5.ตามข้อ 6 ที่บอกว่าทันตกรรมจัดฟันไม่มีหลักสูตร 1-2 ปีในมหาวิทยาลัย เนื่องจากการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันนั้นต้องใช้เวลานานในการรักษากว่าจะจบเคสสักเคส นอกจากนี้แต่ละเคสยังมีความต่างกันไม่เหมือนกันสักเคส ดังนั้นการที่จะทำจัดฟันที่ดีได้ ควรจะต้องมีประสบการณ์มากหน่อย อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์นานหน่อย เพื่อที่จะดูออกได้ว่าเคสนี้ควรวางแผนการรักษาแบบไหน ควรถอน ไม่ควรถอน ถ้าถอนจะถอนซี่ไหน ทางเลือกในการรักษาอื่นนอกจากการถอนมีหรือไม่ หากจัดๆไปแล้วเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่นฟันเบี้ยวหรือล้ม จะต้องจัดการอย่างไร ซึ่งยอมรับเลยว่าค่อนข้างจะลำบากหากต้องหาอ่านและศึกษาด้วยตัวเอง เพราะส่วนมากจะเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ และไม่มีกฏตายตัวว่าเคสแบบนี้ต้องรักษาอย่างนี้ ไม่มีขั้นตอนแบบ cook book ดังนั้นหมอที่ยังไม่มีประสบการณ์จึงต้องอาศัยประสบการณ์จากอาจารย์หลายๆ ท่านซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลานานอย่างนี้แหละครับ
สุดท้ายนี้เห็นด้วยกับความคิดเห็น 2-2 สุดท้ายขึ้นกับคนที่รับการรักษาว่าจะตัดสินใจรักษากับใคร โดยพื้นฐานของข้อมูลที่มีในมือละกันครับ
1.ที่จขกท.บอกว่าทันตแพทย์จัดฟันในระบบมีชื่ออยู่ใน "สมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทย" นั้น ความจริงต้องเป็น สมาคมทันตแพทย์ "จัดฟัน"แห่งประเทศไทย (www.thaiortho.org) นะครับ เพราะถ้าเสิร์ชสมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทยก็จะเจอชื่อหมอทุกคนนั่นแหละครับ
2.ที่ได้ วุฒิบัตร/อนุมัติบัตรนั้น ทันตแพทย์จัดฟันในระบบ ไม่ได้จบแล้วได้วุฒิบัตร หรืออนุมัติบัตรโดยอัตโนมัติ จะต้องสอบ ซึ่งหากสอบตกก็จะไม่ได้ และหมอจัดฟันนอกระบบก็สามารถสอบอนุมัติบัตรหรือวุฒิบัตรได้หากมีประสบการณ์การทำงานถึง 5 ปี ตามหลักเกณฑ์ลิงค์ด้านล่าง
https://www.royalthaident.org/files/exam/04_2560_20171221.pdf
3.ขอชี้แจงถึงความแตกต่างระหว่างการอบรมในระบบและนอกระบบ แล้วให้ผู้อ่านลองพิจารณาดูนะครับ
ในระบบ -- เรียน 3 ปี จันทร์ ถึง ศุกร์ เหมือนเรียนปริญญาตรี อาจารย์ 20-10 คน คุมนักเรียน 6-10คน แล้วแต่มหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนจะได้รับคนไข้ใหม่ที่รับผิดชอบอย่างน้อย 50เคส(บางที่ก็รับส่งต่อจากรุ่นพี่ด้วยอีก30-50เคส และก่อนจบต้องถอดเครื่องมืออย่างน้อย 30เคส หรือต้องกลับมาเก็บเคสตนเองให้หมด แล้วแต่หลักสูตรของสถาบัน) นอกจากนี้ยังต้องมีการทำสัมมนา รวมรวมข้อมูลงานวิจัยต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงเทคนิค ข้อดีข้อเสีย หลักการต่างๆ ในทางทันตกรรมจัดฟันเพิ่มเติม
การที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน อย่างน้อยต้องปฏิบัติงานมาอย่างน้อย 3000 ชั่วโมง การฝึกปฏิบัติงานในมหาลัย ปีละ 1000ชั่วโมง
ระยะเวลาการเรียนนอกระบบ -- 6เดือนถึง 2ปี แต่เรียนสัปดาห์ละ 1-2วัน หรือเดือนละ 1-2 วัน คนสอน บางคนเคยเป็นอาจารย์ บางคนก็ไม่เคยเป็นอาจารย์ อาจารย์ 1ท่าน ต่อ คนเรียน 30-80คน มีบางหลักสูตรเรียนโดยไม่ได้ทำคนไข้เลย ให้ออกไปหาคนไข้ทำเองข้างนอก หลักสูตรที่ดี ก็อาจจะมีบ้างแต่อย่างที่จขกท บอก เทรนกัน70-80% ก็ยากที่จะบอกได้ว่าหลักสูตรไหนดี และก็อย่างที่จขกท. บอกว่าหมอนอกระบบดีๆ ก็มี
4.ส่วนที่บอกว่าทันตแพทย์จัดฟันในระบบขาดแคลนนั้น ตอนนี้ราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยก็ได้เร่งผลิตทันตแพทย์จัดฟัน โดยจะเห็นได้จากการเพิ่มมหาวิทยาลัยที่สามารถเปิดหลักสูตรเฉพาะทางจัดฟันได้ และในมหาวิทยาลัยที่เคยเปิดแล้วก็เพิ่มหลักสูตรเพื่อที่จะสามารถรองรับการผลิตทันตแพทย์จัดฟันเพิ่มขึ้นได้อีก อนาคตก็คงจะมีทันตแพทย์จัดฟันในระบบเพิ่มขึ้นครับ
5.ตามข้อ 6 ที่บอกว่าทันตกรรมจัดฟันไม่มีหลักสูตร 1-2 ปีในมหาวิทยาลัย เนื่องจากการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันนั้นต้องใช้เวลานานในการรักษากว่าจะจบเคสสักเคส นอกจากนี้แต่ละเคสยังมีความต่างกันไม่เหมือนกันสักเคส ดังนั้นการที่จะทำจัดฟันที่ดีได้ ควรจะต้องมีประสบการณ์มากหน่อย อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์นานหน่อย เพื่อที่จะดูออกได้ว่าเคสนี้ควรวางแผนการรักษาแบบไหน ควรถอน ไม่ควรถอน ถ้าถอนจะถอนซี่ไหน ทางเลือกในการรักษาอื่นนอกจากการถอนมีหรือไม่ หากจัดๆไปแล้วเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่นฟันเบี้ยวหรือล้ม จะต้องจัดการอย่างไร ซึ่งยอมรับเลยว่าค่อนข้างจะลำบากหากต้องหาอ่านและศึกษาด้วยตัวเอง เพราะส่วนมากจะเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ และไม่มีกฏตายตัวว่าเคสแบบนี้ต้องรักษาอย่างนี้ ไม่มีขั้นตอนแบบ cook book ดังนั้นหมอที่ยังไม่มีประสบการณ์จึงต้องอาศัยประสบการณ์จากอาจารย์หลายๆ ท่านซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลานานอย่างนี้แหละครับ
สุดท้ายนี้เห็นด้วยกับความคิดเห็น 2-2 สุดท้ายขึ้นกับคนที่รับการรักษาว่าจะตัดสินใจรักษากับใคร โดยพื้นฐานของข้อมูลที่มีในมือละกันครับ
แสดงความคิดเห็น
ความจริงเกี่ยวกับทันตแพทย์ที่จัดฟัน ในประเทศไทย ในมุมองของผม
ทันตแพทย์จัดฟัน จะมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่
กลุ่มที่ 1 เรียกว่า ทันตแพทย์จัดฟันในระบบ คือ ทันตแพทย์ที่ อบรม ในมหาวิทยาลัย ประมาณ 2-3 ปี
ซึ่งจะมีชื่ออยู่ใน สมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทย กลุ่มนี้จะถูกอบรม การจัดฟันทั่วไป
การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัด การรักษาคนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นต้น
โดยกลุ่มนี้จะเป็นทันตแพทย์ที่เรียนต่อในมหาวิทยาลัย ในหรือต่างประเทศ ที่ได้วุฒิบัตรและ อนุมัติบัตร
กลุ่มที่ 2 เรียกว่า ทันตแพทย์จัดฟันนอกระบบ คือ ทันตแพทย์ที่อบรม กับอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย
ที่ไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว ซึ่งจะมีหลายสำนัก แล้วแต่ทันตแพทย์จะเลือกเรียน โดยจะอบรม
ประมาณ 1-2 ปี ซึ่งจะไม่มีรายชื่อสมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทย เพราะสมาคมจัดฟันไม่รับรอง
โดยอาจารย์จะใช้หลักสูตรและตำราเดียวกับในมหาวิทยาลัย และส่วนใหญ่ อาจารย์จะเป๋นทันตแพทย์ในระบบ
กลุ่มนี้จะอบรมเฉพาะการจัดฟันทั่วไป เช่นการแก้ปัญหาการซ้อนเก ฟันค่อม ฟันห่าง เป็นต้น จะไม่ได้อบรม
การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัด การรักษาคนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่ เพราะ ระยะเวลาการอบรม และการที่ไม่ได้
อยู่ในมหาวิทยาลัย จึงไม่มีเครื่องมือในการอบรม
ทันตแพทย์ในกลุ่มนี้ จะมี ตั่งแต่ทันตแพทย์ ทั่วไป ทันตแพทย์ที่จบเฉพาะทางด้านอื่นๆ ทั้งอนุมัติบัตร
และวุฒิบัตร อาจารย์ทันตแพทย์ในมหาวิทยาลัย ทันตแพทย์ที่จบปริญญาเอกจากต่างประเทศ
ที่ไม่ได้เรียนด้านด้านจัดฟัน แต่สนใจอบรมการจัดฟันระยะสั้น
ทันตแพทย์จัดฟันนอกระบบเกิดจาก ทันตแพทย์จัดฟันในระบบ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ที่มีปัญหา
และทางสมาคมทันตแพทย์จัดฟัน เพิกเฉยที่จะฝึกอบรมทันตแพทย์ให้มีจำนวนมากขึ้น
สรุป ความจริง
1. ทันตแพทย์ที่จัดฟันในประเทศไทย ส่วนใหญ่ เป็นทันตแพทย์นอกระบบ น่าจะ 70- 80%( 2,000-3,000คน)
ที่เหลือเป็น ทันตแพทย์ ในระบบ มี 3-500 คน ในจำนวนทันตแพทย์ของ ประเทศไทยทีมีทันตแพทย์ ประมาณ 15,000 คน
ดังนั้น หากคุณจัดฟันกับ ทันตแพทย์นอกระบบ คุณคือคนส่วนใหญ่
2.หากแบ่งระดับความยากง่ายของการจัดฟัน จะแบ่งได้ 3 ระดับ ง่าย ปานกลาง ยาก
ทันตแพทย์นอกระบบจะมีความสามารถในระดับง่ายและปานกลาง ซึ่งประมาณ 80 % ที่คนจะมีปัญหาในระดับนี้
3. สมาคมทันตแพทย์จัดฟันที่ออกมาบอกให้ดูรายชื่อเป็น หมอจัดฟันรึเปล่า ไม่ใช่เพราะความหวังดี
แต่เป็นเพียงการตลาด (เพื่อให้ดูแพงขึ้น) ขยายความในความคิดเห็นที่ 8
4. สมาคมทันตแพทย์จัดฟัน เป็นสมาคมเดียวที่ออกมาบอกให้ดูรายชื่อ สมาคมอื่นๆ เช่น รักษารากฟัน ปริทันต์
ศัลยกรรม ฟันปลอม ไม่เคยเห็นออกมาบอกแบบนี้
5. สมาคมทันตแพทย์จัดฟัน จัดประชุม หรือ อบรมให้ทันตแพทย์ทั่วไปเข้าร่วมน้อยมาก เมื่อเทียบกับสมาคมอื่นๆ
(หากหวังดีที่จะให้คนทั่วไปจัดฟันได้ดีจริงๆ ก็ควรจะฝึกอบรมหรือประชุมทันตแพทย์มากกว่าบอกให้ดูรายชื่อ)
6.การจัดฟัน เป็นสาขาเดียวที่ไม่มีการอบรม 1-2 ปีในมหาวิทยาลัย
7. ทันตแพทย์นอกระบบ จัดฟันไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่น่ากลัว คือ ทันตาภิบาลบางคน
หรือนักศึกษาทันตแพทย์ที่เรียน ไม่จบ(ออกกลางคัน) มารักษาจัดฟัน แบบนี้ผิดกฏหมาย
8. การจัดฟันแล้วมีปัญหา มีทั้ง ทันตแพทย์ นอกระบบ และ ในระบบ ที่เห็นว่ามีทันตแพทย์ นอกระบบจัดฟันแล้วมีปัญหา
มากกว่า เพราะมีทันตแพทย์กลุ่มนี้มีจำนวนมากกว่า ความผิดพลาดที่เห็นจึงดูเหมือนมีมากกว่า หรือ รับการจัดฟันที่เกิน
ความสามารถของตัวเอง
9. ไม่สามารถบอกได้ว่าทันตแพทย์ นอกระบบ หรือในระบบ เก่งกว่ากัน เพราะต้องดูเป็น คนๆ ไป
เช่น หมอนอกระบบที่มีประสบการณ์สูง จัดฟันมานาน อาจจะเก่งกว่าหมอในระบบที่เพิ่งเรียนจบก็ได้
10.ในบางครั้ง ทันตแพทย์นอกระบบ ก็ส่งต่อการจัดฟันที่ยากให้ทันตแพทย์ในระบบ และบางครั้ง ทันตแพทย์
ในระบบก็ส่งต่อการจัดฟันให้กับทันตแพทย์นอกระบบที่มีประสบการณ์ ในงานที่เขาไม่ถนัด
11.บางคลินิกที่บอกเป็นทันตแพทย์เฉพาะทาง จะมีทั้งทันตแพทย์ ในและนอกระบบ เพราะ เป็นสามีภรรยากัน
12.การพบทันตแพทย์ที่จัดฟันในครั้งแรก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากคุณต้องการอะไร กับการจัดฟัน ให้บอกในวันนั้น
เพราะทันตแพทย์จะประเมิน และปฏิเสธ หากเกินความสามารถ เช่น คุณอยากแก้ ฟันยื่น ห่าง งุ้ม อยากให้ คางยื่น ยุบ
หรือหน้าเหมือนดารา ณเดชน์ ญาญ่า ให้รีบบอกนะครับ เพราะความคาดหวังของคุณ มีผลต่อความยาก ง่าย
ในการจัดฟัน และจะได้ไม่มีปัญหา ตอนสุดท้าย
13. บางอำเภอ หรือ บางจังหวัด ไม่มีทันตแพทย์ในระบบ
14. ทันตแพทย์ นอก และใน ระบบ จะจัดฟัน ไปสุดจุดหมายเดียวกัน คือ ลักษณะสบฟัน ปกติ 6 ลักษณะ( 6 Keys)
15. ทันตแพทย์ ใน และนอก ระบบ ส่วนใหญ่ชอบจัดฟันระดับง่าย และทันตแพทย์ในระบบ บางคน ไม่จัดฟันระดับยากแล้ว
16. ทันตแพทย์ นอกระบบ ไร้จรรยาบรรณ ก็มี ทันตแพทย์ ในระบบ ไร้จรรยาบรรณก็มี
17. ทันตแพทย์ในระบบ แก้งานให้ ทันตแพทย์ ใน และ นอกระบบ ก็มี
ทันตแพทย์นอกระบบ แก้งานให้ทันตแพทย์ใน และ นอกระบบ ก็มี
18. ทันตแพทย์ นอกระบบ และ ในระบบ ซื้อ ของ วัสดุ อุปกรณ์จาก ร้านหรือ บริษัท เดียวกัน (ประมาณ 10-20 บริษัท)
19. ทันตแพทย์ ทั้งนอก และในระบบ ไม่มีใครอยากทำงาน ผิดพลาด
20. ดังนั้น การเลือก ทันตแพทย์จัดฟัน แนะนำให้ดูว่า เป็นทันตแพทย์ นอกหรือในระบบ เป็นส่วนประกอบหนึ่งใน
ตัดสินใจเท่านั้น (ไม่ใช่สิ่งทีจะใช้ตัดสินว่าจะรักษากับหมอคนนี้หรือไม่ เพราะคุณอาจพลาดที่จะได้รักษากับ
ทันตแพทย์ที่ดีก็ได้)
ปัจจัยที่ใช้ต้ดสินใจในการเลือกคลินิกจัดฟัน มีความแตกต่างกันไป
บางคนเลือกที่ ทำเลที่ตั้ง : ใกล้ ไกล
บางคนเลือกที่ ราคา : ประหยัด
บางคนเลือกที่ รูปลักษณ์ ของคลินิก : สวยถูกใจ
บางคนเลือกที่ มีคนแนะนำ
บางคนเลือก ที่ เป็น ทันตแพทย์ นอก หรือในระบบ
ซึ่งขึ้นอยู่อยู่กับความชอบของแต่ละคน
ยกตัวอย่าง เช่น ในระยะ 20 กม. จากที่พัก หรือ ใน อำเภอหรือ ใน จังหวัด ไม่มีทันตแพทย์ในระบบ
ก็ที่จะสามารถปรึกษา ทันตแพทย์นอกระบบได้ หากเป็นฟันที่อยู่ในระดับง่ายหรือ ปานกลาง
ผลลัพธ์ อาจแตกต่างกับ ทันตแพทย์ในระบบไม่มากนัก ดีกว่า ที่จะต้องเดินทางไกลๆ หรือ ข้ามจังหวัด ทุกเดือน
ซึ่งมีความเสี่ยง ในการเดินทาง และ มีค่าเดินทางที่มากขึ้น
หรือในละแวกที่พัก มีทันตแพทย์ในระบบ แต่ราคาแพง หากรู้สึกว่า ค่าใช้จ่าย ทำให้เกิดความลำบาก
ก็สามารถ ลองสอบถามทันตแพทย์ นอกระบบ ที่ราคาประหยัดกว่าได้
แต่ถ้ามีความคาดหวังกับการจัดฟันสูง หรือรู้สึกว่าตัวเอง เป็นฟันแบบยาก หรือ
ต้องการจัดฟันกับทันตแพทย์ในระบบเท่านั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้
ที่อธิบายเพื่อให้ประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ รับรู้ความจริง บางส่วน ในมุมมองของผม
เพื่อนำไปพิจารณาหา คุณหมอที่จะจัดฟันให้ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
หากมีทันตแพทย์เข้ามาอ่าน สามารถแสดงความคิดเห็นได้นะครับ เพื่อให้ประชาชนคนทั่วไป
ได้ประโยชน์สูงสุด