เชียงใหม่ 4-9 มกรา ทริปปล่อยใจไปกับเธอ

นานาปีใหม่
ทริปนี้เกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเมื่อ 7 เดือนก่อนได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง แล้วเค้าก้อเข้ามาคุยด้วย คุยกันมาสักพักนึง เราต่างมีความรู้สึกดีๆต่อกัน และยุมาวันนึง ผู้ชายคนเดิมก้อบอกว่าถ้ามีโอกาศไปเที่ยวเหนือด้วยกันมั้ย?? เป็นผู้หญิงยิงเรือ อย่างเรา รอไรค่ะ เช็คสิค่ะ  เอ...ไปที่ไหนดี?? การหาอ่านรีวิวในพันทิป ทำให้เราได้ทริปที่อยากไปคร่าวๆ และแล้วเราก้อได้วันและสถานที่ และเวลาที่เราว่างตรงกัน ทริปนี้ถูกกำหนดขึ้น วันที่ 4-9 มกราคม 2018 สถานที่คือ "เชียงใหม่จ้าว"
จะให้ทริปนี้ไปกันแค่สองคน ก้อคงกระไรยุ เพราะนี่ถือว่าเดทแรกเลยก้อว่าได้ ก่อนหน้านี้เราก้อมีโอกาศคุยกับน้องสาว ลูกพี่ลูกน้องของเค้า และเราก้อเหมือนจะถูกคอกัน ชวนไปด้วยดีกว่า และแล้วทริปนี้ก้อมีด้วยกัน 4คน คือ เรา เค้า น้อง และแฟนน้อง อืม.... ทริปนี้ไม่ขี้ แต่คู่ 5555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ทุกคนพร้อม ไปกัน เย้ๆออกทะเล

การเดินทาง ของเราว่ากันด้วยสายการบิน สิงโต จากดอนเมืองไปเชียงใหม่ เวลาเทคออฟท์ 22:40 โชคดีมากที่ไม่มีอะไรติดขัด แอร์แอบสวยเกินหน้า แต่ไม่เป็นไร ให้อภัยกันได้ 5555
พวกเรามาถึงสนามบินเชียงใหม่ ราวๆเที่ยงคืน เห็นจะได้ สนามบินก้อยังคงมีผู้คนพลุกพล่านยุบ้าง เราได้เรียกแท๊กซี่ไปส่งที่โรงแรม ขอบอกว่า ไปในช่วงการท่องเที่ยวเชียงใหม่พีคขนาดนี้ ที่พักหรือโรงแรม เต็มค่ะ ตัวเลือกที่มียุไม่มากสักเท่าไหร่ ที่แบบรีวิวสวยๆถูกใจ ราคาดับเบิ้ล ทริปเปิ้ลกันทั้งนั้น พวกลูกน้อยหอยสังข์อย่างเรา ก้อไปเท่าที่ไหว เนอะ 5555

Destiny ปลายทางของค่ำคืนนี้คือโรงแรมฮ๊อบอินน์  ที่เลือกที่โรงแรมนี้ เพราะเป็นโรงแรมใหม่ และเป็นโรงแรมในเครือ ซึ่งการรักษาระดับเกรดจะค่อนข้างไว้ใจได้ และราคาก้อเป็นกันเอง สบายๆ จากสนามบินไปโรงแรมไม่ไกลมาก นั่งรถประมาณ 15 นาที ราคาแท๊กซี่ยุที่ 200 บาท เม่าออกรถ


แต่วันที่เราเข้าพักคือวันที่4 ซึ่งราคาห้องพักยุที่ประมาณ 950 บาท / คืน ต่อห้อง
เราจองผ่านบุคกิ้ง.คอม

ถึงโรงแรมก้อทำการเช็คอิน เรียบร้อย เหลือบดูเวลาก้อเกือบจะเวลา 00:30  ห้องพักที่เราได้จองมา เป็นสองห้องนอน เตียงเดี่ยว และเราก้อได้ห้องติดกัน 307 และ 309 ซึ่งอย่างที่บอกห้องกว้าง และใหม่ เตียงนุ่มน่านอนมาก ข้าวของยังใหม่และดูสะอาดตา ห้องน้ำไม่เล็กเกินไป น้ำไหลแรงมาก  
ป.ล รูปจากเน็ตนะค่ะ
สำหรับใครที่สงสัย ว่าเดทแรกเอาไงดี ใครนอนกะใครห้องไหน อมยิ้ม07 [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อ่ะๆ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตอนนี้เรามาเริ่มการออกทริปกันค่ะ โปรแกรมทริปของเช้าตรู่เกือบจะไม่ได้นอนของเราวันนี้คือ การเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยอ่างขาง ซึ่งน้องได้มีคนบ้านเดียวกัน อาสาหารถตู้และเป็นไกด์ให้เราด้วย ทริปนี้ถ้าจะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่างขาง เราต้องออกเดินทางจากโรงแรมตอนตีสาม !!!!!
ค่ะ พิมพ์ไม่ผิดค่ะ ตีสาม ทรี-โอ-คร๊อค  3 o'clock นี่แหละ ตีสองงล้าวววว ยังไม่ได้นอนเบยยย....
มาทำการรู้จัก ดอยอ่างขางกันก่อนสักนิดเนอะ
ดอยอ่างขาง อยู่ในเขตอำเภอฝางตอนบนของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหุบเขาล้อมรอบพื้นที่แอ่งตรงกลางลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยม ซึ่งแต่เดิมพื้นที่ตรงกลางนี้เป็นภูเขาหินปูน แต่เมื่อถูกน้ำฝนชะล้างเป็นเวลานานจึงเป็นโพรงและยุบตัวลงเป็นแอ่งพื้นที่ราบ คำว่าอ่างขางจึงหมายถึงอ่างสี่เหลี่ยมในภาษาเหนือนั่นเอง ดอยอ่างขางตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านคุ้มหมู่ที่ 5 ตำบลยิ้มอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยจากสี่เผ่า ได้แก่ ไทยใหญ่ มูเซอดำ ปะหล่อง และจีนฮ่อ

การเดินทางจากในตัวเมืองถึงดอยอ่างขาง มีระยะทาง 176 กม. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม. 23 นาที
ออกจากโรงแรมตีสาม ถึงยอดดอยราวๆ 06.30 ถึงช้ากว่านี้คงไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นแน่นอน.... ดูนาฬิกาขณะนี้ตีสองสิบห้า อ้ากกกกกก!!!!
เผลอหลับไปแป๊บนึง สะดุ้งตื่นกับเสียงนาฬิกาปลุก ตีสามแล้วเหรอเนี๊ยะ ลืมตางัวเงีย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ไม่มีเวลามามโน อาบน้ำแต่งตัวอย่างไว รถตู้รอยุด้านล่างแล้ว พวกเราทำการเช็คเอ้าท์เลยในตอนนั้น แอบเสียดาย นอนน้อยไปนะ ฮ๊อปอินท์ ไว้คราวหน้าเนอะ...บายยยย
และเราก้อเดินทางมุ่งหน้าไปดอยอ่างขางทันที บรรยากาศในรถ เงียบ....ช่ายค่ะ นานานอน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ การเดินทางในช่วงเวลาที่ยังมืดยุ ทำให้มองไม่เห็นทาง แต่มีความรู้สึกว่า เส้นทางพอออกนอกเมืองมา ช่างคดเคี้ยวและสูงชันยิ่งนัก ใครที่ไม่คุ้นเส้นทางขับรถต้องระวังให้มากนะ บางช่วงเป็นโค้งหักศอกที่น่ากลัวมาก สามชั่วโมงต่อจากนี้ หลับวนไปค่ะ ....... ราวๆ เกือบหกโมงเช้า ลืมตาขึ้นมา มองเห็นหมอกบนยอดเขาระหว่างทาง สวยงามตื่นตาตื่นใจมาก  ประมาณหกโมงครึ่งและแล้วเราก้อมาถึงอ่างขาง ไม่รอช้า จอดรถปุ๊บคนนำทางบอกให้เราเดินทางไปที่จุดชมวิวอ่างขางทันที เส้นทางเดินเป็นทางเล็กๆ ที่ลื่นและมีของฝากจากน้องม้า เป็นกองๆ พะเนินสูงเชียว เดินมาสักพัก เราก้อจะมาถึงจุดรอพระอาทิตย์ ดอยอ่างขาง แต่มันไม่ได้โรแมนติกอย่างใจฝัน ภาพที่คิดว่าจะมีแค่เราเท่านั้น ดับฝันค่ะ 20คนเห็นจะได้รอยุก่อนแล้ว พวกเราก้อไม่ยอมแพ้ แทรกตัวฝ่าฝูงชน หาจุดนั่งรอกับเขาจนได้ ทุกคนที่มา มาจากที่ไหนกันนะ ตื่นนอนกันตอนไหน แล้วทำไมเราถึงมีเป้าหมายเดียวกันเนอะ แอบคิด และมองรอบๆกาย สายตาของทุกคนที่เฝ้ารอเจ้าพระอาทิตย์ ดูตื่นเต้นเสียจริง ภาพที่ยุตรงหน้าคือ ทะเลหมอกกว้างสุดตา อากาศที่เย็บจับใจ คนข้างๆที่ทำให้หัวใจอบอุ่น มองดูรอบๆ หลายๆคนกำลังถ่ายรูปเซลฟี่ ถ่ายรูปกลุ่ม รูปคู่ รึแม้กระทั่งการเช็ทกล้องอย่างมืออาชีพ เช็คแสง และรอชัตเตอร์  รอพระอาทิตย์กันอย่างใจจดใจจ่อ แสงสีทองค่อยๆผ่านมาเล็กๆ ทุกคนเงียบและเฝ้ารอ ....... 20นาทีผ่านไป
สายตาแห่งความผิดหวังมาเยือน เมื่อเสียงตะโกนมาว่าวันนี้ไม่เห็นแล้ว หมอกเยอะเกินพระอาทิตย์ไปขึ้นที่อื่นแล้ว แยกย้ายๆครับ เม่าในกองไฟ
เราก้อเดินทางสายเล็กๆสายเดิมกลับมาที่รถ ระหว่างทางก้อเจอคนที่เดินสวนมา เพื่อเป้าหมายเดียวกัน และผิดหวังเช่นเดียวกัน
.................................
ตอนนี้ ทำไงดีละ เหลือบเห็นร้านข้าวต้มและตลาดเช้าบนดอย เดินดูสักหน่อยสิ มีทั้งผัก ผลไม้ และของฝาก ของที่ระลึกจากดอยเยอะแยะ ตอนนี้หิววววล้าววววว กินข้าวต้มกัน มีร้านข้าวต้มอยู่สาม สี่ ร้าน เราก้อแวะเติมพลังกันก่อน

โจ๊กเห็ดหอม ขนมจีบ ซาลาเปา และชาดอกมะลิ รองท้องกันไป ขอบอกว่าขนมจีบร้านแรกบนดอยอ่างขาง อร่อยเฟร่อร์ หน้าตาอาจจะไม่สวยสักเท่าไหร่ แต่รสชาติ สิบดาวจร้า
ค่ะ ณ ขณะนี้ อารมณ์ไม่ดี ไม่มีรูปปรระกอบค่ะ เศร้ามาผิดหวังกับพระอาทิตย์ ดีหน่อยขนมจีบอะหย่อยยยย และมียิ้มจากคนข้างๆให้อุ่นใจ

หลังจากกินอิ่มแล้ว เดินทางกันต่อจร้า ป้ายหน้า   "ไร่ชา 2000" ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งบนดอยอ่างขางที่มีความงดงามเป็นอีกจุดหนึ่งซึ่งไม่ควรพลาด ริ้วลายของแปลงชา ที่ไล่ระดับลดหลั่นกันตามเนินของภูเขา ไกลสุดลูกหูลูกตา ผสมผสานเคล้ากันกับสายหมอก ที่แห่งนี่ถือว่าเป็นที่สุดของการชาร์ทแบตให้ร่างกายอย่างแท้จริง ด้วยพลังสีเขียวจากใบชา สูดหายใจให้เต็มปอด สูดอ๊อคซิเจนให้ร่างกาย วิถีสโลว์ไลฟ์ที่แค่ได้มอง เหมือนดึงวันเวลาที่แสนยุ่งๆของเราให้หยุดไปกับช่วงบรรยากาศ ณ ที่แห่งนี้


ดื่มด่ำความสดใสของความเขียวขจีของยอดชา ตอนนี้ออกเดินทางกันต่อ ได้เวลาไปเก็บสะตอ เอ้ย สตอร์เบอรี่ที่ขอบด้งแล้วจร้า ใครอยากไปตามมานะ รออยู่ .....

ขอบคุณภาพจาก chatchaipithakthammanart ด้วยนะค่ะ
หมู่บ้านขอบด้ง เป็นหมู่บ้านของชาวมูเซอดำ ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณสันขอบอ่างระหว่างเขตดอยอ่างขางและอำเภอฝาง ห่างจากสถานีเกษตรหลวงอ่างขางไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นจุดให้บริการอาหารและที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว และยังเป็นที่จำหน่ายสินค้าหัตถกรรม ของที่ระลึก และผลไม้ดอง และวันนี้เราจะมาเก็บสตอเบอรี่สดๆจากแปลงของที่นี่กันค่ะ
มาถึงหมู่บ้านขอบด้ง เราก้อเดินชมหมู่บ้านและวิถีชีวิตของพวกเค้ากันค่ะ ชีวิตช้าๆ ไม่รีบร้อน ภาษาท้องถิ่นไม่คุ้นหู แต่เพราะไปอีกแบบ
วันนี้ฝนปรอยๆ เส้นทางเป็นโคลน รองเท้าผ้าใบหนักโคลนเป็นกิโล เหลือบเห็นเด็กน้อยเดินไม้ไผ่มาน่ารักดี
เด็กน้อยเล่นกัน อย่างสนุกสนาน เห็นแล้วย้อนวันวานนึกถึงวันเก่าๆ เป็นเด็กก้อดีนะ ไม่เหนื่อย
ติดตามทริปกันต่อ ด้านล่างคอมเม้นนะค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่