ประสบการณ์อาชีวะ 3 ปี

สวัสดีครับ ในกระทู้นี้ ผมจะเล่าประสบการณ์ 3 ปี ในรั้ว "อาชีวะ" ที่ตัวผมเองได้ผ่านมา
มันอาจช่วยให้น้องๆ หรือผู้ปกครองบางคนที่กำลังตัดสินใจ จะเข้าเรียนต่อสายอาชีพ ดีมั้ย ?
ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ในการเรียนที่เน้นการปฏิบัติงาน เป็นหลัก มันมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้น
เป็นสิ่งที่ เรียกว่า "ประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้" ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเหมือนบทเรียนของชีวิต
การมาเรียนอาชีวะ  ทำให้ตัวผมเองเปลี่ยนจากเด็กน้อย เป็นเด็ก ที่ไม่โตแต่ตัว


ในตอนที่ ผมอยู่ ม.3 ในตอนนั้น ครูแนะแนว ก็มาให้คำแนะนำในการเรียนต่อกับนักเรียนในชั้น
คุณครูได้เปิดวิดีโอ แรงงาน ที่ใช้ทักษะทางวิชาชีพ มันได้จุดประกาย จุดหมายในชีวิตของผม
ผมคิดอยู่หลายวัน ปรึกษากับเพื่อนๆ ว่ามีใครต่ออะไรกันบ้าง ส่วนมากก็ต่อ ม.ปลายกัน
ปรึกษาพ่อแม่ ท่านก็บอกว่าแล้วแต่ตัวผมเองเลย ว่าจะเลือกเรียนอะไร
ส่วนตัว มีประสบการณ์การสอบ O-NET ที่ตัวเองนั้นได้คะแนน้อยมากๆ
ถ้าเลือกเรียนต่อ ม.ปลาย ก็คงไม่รอดแน่ เลยเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ เราเลือกมาเรียนสายนี้
สอบถามใครๆ ก็บอกว่า เรียนช่าง มันง่ายๆ เน้น ทำมากกว่า ( พอมาเรียนจริงๆ หึหึ )
เมื่อวันที่ผมได้รู้ว่า มีโควตา มาจากวิทาลัยเทคนิค ผมไม่รอช้าที่จะไปขอใบสมัครจากครูแนะแนว
แต่ครูกลับ ไม่ให้สมัครผม เพราะผมไม่มีทางเรียนจบแน่ๆ ครูแนะแนวพูดกับผม
แต่อะไรก็หยุดผมไม่ได้ ในเมื่อผมมาคิดทบทวน ดูแล้ว จะจบไม่จบก็อยู่ที่ตัวเรา
ดังนั้น ผมจึงไปสมัครโควตา ที่วิทยาลัยในวันถัดมา กับคุณพ่อ
ทางบ้านก็ไม่มีใครว่าอะไร ส่วนเพื่อนๆ ก็ยังไม่รู้ ในวันที่ผม มาสมัครเรียนต่อ
ก้าวแรกที่เดินเข้ามา ในรั้ววิทยาลัย ภาพลักษณ์ของอาชีวะ มันก็เด้งขึ้นมา
มันเป็นภาพลักษณ์ ที่มีแต่เรื่องไม่ดี เด็กอาชีวะ ต้องตีกัน ต้องเถื่อน อยู่กันเป็นกลุ่ม
แต่ทุกอย่างกับผิดไป ไม่เหมือนที่ออกข่าว ไม่เหมือนที่เค้าเล่ากันมา
สื่งที่รู้สึกได้หลังจากเข้ามา คือ ทุกอย่างเงียบสงบ ปรกติ นักเรียน นักศึกษา
ก็นั่งจับกลุ่มกันแบบเรียบร้อย ทุกอย่างดูแปลกไปจากความคิดของผม
ผมตั้งใจไว้เลยว่า จะเรัยนให้จบ แล้วมองไปที่ห้องสมัคร จากนั้นเดินเข้าไป
กรอกใบสมัคร หลังจากนั้น เมื่อกรอกเสร็จ คุณครูที่อยู่ในห้อง ก็เริ่มการสัมฯ
ประกอบการสมัคร
ทำไมถึงอยากเรียนที่นี่

ผมอยากเรียนที่นี่

คิดว่าจะติดมั้ย

ติดครับ

ผมจำได้เพียงเท่านี้ ในบทสนทนาการสัมฯ วันนั้น
ผมค่อนค้างที่จะมั่นใจ ที่ตัวเองจะติด แบบไม่มีเหตุผลเลย
การรอวันประกาศรายชื่อ ไม่นานานัก ก็รู้ว่าผมนั้นได้มีสิทธ์เข้าเรียน
แต่ก็ยังไม่ได้บอกเพื่อนๆ เมื่อถึงวันที่ไปมอบตัว ซื้อเสื้อผ้า
ทุกอย่างปรกติดี ก็ได้ฤกษ์ บอกเพื่อนๆ สักที ทุกคนต่างพากัน ตกใจ
ต้นฉบับของห้อง จะย้ายไปเรียนอาชีวะ เพื่อนๆ พากันกล่อม
ให้เรียนต่อ ม.ปลาย ด้วยกัน แต่ก็เปลี่ยนใจผมไม่ได้
(จ่ายค่าเทอมไปแล้วนี่หว่า)
ห้องมี ผญ. 25 คน ผช. 5 คน ก็ไม่อาจรั้งเส้านทางชีวิตผมไว้ได้
ในวันสุดท้ายที่จะยังเป็นเด็ก ม.ต้น อยู่ เพื่อนๆ พากันงอล ไม่คุยด้วย
ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยปล่อยไป ทำตามใจของตัวเอง


ก่อนจะเข้าเรียนปี 1 ต้องมีการเข้าค่ายธรรมมะ เพื่อให้รู้จักกับเพื่อนๆ ก่อนเรียน
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก่อนเข้าศึกษา ผมได้ไปเข้าค่าย 3 วัน ที่วิทยาลัย
วันแรกผมก็มารายงานตัวที่วิทยาลัย ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ แต่เราก็ยังไม่คุยกัน
หลังจากนั้น ก็เข้าแถวเช็คชื่อ ช่วงบ่ายทำกิจกรรมนัททนาการ ร่วมกัน
ทำให้เริ่มพูดคุยกับเพื่อนมากขึ้น ได้เพื่อนใหม่ๆ เพื่อน ที่สังคมกว้างกว่า
ร้อยพ่อพันแม่ ของจริง เมื่อเข้าวันที่สอง ก็เริ่มทำการถามชื่อ ทำความรู้จักกัน
ทำกิจกรรมเหมือนๆ ค่าย ทั่วๆ ไป เน้นเฮฮา ปาติ้
เมื่อวันที่ 3 ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
มันทำให้ผมรู้สึกว่า การเรียนช่าง ก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย
ทุกอย่างดูปรกติ สุดๆ ไม่มีตีกัน ไม่มีรุ่น ไม่มีว้าก
ทำให้ผมเริ่มอยากเรียนไวๆ มากขึ้น


เมื่อการเรียนปี 1 ได้เริ่มขึ้น .................................................................
วันแรกที่เข้าไปเรียน ผมเองต้องปรับตัวเองอย่างมากเพื่อให้เข้ากับชีวิต วิทยาลัย
การเข้าแถวนั้นเราจะเริ่มที่ 7.40 น. สำหรับคนเข้าแถว 8 โมงมาตลอด
จะรู้สึกว่ามันเช้ามาก ผมต้องตื่นให้ไวมากกว่าเดิม บ้านผมห่างจากวิทยาลัย
20 กม. นั่นก็เป็นเรื่งปรกติ ที่จะต้องตื่นให้เช้า แต่สิ่งที่แปลกมากๆ สำหรับผมคือ
ที่นี่เค้าร้องเพลงชาติ ทำนอง อินดิ้มากๆ จะร้องกันประมาณว่า

ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติไทย (รอ รอนานมาก)
เป็นประชารัฐ (รอผู้กล้าเริ่มออกเสียง) ไผทของไทยทุกส่วน

กว่าผมจะปรับตัวได้ ค่อนข้าง ..... กันเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเราจะแร๊พ คติ อัตลักษณ์ ประจำวิทยาลัย
กว่าผมจะฟังออก ผมก็ขึ้น ปี 2 แล้ว
( เรื่องจริงนะ ไม่ได้อำ)

เช้าวันแรก ผมได้เจอกับครูที่ปรึกษา ห้องผม
ได้ทำความเข้าใจกับกฎระเบียบการเรียนที่นี่ ทำความรู้จักกัน
ครูที่ปรึกษา จะมี 2 คน ต่อห้อง 1 ห้องจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
เพราะนักเรียนเยอะ 40 คน ผมอยู่กลุ่ม 1
การเรียนในปี 1 นั้น เราจะเรียนรวมทุกช่าง หมายถึงว่า
ไม่ว่าคุณจะอยู่ช่างอะไร คุณก็ต้องไปเรียนพื้นฐานของช่างอื่นๆ ทุกช่าง (ยกเว้น ช่างก่อ เพราะช่างก่อ เหมือนจะมีแนวทางของตัวเอง)
ปี 1 ผมได้เรียนเกือบทุกช่าง เช่น
ช่างเชื่อม (เชื่อมกันแขนลอก ตาแชะเลยทีเดียวเชียว)
ช่างกล (งานเหล็ก พลาดแค่ 0.01 มม. หัก 3 คะแนน โครตโหด)
ช่างซ่อมฯ (วิชาตะไบ ในตำนอน เอ้ย นาน ทำ C - clamp )
ช่างยนต์ (ถอดประกอบเครื่องยนต์)
ผมเองเรียนช่างอิเล็กฯ ไม่รู้คิดไงลงช่างนี้ เออเนอะ
เราจะเริ่มเรียน 8.20 น. เลิกเที่ยง 12.20 เข้าเรียนบ่าย 13.20 เลิกเรียนแล้วแต่ว่าเราเรียนอะไร
ในตอนบ่าย ช้าสุด 18.30 น. ( ช่างเชื่อม 123 123 123 1)
การเรียนของปี 1 ผมพูดได้เลยว่า เข้มข้นมาก ถามอะไรเกี่ยวกับช่างตอบได้หมด
แถมทำได้ด้วย ฟิตมากๆ สำหรับคนที่ตั้งใจเรียน ส่วนคนที่ไม่ตั้งใจ
ก็จะออกไปกลางคัน ส่วนมากจะเป็คนที่มีปัญหาครอบครัว ทำให้ส่งผลมาถึงการเรียน
คนที่อยู่ก็ต้องสู้ต่อไป  การเลือกเพื่อนคบ มันก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะคบกับคนยังไง
คบคนติดเหล้า ก็พากันไม่เข้าเรียน ถ้าคบเพื่อนๆ ดี ก็เก่ง
ปี 1 ควรมี ใบขับขี่ จยย. นะ เพราะ ....น้ำตกมันไกล..
ส่วนตัวผมอาจเป็นทางสายกลางที่
ทำทุกอย่างของฝ่ายเจได และฝ่ายซิท เอ้ยไม่ใช่ละ
มันก็ต้องมีบ้างแหละที่จะโดเรียนไปดูหนัง ไปเมา ไปนู่นนั่นนี่
ผมโดดไปดูหนัง ที่โรงหนังบ่อยนะ เพราะวันปรกติคนน้อย ผมชอบ
แต่ก็ไมไ่ด้ทิ้งการเรียนนะ จบปี 1 ด้วยเกรด 3.8 (ไม่ก็ 3.76 เนี่ยแหละ)
และการเรียนด้านเนื้อหา ทฤษฎี ใครบอกว่าง่ายๆๆๆๆ อย่าไปฟังนะครับ
พวกนั้นกำลังหลอกคุณ เพราะอาจฟังต่อๆ กันมา หรือคิดเอาเอง
ผมบอกได้เลยว่า ถ้าเอาจริงๆ นะ ทฤษฎี เนี่ย ยากมาก
แต่ที่ผ่านไปได้เพราะ ....... เค้าปล่อยเด็ก ปล่อย **** (กลัวดราม่าจัง)
มันเลยผ่านกันไปได้ คำนวนเนี่ยแม่*** ถถถถ (พูดแล้วขึ้น)

ในความคิดที่ ต้องตีกัน มันไม่มีจริงเลย
เด็กเทคนิค เด็กสารพัดช่าง เจอกันก็ไม่ตีกัน
การได้เข้ามาอยู่ตรงจุดนี้ ทำให้ผมได้รู้ว่า
ข่าวมันนำเสนอเพียงด้านเดียว
เวลาอาชีวะ แข่งขันได้รางวัล ไม่เห็นมีลงข่าว
ประกวดสิ่งประดิษฐ์ เจ๋งๆ กลับเงียบ
หุ่นยนต์ ก็เงียบ
มันไม่โอเคนะ ที่อาชีวะ ยังติดภาพแย่ๆ แบบนั้นอยู่
สรุป ปี 1 ก็เจออะไรใหม่ๆ เพื่อนใหม่  สังคม ระเบียบ ปรับตัวกันไป
อาจมีเรื่องไม่ดีบ้าง พ่อแม่และเพื่อนเป็นตัวแปรสำคัญ
เรื่องเรียนก็ตามทีว่าไปเอาจริงก็ยาก เอาผ่านๆ ก็ไปได้
เรียนสบายๆ เหมือนมานอนเล่น เอ้ย ห้ามดราม่า นะ
บางวันมานอนละก็กลับ เพราะอะไร ไปถามเด็กอาชีวะดู
เรื่องดาร์กๆ เดี๋ยวเล่าแยกกระทู้


เดียวมาเขียนต่อ นอนละ ฝันดี นะคะ
.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่