ปลาข้องเดียวกัน ตัวหนึ่งเน่า ก็พลอยพาให้เหม็นไปด้วย
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงคนกลุ่มๆหนึ่งที่ประพฤติตนดี แต่กลับมีคนใดคนหนึ่งเกิดทำเรื่องเสื่อมเสียขึ้นมา ก็จะทำให้คนอื่นๆในกลุ่ม ถูกมองว่าไม่ดีพลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงปลาที่อยู่ในข้องเดียวกันหลายๆตัว หากมีปลาตัวหนึ่งเน่ามีกลิ่นเหม็น ก็จะทำให้ปลาตัวอื่นๆในข้องมีกลิ่นเหม็นติดไปด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.suphasitthai.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88
ทางการเมืองจะบอกเป็นปลาเน่าเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะแค่จะหายใจก็ลำบากเพราะถูกสังคมประนามหนัก
แต่ยังไม่ปรากฎความผิดชัดเจน เพียงแต่คนไม่เชื่อในคำพูด ว่าเป็นจริง แต่จะจริงหรือไม่จริงเมื่อตรวจสอบทางกฎหมาย ผิดคนเชื่อแน่นอน แต่ถ้ารอดคนในสังคมยังก็ไม่เชื่อเป็นเรื่องความเชื่อของคนในสังคมต่อคนคนหนึ่งเป็นส่วนตัว
คราวนี้กระบวนการตรวจสอบก็มีคนมองอีกว่า...จะลำเอียงช่วยเหลือกัน เพราะเคยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันมาก่อน
ปลาตัวนี้ก็เลยทำให้ปลาตัวอื่นมีกลิ่นไม่ดีไปด้วย เพราะอยู่ในข้องเดียวกัน คือทำงานอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เลยเป็นช่องทางให้คนที่ทั้งหวังดีและหวังร้ายโจมตีหนักไปด้วย
คนหวังดีก็อยากให้ ตัดนิ้วร้ายออกไปเสีย ไม่อยากให้ปะปนกับปลาตัวอื่นที่สดสะอาดดีอยู่ หวังให้ปลาในข้องที่เหลือ สามารถทำงานอย่างไร้คำครหาว่ามีเรื่องเน่าๆอยู่ในข้องเช่นปลาเน่าข้องอื่นที่เขาไม่ชอบ และไม่ดีกว่าปลาข้องอื่นเลย ไม่จัดการกับพวกเดียวกัน เล่นงานแต่คนอื่น
คนหวังร้ายก็ได้โอกาส เพราะกลุ่มของตัวเองมีแผลของปลาเน่าอยู่หลายตัว เมื่อเห็นปลาในข้องนี้มีแผลเน่าก็เลยช่วยกันชี้ให้คนอื่นดูแผล เยาะเย้ยว่าไม่ได้ดีกว่าปลาข้องของตัวเอง ปลาใหญ่ในข้องต้องรับผิดชอบ ไม่ควรว่ายน้ำอย่างเท่ๆอีกต่อไป ต้องตัดนิ้วโป้งออกไปด้วย ปลาใหญ่อยู่ในข้องที่ไม่สะอาดแล้ว ไม่แคล้วตัวเหม็นไปด้วย
ความเห็นส่วนตัว ปลาตายตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง สุภาษิตนี้เป็นเรื่องต้นน้ำ เมื่อมีคนไม่ดีมันก็เป็นปัญหาไปแล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าจะแก้ไขปัญหาปลาเน่าไม่ได้
การแก้ปัญหาอาจใช้วิธี "นิ้วไหนร้ายตัดนิ้วนั้น"
หมายถึง "ในกลุ่มในพวกที่มีจำนวนมาก แต่บังเอิญมีคนชั่วอยู่ด้วยก็ให้คัดออกเสียเฉพาะที่ชั่ว หรือถ้าจะลงโทษ ก็ควรลงโทษแต่เฉพาะคนชั่ว ส่วนคนที่ดีนั้น ก็ไม่ควรไปเหมาเอาว่าเป็นพวกเดียวกัน หรือชั่วไปหมดเสียทุกคนทีเดียวนัก"
ถ้าปลาตัวนี้สามารถชำระล้างแผลเน่าได้ ก็ยังคงมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่คนในสังคมประนาม เป็นเรื่องส่วนบุคคล
ส่วนปลาเน่าข้องอื่น เน่ากันมากมายหลายตัว กลายเป็นกลิ่นชินจมูกไปเสียแล้ว ไม่รู้สึกเหม็นปลาในข้องตัวเอง ไปเหม็นปลาข้องอื่นแทน
เรื่องของปลาเน่าตัวเดียว อย่าดึงให้ปลาสะอาดเหม็นไปด้วยเลย เรื่องอย่างนี้ตัวใครตัวมันอยู่ที่อุปนิสัยใจคอ
จริยธรรมส่วนตัว
คนดีๆนานๆจะมีมาให้เห็นสักคน รักษาไว้ให้ทำงานเพื่อบ้านเมืองจะดีกว่า !!!
ขอนำข้อเขียน...จากนายสะอาดถึงลุงตู่ จากเว็บไซต์ผู้จัดการมาให้อ่านค่ะ
คุณชวนจึงได้ฉายาว่าเป็น “นายสะอาด” หรือ “Mr.Clean” แห่งวงการเมืองไทย
เอาเป็นว่า ไม่มีใครกังขากับ “ความสะอาด” ของคุณชวนเลยก็แล้วกัน
ต้องยอมรับว่า คุณชวนก็ยังถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีคนรักอยู่มาก และยังคงมีภาพลักษณ์ของคนซื่อมือสะอาด สมถะเรียบง่าย เป็นแบบอย่างที่ดีของนักการเมืองในรุ่นต่อ ๆ มาอยู่อย่างมิเสื่อมคลาย
ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาฟื้นฝอยเอาเรื่องของคุณชวนมาเล่าน่ะหรือครับ ก็เพราะเกิดความรู้สึกว่า ท่านนายกฯ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะกำลังดำเนินรอยตามรัฐบาลของคุณชวนอยู่อย่างไม่รู้ตัว
สิ่งที่ “ลุงตู่” เหมือน “คุณชวน” อย่างที่ใครๆ ก็เถียงไม่ได้ คือ ภาพลักษณ์ของผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตตั้งใจทำงานอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
เสน่ห์ของท่านออกจะแตกต่างจากนายกฯ ชวนที่เป็นคนสุภาพเรียบร้อยแต่เชือดนิ่มๆ จนมีฉายาว่ามีดโกนอาบน้ำผึ้ง แต่สำหรับนายกฯ ตู่นั้นออกจะเป็น “ปังตอ” ที่ฟันฉับๆ อย่างไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน พูดจริง พูดเร็ว พูดตรง ทำงานรวดเร็ว
ความที่พูดตรงไปตรงมา ขวานผ่าซาก บางทีเหมือนใช้อารมณ์ อาจจะไม่ถูกใจหลายฝ่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าในเรื่องนี้เป็น “เสน่ห์” ของนายกฯ ประยุทธ์ ที่ประชาชนทั่วไปชื่นชอบ จนเทความนิยมให้
คนนะไม่ใช่ปลา...
จำเป็นต้องให้คนดีๆเหม็นไปด้วยหรือไม่...?
🐠🦈~มาลาริน~ปลาตายตัวเดียวบอกว่าเหม็นไปทั้งข้อง..ปลาตายหลายตัวทำไมทนเหม็นกันได้ !!!! ขอโยงการเมืองสักนิดค่ะ
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงคนกลุ่มๆหนึ่งที่ประพฤติตนดี แต่กลับมีคนใดคนหนึ่งเกิดทำเรื่องเสื่อมเสียขึ้นมา ก็จะทำให้คนอื่นๆในกลุ่ม ถูกมองว่าไม่ดีพลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงปลาที่อยู่ในข้องเดียวกันหลายๆตัว หากมีปลาตัวหนึ่งเน่ามีกลิ่นเหม็น ก็จะทำให้ปลาตัวอื่นๆในข้องมีกลิ่นเหม็นติดไปด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทางการเมืองจะบอกเป็นปลาเน่าเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะแค่จะหายใจก็ลำบากเพราะถูกสังคมประนามหนัก
แต่ยังไม่ปรากฎความผิดชัดเจน เพียงแต่คนไม่เชื่อในคำพูด ว่าเป็นจริง แต่จะจริงหรือไม่จริงเมื่อตรวจสอบทางกฎหมาย ผิดคนเชื่อแน่นอน แต่ถ้ารอดคนในสังคมยังก็ไม่เชื่อเป็นเรื่องความเชื่อของคนในสังคมต่อคนคนหนึ่งเป็นส่วนตัว
คราวนี้กระบวนการตรวจสอบก็มีคนมองอีกว่า...จะลำเอียงช่วยเหลือกัน เพราะเคยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันมาก่อน
ปลาตัวนี้ก็เลยทำให้ปลาตัวอื่นมีกลิ่นไม่ดีไปด้วย เพราะอยู่ในข้องเดียวกัน คือทำงานอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เลยเป็นช่องทางให้คนที่ทั้งหวังดีและหวังร้ายโจมตีหนักไปด้วย
คนหวังดีก็อยากให้ ตัดนิ้วร้ายออกไปเสีย ไม่อยากให้ปะปนกับปลาตัวอื่นที่สดสะอาดดีอยู่ หวังให้ปลาในข้องที่เหลือ สามารถทำงานอย่างไร้คำครหาว่ามีเรื่องเน่าๆอยู่ในข้องเช่นปลาเน่าข้องอื่นที่เขาไม่ชอบ และไม่ดีกว่าปลาข้องอื่นเลย ไม่จัดการกับพวกเดียวกัน เล่นงานแต่คนอื่น
คนหวังร้ายก็ได้โอกาส เพราะกลุ่มของตัวเองมีแผลของปลาเน่าอยู่หลายตัว เมื่อเห็นปลาในข้องนี้มีแผลเน่าก็เลยช่วยกันชี้ให้คนอื่นดูแผล เยาะเย้ยว่าไม่ได้ดีกว่าปลาข้องของตัวเอง ปลาใหญ่ในข้องต้องรับผิดชอบ ไม่ควรว่ายน้ำอย่างเท่ๆอีกต่อไป ต้องตัดนิ้วโป้งออกไปด้วย ปลาใหญ่อยู่ในข้องที่ไม่สะอาดแล้ว ไม่แคล้วตัวเหม็นไปด้วย
ความเห็นส่วนตัว ปลาตายตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง สุภาษิตนี้เป็นเรื่องต้นน้ำ เมื่อมีคนไม่ดีมันก็เป็นปัญหาไปแล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าจะแก้ไขปัญหาปลาเน่าไม่ได้
การแก้ปัญหาอาจใช้วิธี "นิ้วไหนร้ายตัดนิ้วนั้น"
หมายถึง "ในกลุ่มในพวกที่มีจำนวนมาก แต่บังเอิญมีคนชั่วอยู่ด้วยก็ให้คัดออกเสียเฉพาะที่ชั่ว หรือถ้าจะลงโทษ ก็ควรลงโทษแต่เฉพาะคนชั่ว ส่วนคนที่ดีนั้น ก็ไม่ควรไปเหมาเอาว่าเป็นพวกเดียวกัน หรือชั่วไปหมดเสียทุกคนทีเดียวนัก"
ถ้าปลาตัวนี้สามารถชำระล้างแผลเน่าได้ ก็ยังคงมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่คนในสังคมประนาม เป็นเรื่องส่วนบุคคล
ส่วนปลาเน่าข้องอื่น เน่ากันมากมายหลายตัว กลายเป็นกลิ่นชินจมูกไปเสียแล้ว ไม่รู้สึกเหม็นปลาในข้องตัวเอง ไปเหม็นปลาข้องอื่นแทน
เรื่องของปลาเน่าตัวเดียว อย่าดึงให้ปลาสะอาดเหม็นไปด้วยเลย เรื่องอย่างนี้ตัวใครตัวมันอยู่ที่อุปนิสัยใจคอ
จริยธรรมส่วนตัว
คนดีๆนานๆจะมีมาให้เห็นสักคน รักษาไว้ให้ทำงานเพื่อบ้านเมืองจะดีกว่า !!!
ขอนำข้อเขียน...จากนายสะอาดถึงลุงตู่ จากเว็บไซต์ผู้จัดการมาให้อ่านค่ะ
คุณชวนจึงได้ฉายาว่าเป็น “นายสะอาด” หรือ “Mr.Clean” แห่งวงการเมืองไทย
เอาเป็นว่า ไม่มีใครกังขากับ “ความสะอาด” ของคุณชวนเลยก็แล้วกัน
ต้องยอมรับว่า คุณชวนก็ยังถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีคนรักอยู่มาก และยังคงมีภาพลักษณ์ของคนซื่อมือสะอาด สมถะเรียบง่าย เป็นแบบอย่างที่ดีของนักการเมืองในรุ่นต่อ ๆ มาอยู่อย่างมิเสื่อมคลาย
ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาฟื้นฝอยเอาเรื่องของคุณชวนมาเล่าน่ะหรือครับ ก็เพราะเกิดความรู้สึกว่า ท่านนายกฯ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะกำลังดำเนินรอยตามรัฐบาลของคุณชวนอยู่อย่างไม่รู้ตัว
สิ่งที่ “ลุงตู่” เหมือน “คุณชวน” อย่างที่ใครๆ ก็เถียงไม่ได้ คือ ภาพลักษณ์ของผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตตั้งใจทำงานอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
เสน่ห์ของท่านออกจะแตกต่างจากนายกฯ ชวนที่เป็นคนสุภาพเรียบร้อยแต่เชือดนิ่มๆ จนมีฉายาว่ามีดโกนอาบน้ำผึ้ง แต่สำหรับนายกฯ ตู่นั้นออกจะเป็น “ปังตอ” ที่ฟันฉับๆ อย่างไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน พูดจริง พูดเร็ว พูดตรง ทำงานรวดเร็ว
ความที่พูดตรงไปตรงมา ขวานผ่าซาก บางทีเหมือนใช้อารมณ์ อาจจะไม่ถูกใจหลายฝ่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าในเรื่องนี้เป็น “เสน่ห์” ของนายกฯ ประยุทธ์ ที่ประชาชนทั่วไปชื่นชอบ จนเทความนิยมให้
คนนะไม่ใช่ปลา...
จำเป็นต้องให้คนดีๆเหม็นไปด้วยหรือไม่...?