🌿💮🌾~มาลาริน~ว้าวววว...สดชื่นแต่เช้ากับข่าวดีๆค่ะ ...'พาณิชย์’ฟื้นขายข้าวอิหร่าน เป้า7แสนตันต่อปี ดันยอดส่งออกพุ่ง


พาณิชย์’ฟื้นขายข้าวอิหร่าน เป้า7แสนตันต่อปี-ยอดค้า2ฝ่ายโตพรวด

พาณิชย์ พร้อมถกเจซีอิหร่าน ดันเป้าการค้า 3,000 ล้านดอลล์ เร่งจัดทำรายการสินค้าแลกเปลี่ยนลดภาษี 100 รายการ ขณะหนีบเอกชนเจรจาขายข้าวเพิ่ม หลังอิหร่านกลับมาซื้อข้าวไทยรอบหลายปี ผลพวงดันยอดส่งออกไปอิหร่านพุ่งกระฉูด



นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์นี้จะเดินทางไปประเทศอิหร่านเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม วิชาการ เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ ระหว่างไทย-อิหร่าน (Joint Commission-JC) ครั้งที่ 10 ในครั้งนี้ นอกจากจะไปประชุม JC แล้ว จะนำคณะผู้ส่งออกข้าวของไทยร่วมคณะเดินทางไปเจรจาขายข้าวให้อิหร่านด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ในการประชุม JC ไทย-อิหร่าน ครั้งที่ 9 (ปี 2559) ได้ประสบความสำเร็จในการขยายการค้า 2 ฝ่าย โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ซื้อข้าวไทยรวม 4 ฉบับ ปริมาณ 3 แสนตัน ระหว่างบริษัทเอกชนไทยและบริษัทเอกชนของอิหร่าน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,300 ล้านบาท หรือประมาณ 119.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในครั้งนี้ก็คาดหวังจะช่วยขยายตลาดข้าวไทยในอิหร่านได้เพิ่มขึ้น


สำหรับไทย-อิหร่านได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าทางการค้าร่วมกันให้ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2563 โดยทางอิหร่านเองสนใจทำการค้ากับไทยซึ่งได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงสิทธิพิเศษทางการค้าหรือ PTA ที่เป็นการลดภาษีในการซื้อขายสินค้าระหว่างกัน โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะไปจัดทำรายการสินค้าเพื่อการแลกเปลี่ยนเบื้องต้น 100 รายการ เพื่อเป็นการเปิดตลาดสินค้าระหว่างกันและเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ขยายการค้าและการลงทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมาย



สำหรับมูลค่าส่งออกไทยไปอิหร่าน 11 เดือน ปี 2560 มีมูลค่า 1.36 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากเป้าหมายการส่งออกไปอิหร่านปี 2560 ขยายตัวที่ 15% สินค้าส่งออกที่สำคัญคือ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ข้าว ยางพารา ผลไม้กระป๋องแปรรูป ผักสด ทั้งแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เป็นต้น นอกจากนี้ทางอิหร่านเองยังสนใจในการนำเข้าข้าวจากไทย หลังจากได้หยุดการนำเข้ามาหลายปี โดยไทยตั้งเป้าขยายการส่งออกข้าวไปยังอิหร่านให้ได้ถึงปีละ 7 แสนตันเช่นเดิม

แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า การค้าไทย-อิหร่านช่วง 11 เดือนแรกของปี 2560 ขยายตัวสูงมาก โดยมูลค่าการค้ารวมของทั้ง 2 ฝ่าย มีมูลค่า 2.99 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 123% (กราฟิกประกอบ) โดยไทยส่งออกเพิ่มขึ้น 61% ผลพวงจากอิหร่านได้กลับมาซื้อข้าวไทยอีกครั้งในรอบหลายปี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,332 วันที่ 18 - 20 มกราคม พ.ศ. 2561

http://www.thansettakij.com/

อิหร่านถกไทย 'ประยุทธ์' คุยขายข้าว-รื้อฟื้นสำรวจปิโตรเลียม


"ปธน.อิหร่าน" ทวิภาคี "นายกฯประยุทธ์" เป็นการเยือนระดับประธานาธิบดีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เผยคุยขายข้าว-รื้อฟื้นสำรวจปิโตรเลียม

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 9 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้การต้อนรับนายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีพิธีการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ต่อด้วยการแนะนำคณะทางการฝ่ายไทยและฝ่ายอิหร่าน จากนั้นนายกฯเชิญประธานาธิบดีอิหร่านไปยังห้องสีงาช้างด้านนอกเพื่อลงนามในสมุดเยี่ยม ก่อนการหารือทวิภาคีภายในห้องสีงาช้าง

อย่างไรก็ตามการเยือนครั้งนี้ นับเป็นการเยือนประเทศไทยระดับประธานาธิบดีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-อิหร่าน โดยในช่วงปีที่ผ่านมา มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในระดับต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเยือนไทยของรองประธานาธิบดีอิหร่านและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน รวมถึง การเยือนอิหร่านของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและนายดอน ปรมัตถ์ยินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปว่า นายกฯกล่าวต้อนรับนายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านสู่ประเทศไทย และกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ACD ครั้งที่ 2 ด้วยตนเอง พร้อมชื่นชมบทบาทที่แข็งขันของอิหร่านในกรอบ ACD ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งประธานาธิบดีอิหร่านได้กล่าวขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นและชื่นชมต่อการเป็นเจ้าภาพการประชุมฯ ที่มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทย-อิหร่านมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน

“การเยือนไทยครั้งนี้ นับเป็นการเยือนระดับสูงที่สุดครั้งแรกของฝ่ายอิหร่าน อันเป็นการยืนยันถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ โดยนายกฯได้ย้ำว่า ไทยพร้อมที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันในแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก”

พล.ท.วีรชนกล่าวต่อว่า นายกฯได้กล่าวถึงการพบกับ ดร. ซาริฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชียครั้งที่ 14 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกันในหลายประเด็น และไทยได้เสนอให้เร่งดำเนินการในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความพร้อมและสามารถดำเนินการก่อนได้ในปีนี้โดยให้มีการวางแผนความร่วมมืออนาคตในระยะกลางและระยะยาว

“ไทยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับอิหร่านในทุกสาขา ซึ่งประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านเองก็ให้ความสำคัญกับการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ โดยได้นำบุคคลสำคัญของฝ่ายอิหร่านเดินทางร่วมคณะด้วย อาทิ รองประธานาธิบดีอิหร่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลังงาน เกษตร และเชื่อมั่นว่า ในการเยือนไทยครั้งนี้ จะเป็นสร้างความสัมพันธ์หน้าใหม่กับประเทศไทยในทุกๆด้าน” พล.ท.วีรชนกล่าว

พล.ท.วีรชนกล่าวต่อว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและระหว่างภาคเอกชนของสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิหร่านมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในหลายสาขา อาทิ ด้านการค้า การท่องเที่ยว พลังงาน วัฒนธรรม การเกษตรและการประมง และอิหร่านมีความพร้อมที่จะสานสัมพันธ์กับประเทศไทยในทุกๆด้าน

ส่วนด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ไทยยินดีที่มีการลงนามความตกลงทางการค้าและมีการส่งคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเยือนอิหร่าน เพื่อหาลู่ทางในการสร้างหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยในวันวันที่ 10 ตุลาคมกระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ครั้งที่ 1 ขึ้น ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะเป็นเวทีในการหารือและเพิ่มพูนมูลค่าทางการค้าและกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ในด้านการเงินการธนาคาร ประธานาธิบดีอิหร่านประสงค์ให้มีการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างธนาคารของสองประเทศ เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญของกิจกรรมทางธุรกิจและการค้าการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของสองประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือในรายละเอียดต่อไป

ในด้านพลังงานสองฝ่ายเห็นถึงศักยภาพและโอกาสที่จะมีความร่วมมือระหว่างกันในสาขาพลังงานและพร้อมที่จะรื้อฟื้นการสำรวจและการผลิตปิโตรเลียมและก๊าซในอิหร่าน ซึ่งอิหร่านได้ตอบรับความต้องการของไทยที่จะฟื้นฟูความร่วมมือด้านพลังงานในกรอบบันทึกความเข้าใจด้านปิโตรเลียมระหว่างกระทรวงพลังงานไทยกับกระทรวงปิโตรเลียมอิหร่านด้วย

ด้านการเกษตร ประธานาธิบดีอิหร่านกล่าวชื่นชม ผลผลิตทางการเกษตร ผลไม้และอาหารแปรรูปของไทยว่ามีคุณภาพดี ในขณะที่ผลไม้ของอิหร่านก็มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอินทผาลัมและแอปเปิ้ล ซึ่งสองประเทศสามารถส่งเสริมการนำเข้าผลไม้เหล่านี้ระหว่างกันได้

“อิหร่านยังแสดงความประสงค์ที่จะซื้อข้าวจากประเทศไทยรอบใหม่ ซึ่งนายกฯได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการซื้อข้าวจากไทยตามที่เคยได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อข้าว ซึ่งอิหร่านกล่าวว่า ขณะอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบมาตรฐานของฝ่ายอิหร่านซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขที่ใกล้จะดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยฝ่ายอิหร่านจะช่วยเร่งรัดในเรื่องนี้ต่อไป” พล.ท.วีรชนกล่าว

พล.ท.วีรชนกล่าวว่า ด้านความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ในปีนี้ สายการบิน Thai AirAsia X และการบินไทย ได้เปิดเที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ-กรุงเตหะราน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น โดยนายกฯเสนอให้สองประเทศพิจารณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันแบบ Package เพื่อสร้างแรงจูงใจและเพิ่มมูลค่าในการท่องเที่ยวระหว่างกัน

“นายกฯได้กล่าวแสดงความยินดีต่อการที่อิหร่านได้เข้าเป็นอัครภาคีของสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia – TAC) และเชื่อมั่นว่า การเข้าเป็นอัครภาคี TAC ของอิหร่าน จะช่วยเสริมสร้างให้สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นแนวทางในการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค” พล.ท.วีรชนกล่าว


http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/722055


การหารือการส่งออกข้าวไทยไปยังอิหร่าน



                  เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมานายกัลยาณะ  วิภัติภูมิประเทศ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเตหะราน ได้เข้าพบหารือกับ ดร. Behrouz Jannat อธิบดีสำนักงานอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สุขภาพ องค์การอาหารและยาอิหร่าน (IFDA) สังกัดกระทรวงสาธารณสุขและการศึกษาทางการแพทย์อิหร่าน โดยมีวัตถุประสงค์การหารือเรื่องแนวทางความร่วมมือในการนำเข้าข้าวจากไทย

                  โดยที่ผ่านมาทางหน่วยงาน IFDA ของอิหร่านได้มอบหมายคณะผู้แทนเดินทางไปไทยเพื่อตรวจสอบโรงงานผู้ผลิต-ผู้ส่งออกสินค้าข้าวไทยเมื่อปี 2559 ส่งผลให้ผู้ส่งออกข้าวไทยจำนวน 5 ราย และมีบริษัทอิหร่านนำเข้าข้าวจากไทยจำนวน 3 ราย ซึ่งถือว่าเป็นการนำเข้าข้าวไทยครั้งแรกในรอบหลายปี ซึ่งส่งผลในมูลค่าการนำเข้าข้าวไทยจากอิหร่านในช่วงเดือน มกราคม – ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมามีจำนวนกว่า 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีปริมาณถึงกว่า 2 แสนตัน ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4,000 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา

                  ทั้งนี้ผู้แทน IFDA กล่าวว่าปัจจุบันประชากรชาวอิหร่านนิยมบริโภคข้าวเป็นปริมาณมาก โดยเฉลี่ยปีละประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี ส่งผลให้ตลาดข้าวอิหร่านเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และไทยเองก็ยังสามารถส่งออกข้าวไปยังอิหร่านได้อีกจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ดีจะต้องเป็นข้าวที่มีคุณภาพที่ดีและปลอดภัย

                  ปัจจุบันไทยและอิหร่านมีความร่วมมือที่ดีระหว่างกันโดยในปีที่ผ่านมา อิหร่านได้ส่งคณะผู้แทนไปยังไทยเพื่อตรวจสอบมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ของระบบการผลิตข้าวของไทย ซึ่งจากการตรวจสอบในครั้งดังกล่าว พบว่าระบบการผลิตข้าวไทยมีมาตรฐาน GMP ที่ดี อิหร่านจึงได้ออกใบรับรอง GMP และใบอนุญาตให้นำเข้าข้าวจากไทยได้

                  อย่างไรก็ตามทางเอกอัครราชทูตไทยได้เชิญผู้แทน IFDA ของอิหร่านเยือนไทยอีกครั้งหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจสำหรับการส่งผู้เชี่ยวชาญมายังไทยเพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิต มาตรฐานการผลิต กระบวนการขนส่ง และขั้นตอนอื่น ๆ ในการส่งออกข้าวของไทย  อีกทั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จะมีการประชุม JTC ระหว่างไทยกับอิหร่าน ซึ่งในการประชุมดังกล่าวอาจหารือแนวทางความร่วมมือในการขยายการค้าของสินค้าอาหารและพืชผลทางการเกษตรระหว่างกัน

http://globthailand.com/iran_0002/


แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การเมือง รัฐบาล กระทรวงพาณิชย์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่