วัดลมหายใจ 'ซิมเพนกวิน'

กระทู้ข่าว

วัดลมหายใจ 'ซิมเพนกวิน'

          ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ฉันท์ใด MVNO ในประเทศไทย ก็ฉันท์นั้น และแม้ว่าจะมีผู้สนใจขอไลเซนส์เป็น MVNO จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กว่า 40 ราย แต่กลับมีผู้โดดเข้ามาให้บริการจริงๆเพียง 10 ราย แต่ที่อยู่รอดจริงๆแบบพูดได้เต็มปากเต็มคำกลับเหลือเพียง 1 ราย นั่นคือ บริษัท เดอะไวท์สเปซ จำกัด ผู้ให้บริการ 'ซิมเพนกวิน' ที่กำลังจะครบรอบ 2 ปีในการให้บริการในเดือนมีนาคมนี้ แถมปีนี้ยังเพิ่มงบการตลาดจาก 60 กว่าล้านบาท เป็น 100 กว่าล้านบาท ด้วยการจับมือกับพันธมิตรในการสร้างแคมเปญออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรุกให้บริการโซลูชั่น IoT อีกด้วย

          กสทช.ควรช่วย MVNO
          ชัยยศ จิรบวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซิมเพนกวิน ยอมรับว่า ตลอดระยะเวลาปีกว่าที่ทำตลาดในประเทศไทยในฐานะเป็น MVNO (Mobile Virtual Network Operator หรือ ผู้ให้บริการที่ไม่มีโครงข่ายมือถือของตนเอง) นั้น เหนื่อยน่าดู เพราะองค์กรกำกับดูแลอย่างกสทช.มีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเกิด MVNO แต่กลับไม่ได้สร้างกฎเกณฑ์ให้ผู้ให้บริการรายใหญ่ในการแข่งขันกับ MVNO แต่ให้ MVNO กับ ผู้ให้บริการรายใหญ่แข่งขันในตลาดด้วยมาตรฐานเดียวกัน

          ต่างกับประเทศมาเลเซียที่มีการสร้างมาตรฐานการแข่งขันให้ MVNO อยู่รอดและพบว่ามาเลเซียมี MVNO ในตลาดที่ทำตลาดอยู่จริงๆถึง 20 ราย ต่างจากประเทศไทยที่นับวันจะล้มหายตายจากกันไป แม้ว่ายอดการขอไลเซนส์เป็นผู้ประกอบการ MVNO กับ กสทช.มีจำนวนกว่า 40 ราย และมีการเปิดบริการจริงถึง 10 ราย แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจริงๆเหลือกี่ราย เพราะ MVNO ไม่สามารถทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ได้เหมือนผู้ให้บริการรายใหญ่ ด้วยองค์กรที่เล็กกว่า เงินลงทุนที่น้อยกว่า สุดท้ายก็ไปไม่รอด

          'เพนกวินเคยตั้งเป้าว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 3 ปี แต่ตอนนี้ต้องขยายเป้าหมายเป็น 4 ปี เหตุเพราะตอนนี้รายได้ยังต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้อยู่ และมีลูกค้าที่ใช้งานจริงๆเพียง 4-5 แสนเลขหมาย รายได้ต่อเลขหมายคงที่ อยู่ที่ 115 บาทต่อเดือน  แม้ว่าจะขาย ซิมออกไปได้ถึง 1 ล้านซิมก็ตาม เหตุผลมีเพียงหนึ่งเดียว คือ ไม่สามารถทำโปรโมชันลด แลก แจก แถม เหมือนค่ายใหญ่ได้ นั่นเอง'

          ขณะที่สภาพการแข่งขันในตลาดนั้น เคยได้ยินว่ารายใหม่จะเข้ามาในตลาดบ้าง ต่างประเทศจะลงมาเล่นบ้าง แต่คิดว่าตอนนี้เขาคงต้องคิดใหม่แล้ว หากประเทศไทยยังมีสภาพตลาดเป็นแบบนี้ ผู้กำกับดูแลไม่สร้างมาตรฐานให้เอื้อต่อการแข่งขันของรายเล็ก

          เพนกวินยังไปต่อ
          'แต่เพนกวินก็ยังไม่ตาย เรายังสบายดี และจะยังอยู่ในตลาดต่อไป' ชัยยศ กล่าวเสียงเข้ม พร้อมเผยถึงเหตุผลที่ยังไม่ออกจากตลาดว่า 'ด้วยความได้เปรียบของบริษัทเราที่เป็นบริษัทขนาดเล็ก จึงทำให้มีพันธมิตรเข้ามาคุยกับเราตลอด อยากสร้างแคมเปญร่วมกัน เพราะทำงานกับบริษัทเล็กคล่องตัวกว่า'

          ขณะที่เพนกวินเองก็อาศัยจุดแข็งนี้ในการขยายฐานลูกค้าด้วยการจับมือกับพันธมิตรที่มีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เริ่มด้วยการเปิดตัวซิมวัยเก๋า เพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้งานสูงวัย พร้อมกับซิมวัยโจ๋ ในการเจาะกลุ่มวัยรุ่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 'ซิมซิงเกอร์' โดยอาศัยจุดแข็งของซิงเกอร์ ที่มีเครือข่ายพนักงานขายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 14,000 คน และมีกลุ่มเจมาร์ทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ความร่วมมือดังกล่าวจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งระหว่างกัน รวมถึงความร่วมมือกับ 'เสก โลโซ' ออกซิมพิเศษ 'เราและนาย' ชูจุดเด่นด้วยโปรโมชันเสริมเล่น Facebook และ LINE แบบไม่อั้น เริ่มต้นที่สัปดาห์ละ 89 บาท หวังเจาะฐานแฟนเพลงกว่า 5 ล้านราย

          และล่าสุดหลังจากที่ เดอะไวท์สเปซ ได้เซ็นสัญญาเป็น MVNO กับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในคลื่น 2100 MHz เมื่อช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ก็เดินหน้าจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด จัดแคมเปญ 'เติมปั๊บ รับ 3 ต่อ' พร้อมเปิดตัว 'ซิมเพนกวิน ไรเดอร์' เพื่อเจาะกลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีอยู่กว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ โดยคาดว่าภายใน 3 เดือนจะได้ลูกค้าใหม่ 4-5 แสนเลขหมาย หลังจากกระจายซิม จำนวน 1 ล้านซิม ในแคมเปญนี้

          ความร่วมมือครั้งนี้ เนื่องจากมองว่า ปัจจุบันการเติมน้ำมัน และการใช้โทรศัพท์มือถือต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันโดยเฉพาะกลุ่มผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องเติมน้ำมันแทบทุกวัน ซิมเพนกวิน ไรเดอร์ จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่า และประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้มือถือมากขึ้น โดยมาพร้อมการเปิดตัวแคมเปญ เติมปั๊บ รับ 3 ต่อ เมื่อเติมน้ำมัน ปตท. ตั้งแต่ 50 ถึง 100 บาท จะได้รับค่าโทร.ค่าเน็ตฟรีตลอดปี ซึ่งเป็นการคืนกำไรให้ลูกค้าแบบง่ายๆ แจกจริงแจกกันยาวนานถึง 1 ปีเต็ม ตลอดปี 2561 นี้ และมั่นใจว่า จะโดนใจกลุ่มลูกค้า ผลักดันให้ซิมเพนกวินเป็นขวัญใจผู้ขี่รถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ ด้วยการเป็นตัวช่วยในด้านความประหยัด และความคุ้มค่า

          ดังนั้นที่ผ่านมาลูกค้าของเพนกวินจึงเป็นตลาดระดับชาวบ้านที่เฉพาะกลุ่มจริงๆ ทำให้เพนกวินยังคงมีแฟนคลับที่เหนียวแน่น ซึ่งในปีนี้จะเห็นแคมเปญของเพนกวินที่จับมือกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่องอีก 2-3 แคมเปญแน่นอน และที่สำคัญเพนกวินยังเพิ่มงบการตลาดจาก 60 กว่าล้านบาท เป็น 100 กว่าล้านบาท ด้วย

          'ที่ผ่านมาเพนกวินอยู่ได้ เพราะเราจับตลาดถูกจุด เราโฟกัสถูกเรื่อง เราเป็นผู้ให้บริการเฉพาะระบบพรีเพด เน้นลูกค้าต่างจังหวัด ที่สำคัญคือชูความประหยัด ขณะที่การสร้างแพกเกจก็ต้องสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าที่โฟกัสด้วย เช่น ที่ผ่านมาจับกลุ่มคนสูงวัย และวัยรุ่น ซึ่งได้สำรวจแล้วพบว่า ผู้สูงวัยในตอนนี้เริ่มใช้โซเชียลมีเดียสื่อสารกับลูกหลาน และค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ก็ยังมีความกังวลว่า เน็ตที่ใช้จะรั่ว ทำให้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนเกินจำนวนมาก ส่วนกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ชอบใช้อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย จะมีความช่างเลือก ชอบความหลากหลาย มีมาตรฐานสูง และรู้ว่ามีทางเลือกอีกมากจากข้อมูลบนโลกออนไลน์ จึงมักจะพิจารณา เปรียบเทียบราคา และคุณภาพ จนกว่าจะเจอตัวเลือกที่ดีที่สุด'

          ชัยยศ ย้ำว่า ดังนั้น บริษัทจึงได้ออกแพกเกจสำหรับลูกค้า 2 กลุ่มดังกล่าว และยังได้สำรวจพบอีกว่าลูกค้าส่วนใหญ่ 75% เป็นลูกค้าต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ 85% ใช้งานด้านข้อมูลขณะที่ในส่วนของเน็ตเวิร์กเพนกวิน ก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่คลื่น 850 MHz ที่ทำกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) แต่ยังมีคลื่น 2100 MHz ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ ในอนาคตก็จะมีคลื่น 2300 MHz ของทีโอทีเพิ่มอีกคลื่นหนึ่งด้วย

          'ทุกแคมเปญที่เราคิด เราแฮปปี้ ทุกแคมเปญนะ เรามีการประเมินตลอด เพราะเราตั้งใจเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ส่วนเน็ตเวิร์กที่เรามี ก็ต้องดูให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ใช้ผสมผสานกัน ไม่ได้แยกว่าคลื่นนี้ต้องเป็นแคมเปญนี้เพียงอย่างเดียว เพราะเราทำตลาดในแบรนด์เดียวคือ เพนกวิน'

          รุกตลาด IoT
          นอกจากนี้เพนกวิน ยังเดินหน้าสร้างโซลูชั่น IoT อย่างต่อเนื่องและคาดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า รายได้จาก IoT จะเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น โดยที่ผ่านมาเพนกวินก็ให้บริการโซลูชั่นในลักษณะนี้มาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำระบบแทรกกิ้งกับรถบริการขนส่ง, ระบบลิงก์ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งในปีนี้จะเห็นภาพที่เพนกวินให้บริการโซลูชั่น IoT มากขึ้น กับอุปกรณ์ต่างๆ

          และที่สำคัญคือต้องเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นวิธีการทำงานที่เพนกวินถนัดและเชื่อว่าผู้ให้บริการค่ายใหญ่ไม่สามารถทำได้ เพราะการทำ IoT ต้องเป็นลักษณะการทำตลาดเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่ตลาดแมส หากผู้ให้บริการรายใหญ่จะเข้ามาในตลาดนี้ คิดว่าคงสร้างทีม หรือ ให้เวลากับการทำตลาดนี้ยาก ดังนั้นด้วยความได้เปรียบที่เป็นบริษัทเล็ก บวกกับความคล่องตัว จึงมั่นใจว่าภายใน 2-3 ปีนี้รายได้ที่มีจากการให้บริการ IoT จะเห็นชัดเจนขึ้น

ที่มา :ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 องศา ฉบับวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่