มีเรื่องราวดีๆจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง..
เป็นเรื่องที่เราเจอมาตลอดวันนี้..
เรื่องมีอยู่ว่า แม่ให้เราไปช่วยงานที่ทำงาน เราจึงต้องไปช่วยเขา ระหว่างทาง นั่งรถเมล์ไปเจอฝรั่งคนนึงขึ้นรถมา เราก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั้งเขาเริ่มโวยวายใหญ่โตด่ากระเป๋ารถเมล์ จนกระทั้งเริ่มมีคำว่า idiot mothxr fvckerออกมา เราเห็นเห้ย แรงไปละนะ ด้วยความเสื*กและความอยากช่วยที่มี เลยเข้าไปคุยกับเขา คำแรกที่พูดคือ "Sry i'm not good in English" 55 กลัวเขาไม่เข้าใจ ก็snake snake fish fishถูไถไป จนได้เรื่องว่า เขาไม่พอใจที่ว่าเขายื่นเงินให้กระเป๋า 7บาท แต่กระเป๋าบอก โนๆ ทั้งที่ค่ารถมัน6.50บาท ฝรั่งก็งง ว่าไอทำอะไรผิด ด้วยความที่ว่ากระเป๋าเขาไม่รู้ภาษา เขาก็อารมณ์เสีย แล้วก็ปาตั๋วใส่พี่ฝรั่งเขา แล้วพี่กระเป๋าก็มือว่างมั๊ง ดันหยิบโทรศัพท์มาถ่ายเขาอี้ก ฝรั่งเห็นก็โวยวายใหญ่ เราเลยไปคุย และพาเขาลงที่ป้ายที่หมาย(ลงที่เดียวกัน) เขาก็เริ่มพูดแบบ เออเจอคนไทยนะ เขาเจอคนดีเยอะนะ แต่ทำไมเจอคนแบบนี้ เขามองเมืองไทยดีมากกก มากกของมาก เราก็ขอโทษแทนพี่กระเป๋าเขา เขาก็เริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ว่าที่เราเจอมาทั้งหมดเนี่ย พระเจ้ากำหนด ที่พระเจ้าได้บอกผ่านศาสดาของทุกศาสนาให้เราพบทางสว่าง ให้มาช่วยคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา เขาเป็นคนที่เดินทางช่วยเหลือคนทั่วโลก เพราะเขามีเยอะแล้ว อะไรทำนองนี้ เขาก็บอกอีกว่าในชีวิตเขา เขาเคยโดนยิงมาเกือบตาย โดนมีดจ่อคอก็เคยมาแล้ว (ท่าทางจะเป็นทหารปลดประจำการ) เขายังไม่รู้สึกแย่เท่ากับเจอคนแบบนี้ในที่ที่เขาคิดว่ามันดีกว่าประเทศเขาเลย ด้วยความที่พอจะมีเพื่อนเป็นคนคริส เราเลยบอกเราไปว่า "Thank god" ยูโชคดีมากนะที่รอดมาได้ เขาก็พูดๆแล้วก็เอ๊ะ ยูพูดคำว่า "Thank god" หรอ แล้วก็ขอเรากอด แล้วบอกว่าโชคดีมากที่ได้มาเจอคนดีๆแบบยู แล้วอยู่ดีๆเขาก็ถาม เอ๊ะ ยูใส่รองเท้าไซส์อะไร เราก็ตอบ 45 เขาก็ เห้ย ไอก็45 แล้วเขาก็วางกระเป๋า แล้วเขาก็หยิบรองเท้าสเกตออกมาแล้วบอกว่า เฮ้ ไอให้ยู รองเท้าสเกตนี้ไซส์45 เราก็เห้ยยย ไม่เอาาา เขาก็บอกว่า เขาจะไปที่ลานสเกตใกล้ๆนี้แล้วเอารองเท้านี้ไปให้ใครซักอยู่แล้ว เพราะเขาจะกลับประเทศเขาแล้ว และไม่อยากหอบกลับ ไอ้เราก็ อะโอเค รับไว้ครับ แล้วเขาก็บอกว่า เนี่ยเดียวไอจะไปลานสเกต ไอโนวไอรู้ยูจะไปช่วยงานแม่ก่อนแล้วเขาก็หอบรองเท้าไปเล่นก่อน "ยูต้องมาเอาให้ได้นะ ไอรออยู่" เขาว่างั้น และเราก็แยกกับเขา
สนนเวลาคุยกันทั้งหมด เฉียด3ชม. คงด้วยความที่ว่าเขาออกแนวนักปรัชญา แล้วก็ต่างภาษากัน เลยคุยสนุก ยืนคุยกันป้ายรถเมล์ 555
มีอีกนะ เดี๋ยวมาพิมต่อ
จะไปช่วยงานแม่แต่ดันช่วยฝรั่งที่ไหนไม่รู้
เป็นเรื่องที่เราเจอมาตลอดวันนี้..
เรื่องมีอยู่ว่า แม่ให้เราไปช่วยงานที่ทำงาน เราจึงต้องไปช่วยเขา ระหว่างทาง นั่งรถเมล์ไปเจอฝรั่งคนนึงขึ้นรถมา เราก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั้งเขาเริ่มโวยวายใหญ่โตด่ากระเป๋ารถเมล์ จนกระทั้งเริ่มมีคำว่า idiot mothxr fvckerออกมา เราเห็นเห้ย แรงไปละนะ ด้วยความเสื*กและความอยากช่วยที่มี เลยเข้าไปคุยกับเขา คำแรกที่พูดคือ "Sry i'm not good in English" 55 กลัวเขาไม่เข้าใจ ก็snake snake fish fishถูไถไป จนได้เรื่องว่า เขาไม่พอใจที่ว่าเขายื่นเงินให้กระเป๋า 7บาท แต่กระเป๋าบอก โนๆ ทั้งที่ค่ารถมัน6.50บาท ฝรั่งก็งง ว่าไอทำอะไรผิด ด้วยความที่ว่ากระเป๋าเขาไม่รู้ภาษา เขาก็อารมณ์เสีย แล้วก็ปาตั๋วใส่พี่ฝรั่งเขา แล้วพี่กระเป๋าก็มือว่างมั๊ง ดันหยิบโทรศัพท์มาถ่ายเขาอี้ก ฝรั่งเห็นก็โวยวายใหญ่ เราเลยไปคุย และพาเขาลงที่ป้ายที่หมาย(ลงที่เดียวกัน) เขาก็เริ่มพูดแบบ เออเจอคนไทยนะ เขาเจอคนดีเยอะนะ แต่ทำไมเจอคนแบบนี้ เขามองเมืองไทยดีมากกก มากกของมาก เราก็ขอโทษแทนพี่กระเป๋าเขา เขาก็เริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ว่าที่เราเจอมาทั้งหมดเนี่ย พระเจ้ากำหนด ที่พระเจ้าได้บอกผ่านศาสดาของทุกศาสนาให้เราพบทางสว่าง ให้มาช่วยคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา เขาเป็นคนที่เดินทางช่วยเหลือคนทั่วโลก เพราะเขามีเยอะแล้ว อะไรทำนองนี้ เขาก็บอกอีกว่าในชีวิตเขา เขาเคยโดนยิงมาเกือบตาย โดนมีดจ่อคอก็เคยมาแล้ว (ท่าทางจะเป็นทหารปลดประจำการ) เขายังไม่รู้สึกแย่เท่ากับเจอคนแบบนี้ในที่ที่เขาคิดว่ามันดีกว่าประเทศเขาเลย ด้วยความที่พอจะมีเพื่อนเป็นคนคริส เราเลยบอกเราไปว่า "Thank god" ยูโชคดีมากนะที่รอดมาได้ เขาก็พูดๆแล้วก็เอ๊ะ ยูพูดคำว่า "Thank god" หรอ แล้วก็ขอเรากอด แล้วบอกว่าโชคดีมากที่ได้มาเจอคนดีๆแบบยู แล้วอยู่ดีๆเขาก็ถาม เอ๊ะ ยูใส่รองเท้าไซส์อะไร เราก็ตอบ 45 เขาก็ เห้ย ไอก็45 แล้วเขาก็วางกระเป๋า แล้วเขาก็หยิบรองเท้าสเกตออกมาแล้วบอกว่า เฮ้ ไอให้ยู รองเท้าสเกตนี้ไซส์45 เราก็เห้ยยย ไม่เอาาา เขาก็บอกว่า เขาจะไปที่ลานสเกตใกล้ๆนี้แล้วเอารองเท้านี้ไปให้ใครซักอยู่แล้ว เพราะเขาจะกลับประเทศเขาแล้ว และไม่อยากหอบกลับ ไอ้เราก็ อะโอเค รับไว้ครับ แล้วเขาก็บอกว่า เนี่ยเดียวไอจะไปลานสเกต ไอโนวไอรู้ยูจะไปช่วยงานแม่ก่อนแล้วเขาก็หอบรองเท้าไปเล่นก่อน "ยูต้องมาเอาให้ได้นะ ไอรออยู่" เขาว่างั้น และเราก็แยกกับเขา
สนนเวลาคุยกันทั้งหมด เฉียด3ชม. คงด้วยความที่ว่าเขาออกแนวนักปรัชญา แล้วก็ต่างภาษากัน เลยคุยสนุก ยืนคุยกันป้ายรถเมล์ 555
มีอีกนะ เดี๋ยวมาพิมต่อ