[Vent.] ความรักของตุ๊ดต้องใช้เวลา

สวัสดีค่ะ ขอพื้นที่ตรงนี้ระบายความรู้สึกที่มีทั้งหมดตลอดเกือบๆ1ปีที่ผ่านมา ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ เอ [นามสมมติ] ตอนนี้อายุ 23 ย่าง 24 แล้วค่ะ เป็นตุ๊ด เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเกย์ แต่แต่งตัวธรรมเซอๆทั่วไป ไม่ได้แต่งหน้า ทำศัลยกรรมเยอะ หรือแต่งตัวสไตล์คุณแม่จ๋าขนาดนั้น ไลฟ์สไตล์เป็นคนชอบเที่ยว [เข้าวัด,สถานที่ธรรมชาติ,ต่างจังหวัด,ต่างประเทศ] และชอบอยู่คนเดียวแบบสันโดด ก็จะมีติดเพื่อนบ้างเป็นพัก ๆ แต่นิสัยของเราเป็นคนโลกสวย ชอบทำอะไรแบบทะเยอทะยานคนเดียวไปเรื่อยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้ทำงานประจำ เงินเดือนก็เยอะมากพอที่จะอยู่คนเดียวและซื้อความสุขให้ตัวเองไปเรื่อยๆได้อยู่ค่ะ เข้าเรื่องกันเลยเนอะ เรื่องนี้จะเกี่ยวกับคำว่า ความรักหรือเปล่าไม่รู้ สำหรับเรา แต่ถ้าใครที่อ่านเรื่องราวทั้งหมดจบ ขอแค่คนละ 1 กำลังใจก็พอค่ะ
ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้

เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม 2560 มีการจัดประกวดนางงามหัวโปกแต่งหญิงที่ผับเกย์แห่งหนึ่งย่านรัชดา ซึ่งหนึ่งในผู้เข้าประกวดคือเพื่อนเรา เราก็ได้ไปให้กำลังใจในวันนั้น ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากกินเหล้า เมา สนุกสนาน กันทั้งโต๊ะ แต่เราเคยพลาดเมาแบบอ้วก2-3วันติด เลยเข็ด ไม่กล้ากินมาก แต่ก็เมาอยู่พอสมควร ซึ่งในคืนวันนั้น โต๊ะข้างๆ ก็เต็มไปด้วยเพื่อนสาว ผู้ชายหน้าตาดี ล้อมรอบโต๊ะไปหมด ตามประสาหัวโปกแรงๆอย่างเรา ก็สรวน[มั่ว ไร้สาระ เหลวไหล] ไปทั่ว ก็ทักทายเฟรนลี่ ตามประสาตุ๊ด ซึ่งคืนนั้นก็ป๊ะ[เจอ] กับคนที่ชอบ แอบชอบ และเคยได้ หลายคนอยู่เหมือนกัน แต่ก็เบลอๆ เพราะเริ่มเมาละ ก็มาถึงจุดที่เจอผู้ชายคนนึงอยู่โต้ะตรงหน้าซึ่งมองแว๊บแรกคือหล่อ แมนๆ สูง ผอม สไตล์บ้านๆ ตรงสเปกเรามาก ก็เดินเข้าไปเต้นด้วย ชนแก้วนะ ซึ่งจะบอกว่ารู้สึกเหมือนจะเคยเห็นละประมาณ 2-3รอบที่ผับนี้แหละ ก็นึกๆ อ๋อ ครั้งที่แล้ว ก็เพื่อนพาไปโต๊ะเพื่อนอีกกลุ่มละเราเข้าไปจับแขน [อารมณ์อยากทักทาย] ละนางมองชายตาใส่เราละถามเพื่อนเราว่า “นี่ใครอะ?” คือเรายังจำได้ดี ครั้งนี้ก็เลยรู้สึกเหมือนจะอยากแก้แค้นมั้งว่า แหม.. ครั้งที่แล้วเชิ่ดใส่กุนักหนิ คืนนี้กุจะลากไปกินยิ้มซะเลย สรุปก็เดินไปเดินมาโต๊ะนั้นอยู่ครึ่งคืน สรุปผับเกือบปิดก็สรวนแยกกับเพื่อนหายหัวไปกันหมด เพราะแต่ละคนเมายิ่งกว่าหมาอีกค่ะ ก็เหลือแค่เรากับเพื่อนอีกคนที่มาจากรังสิต ขอเรียกมันว่าอีซี [นามสมมติ] ก็ตกลงกันว่าจะไปแวะกินข้าวที่ห้วยขวางกันก่อนกลับ ระหว่างที่กินข้าวอยู่ก็เริ่มมีสติ นึกขึ้นได้ว่า “เอ้า… ละอีผู้ชายคนนั้นมันหายไปไหน มันกลับบ้านหรือยังวะ” ก็เลยไปค้นเฟส สรุปเจอค่ะ เลยทักไปหานางว่า “เทอๆ อยู่ไหนอะ กลับบ้านยัง” นาง [กะเทยชอบเรียกผู้ชายว่านาง] ก็ตอบกลับมาว่า “อ่อ ยังอะ อยู่หน้าร้าน” เราก็เลยแง้มๆไปว่า “มานั่งกินข้าวกับเราก่อนสิ อยู่ตลาดห้วยขวางเนี้ย” ด้วยความที่บังเอิญหรือเชี้ยอะไรไม่รู้นำพา มันก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้น…….

หลังจากที่นางมานั่งกินข้าวด้วย เราก็เช็คหน้าอีกรอบ [เพราะอยู่ในผับไฟมันสลัวอาจจะแต่งหน้ามาแน่น] แต่หน้านางสดจริง ไม่แต่ง ผิวคล้ำๆ แต่ดูแม้นแมนเจ้าค่ะ เราก็เออ น่ากินหว่ะ คุยกับเพื่อน ก็เคยทักแชทไปถามว่า “เทอๆกลับกับเราป้ะ” อีดวกกกกกก  ความยิ้มตัวแม่ออกอาการแล้วค่ะ นางก็ตอบตกลงน! [อาการมึนเมามากและเบลอๆ] เออกุยอมหว่ะ ง่ายไปปะ เพื่อนก็คันมาก อยากได้สุด สรุปก็ลากนางขึ้นแท้กซี่ไปด้วยกัน ระหว่างทางกูก็หลับตลอดทางเลยค่ะ ให้เพื่อนดูทางให้ตลอด ส่วนบี[นามสมมติ] ก็สลึมสลือด้วยความเมา จนกระทั่งถึงหอ เพื่อนก็ปลุก และนางก็นั่งรถต่อไปกลับห้องนาง สรุปคืนนั้นไม่ขอเล่ารายละเอียดมากละกันค่ะ [กดข้าม]

ตื่นเช้ามา เราก็กะจะโทรไปเย้ย เพื่อนอีกคน ที่รู้จักกับมันว่า อีผู้ชายที่มันเชิ่ดใส่กูครั้งที่พากูไปโต๊ะมันอะ เสร็จกูเรียบร้อยละ ก็โป๊ะ[โดนจับได้,ความแตก] เพื่อนก็คิดไม่ถึงว่ากูจะได้ 5555 สรุปก็เออออกันไป ช่วงเที่ยงๆ ก็กะว่าจะแยกย้ายไล่ผู้ชายกลับบ้าน แต่ก็วันหยุดอะเนอะ อยากไปนั่งกินกับเพื่อนต่อที่ตลาดรถไฟรัชดา เลยทักไปชวนอีเพื่อน [ซี] ว่าเออเดี๋ยวกูไปรับไปดูหนังนะ แล้วตอนเย็นไปนั่งชิวตลาดรถไฟกัน ระหว่างทางนั่งรถไปรับเพื่อน ผู้ชายก็บอกว่า “ขอคบได้ไหม” ยิ้ม กะเทยทุกคนจะต้องตายเพราะคำนี้หรอ ซึ่งกูก็ยังไม่ทันได้คิดอะไร ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร มันรวดเร็วมาก จนกูต้องตอบตามมรรยาทไปก่อนว่า ก็ได้…. [ในใจคือกูต้องการแค่จะแก้แค้นปะวะ] โอเค วันนั้นก็ไปดูหนังที่ Westgate เอาจริงๆ มองเผินๆเขาเป็นสุภาพบุรุษมาก เรียบร้อย เอาใจเก่งนะ ทำให้ทุกอย่าง เปย์ด้วย เราก็ไม่เคยเจอคนแบบนี้ก็เหมือนจะมีใจให้แหละ เทคแคร์เพื่อนเราอย่างดี เฟรนลี่ เข้ากับเพื่อนเราได้ดี ละตอนเย็นก็ไปนั่งชิวที่ตลาดรถไฟ สรุปวันนั้นก็กลับมานอนที่ห้องกูต่ออีกคืนซะงั้น……

หลังจากเรื่องราวผ่านไป ทุกๆ2-3วันก็จะมาเจอกัน ส่วนใหญ่เขาจะนั่งแท็กซี่จากบ้านเขาแถวๆ หนองแขมมารับเราหลังเลิกงาน ละมานอนที่ห้องเราตลอด ก่อนนอนตื่นนอนจะหอมเราและบอกว่า “เรารักเธอนะ” ทุกวันมาโดยตลอด เป็นแบบนี้ประจำ เรื่องกินข้าว เรื่องค่ารถ เขาจะเป็นคนจ่ายให้หมดทุกอย่าง ซึ่งกะเทยก็แพ้ทางผู้ชายตรงเรื่องนี้อีกเช่นเคย วันครบรอบ 1 เดือน สิ่งที่เขาซื้อให้เราคือ กระเป๋าตังใบใหม่ [อันเก่าหายพอดี] เข็มขัด และอะไรอีกอย่างนึงนี่แหละ ก็หลายพันอยู่นะ ช่วงแรกตลอด 2-3 เดือน ทุกอย่างดีหมด มีของขวัญให้ทุกๆเดือน เสมอต้นเสมอปลาย

ซึ่งจุดเปลี่ยนกำลังจะมาถึง…. หลังจากสักพักที่คุยกับ เราก็รู้สึกว่าเขาต้องเสียค่ารถมาหาเราวันละเป็นพัน เสียดายตัง ก็เลยคิดว่าจะย้ายหอไปอยู่ในเมือง [ตอนแรกเราอยู่ที่รังสิต] จะได้ไม่ต้องเสียตังเยอะ สงสารเขาด้วยแหละเดินทางไกล ก็เริ่มคุยกันว่าจะหาหอ แต่เราคืออยากอยู่คนเดียว เพราะคบกับใครก็ไม่เคยอยากอยู่กับใคร เพราะเป็นคนสันโดดอยู่แล้วด้วย และอีกอย่างอยากได้ความเป็นส่วนตัว เลยลองอยู่กับผู้ชายคนเก่ามาพักนึงก็ต้องแยก เพราะไม่ชอบอยู่กับใคร เราก็บอกเขาแหละแรกๆว่า ถ้าจะเช่าห้องให้อยู่นี่ขออยู่คนเดียวได้ไหม แล้วเทอค่อยมาหาเราเป็นครั้งเป็นคราว บีก็เลยบอกว่า อืมๆ ตามน้ำไปก่อนมั้ง หลังจากที่ย้ายหอมาอยู่แถวๆห้วยขวางละ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน เขาก็มาอยู่ด้วย ซึ่งกูก็นอยมาก ยิ้มกูอยากอยู่คนเดียว หลอกกูทำ ยิ้มไรวะ ไม่น่าย้ายมาเลย [ตอนนั้นในใจคือแบบคิดผิดจริงๆ ไม่เข็ดไม่จำ] ก็นอยอยู่หลายวัน มีทะเลาะกันบ้าง เออ… ขอเล่านิสัยของบีให้ฟังคร่าวๆละกัน มันเป็นคนที่สุภาพ เรียบร้อย เป็นคนดีมาก แต่โครตหึง หวง คือทำอะไรเป็นส่วนตัวไม่ได้สักอย่าง คุยกับเพื่อนในเฟสกับใคร มันจะไปส่องหมด ไปไหนมาไหนต้องถามมต้องตอบ ซึ่งเรื่องนี้กุเกลียดอยู่ละไง ต่อที่2 ที่ต้องมาเจอหลังจาเรื่องหลอกว่าจะเช่าห้องให้กูอยู่คนเดียวก็คือเรื่องนี้แหละ บอกตรงๆเลยนะว่านิสัยเราคือติดเพื่อน ชอบแอ้วผู้ชายไปเรื่อยอยู่ละ ยังไม่ได้จะคิดจริงจังอะไรกับใครขนาดนั้น แต่กูต้องมาเปลี่ยนชีวิตกูใหม่ทั้งหมด ซึ่งกูไม่โอเคมากๆ

หลังจากทะเลาะกันบ้างดีกันบ้าง มันก็อยากที่จะปรับตัวเข้าหาเรา เราก็เริ่มที่จะปรับตัวเข้าหามัน มันจับได้หลายครั้งนะว่านี่เล่น Hornet หรือแอบคุยกับผู้ชาย แทบทุกครั้งเราก็จะบอกว่า เออ กูไม่ดีแหละ เลิกกับกูสิ ทั้งๆที่รู้ตัวว่าผิด แต่มันก็ไม่ยอมเลิก ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอดจน ทุกครั้งที่เราผิด ด่ากัน แต่ทุกครั้งมันเป็นฝ่ายง้อเรามาโดยตลอด ซื้อของมาง้อ แม้เราจะไปทำงานที่พัทยา มันก็ยังแอบตามไปง้อ ซื้อของไปเซอร์ไพร้

ครั้งที่เราผิดร้ายแรงที่สุด คือ ช่วงที่ไปทำงานที่พัทยา ก็แอบโหลด Hornet มาเล่นไง คิดว่ามันคงไม่รู้หรอกอยู่ตั้งไกล พีคในพีค ผู้ชายที่นัดมาหาที่ห้อง คือเพื่อนมัน ซึ่ง ยิ้มตรงที่ เรากำลังจะจับเคผู้ชาย สรุปผู้ชายเดินไปเปิดไฟ ละหันหน้าจอโทรศัพท์มาให้กูดู แทบช็อค!! หน้าคนที่อยู่ในวิดีโอคลอคือ บี ซึ่งกูก็สตั้นแต่ก็ตั้งสติไว้ พร้อมไล่ผู้ชายกลับไป แล้วมาคุยกับบี บีร้องไห้หนักมาก ถามว่าจะเอายังไงต่อ ทำไมกูทำแบบนี้ ซึ่งกูก็นิสัยเดิมๆ บอกไปว่า ก็เลิกกันสิ จับได้แล้วหนิ นี่ไม่แก้ตัว มันก็ทักไปบอกพี่ที่มันรู้จักทุกคน ว่ากูนัดผู้ชายมาหาที่ห้อง ซึ่งตอนนั้นกูดู ยิ้มไปเลยในสายตาทุกคน แต่ใจจริง อยากเลิกนะ แต่ใจจริงคืออยากเลิกนะ เพราะด้วยหลายๆอย่าง เรายังติดนิสัยรักสนุก ติดเพื่อน อยากเป็นส่วนตัว ซึ่งยอมรับเลยว่าบีกับเรามาก หมดกับเราไปเดือนละหลายแสน เราก็เลยอยากจบปัญหา ไม่อยากไปต่อด้วยการเลิกกัน

แต่แล้วคุยไปคุยมามันก็ไม่ยอมเลิก วันถัดมาก็นั่นแหละ มันตามมาง้อถึงพัทยา ทั้งๆที่กูเป็นคนผิด ซื้อเสื้อตัวที่อยากได้มาเซอร์ไพร้ แล้วเรื่องนี้ก็ผ่านไป…..

หลังจากเหตุการณ์ที่พัทยาจบลง เราก็เตือนใจตัวเองอยู่ตลอดว่าเลิกเป็นกะหลี่ได้แล้ว เจอคนดีแล้ว ทำไมไม่ทำตัวดีๆ แต่ด้วยสันดานที่เป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้น เชื่อว่ามันเปลี่ยนกันไม่ได้หลอก แต่หลังจากนั้นยอมรับว่ามีแอบคุยกับแฟนเก่าบ้าง คุยกับผู้ชายบ้าง แอบโหลดแอ้พมาเล่นบ้าง แต่ไม่เคยนัดเยนะจ๊ะ! เพราะกลัวละ ถ้ามันจับได้รอบนี้คงตายคาตีนแหละ

ผ่านมาถึงเดือนที่ 6-8 หลังจากที่เจอมรสุมเรื่องอะไรต่อเรื่องอะไรมาเยอะ ก็ยังไม่หมด ยังเจอต่อไปอีก…..
เกิดอะไรขึ้นกับบีไม่รู้ อยู่ดีๆ รายได้ก็ลดน้อยลงไป เหมือนจะมีปัญหากับธุรกิจ หรืออะไรสักอย่าง แต่เราก็ไม่อยากเข้าไประราบระล้วงเรื่องของเขา ซึ่งมีอาการต่างๆเริ่มเปลี่ยนไป จ่ายน้อยลง เริ่มไม่ซื้อของขวัญครบรอบประจำเดือนให้ เริ่มให้เราน้อยลงจากเดิม แต่เราก็พยายามจะไม่คิดในช่วงแรกๆ ซึ่งเวลามันผ่านไปเราก็เริ่มระแคะระคายใจ ซึ่งเราพยายามจะยื้อ รั้ง บรรยากาศต่างๆไว้ให้คงเดิม อยากได้อะไร เราก็ซื้อให้เราเอง ใช้บัตรเราเอง บีก็ได้แต่บอกว่า ซื้อเลยๆเดะเราจ่ายให้ๆ ซึ่งเราก็ซื้อ ใช้ชีวิตเหมือนเดิม อยากได้อะไรก็ซื้อ เออลืมบอกไป [บีไม่ได้ทำงาน รายได้ที่แน่ชัดก็ไม่ทราบเลยว่ามาจากไหนบ้าง รายได้เดือนเท่าไหร่ ซึ่งของตัวเรา เราเปิดเผยไปตั้งแต่เรายังเป็นพนักงานธรรมดา จนขึ้นตำแหน่งมาได้เงินเดือนที่ 50K ซึ่งบีก็จะรู้หมดทุกอย่าง ว่ารายรับของเรามาจากไหน]

พีคเรื่องที่ 3… ช่วงประมาณเดือนที่ 8 มั้ง ถ้าจำไม่ผิด ตอนเลิกงาน เราอยากไปบางแสน เพราะหยุด 2วัน ก็เลยให้บีมาเจอที่ทำงานเตรียมของมาพร้อมแล้วเลยไปเลย แต่วันนั้นดันไปเจอโพสๆนึง น่าจะเกี่ยวข้องกับบี ซึ่งเพื่อนเราก็แคปมาให้ดู สรุปว่าโพสนั้นคือโพสของแฟนเก่าบี ซึ่งจับใจความได้ว่า มีการขัดผลประโยนชน์เกี่ยวกับการทำธุรกิจร่วมกันตั้งแต่สมัยคบกันจนช่วงแรกๆที่คบกับเราน่าจะมีปัญหากันอยู่ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องเงินทั้งนั้น เราก็ไม่ได้อะไรนะตอนแรก แค่งงว่าทำไมไม่บอกเราเลย ปิดบังมาตลอดเวลา ซึ่งเราไม่เคยปิดบังมันเลย ก็ทะเลาะกันหนักมากคืนนั้น เราก็ตบบีไปหลายทีอยู่ เพราะอยากเลิกจริงๆ 2-3เรื่องนี้คือจุกมาก แต่ละเรื่องคือแบบมันนไม่ควรเกิดขึ้นเลยไหม เซงมาก จากที่จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนสบายๆ ต้องมาปวดประสาทกับเรื่องพวกนี้ ส่วนบีก็ร้องไห้ไม่หยุด ได้แต่พูดว่า “ขอโอกาสอีกครั้ง สัญญาว่าจะทำให้ทันดีขึ้น อย่าทิ้งเราไปเลย เราขอโทด” ซึ่งประโยคนี้กูได้ยินจนมันเป็นคำที่ไม่อยากจะฟังอีกต่อไปแล้ว ถึงพูดออกมาก็ไม่มีความหมายสำหรับเราแล้ว ช่วงนั้นทุกข์ใจมาก มีเรื่องราวหลายเรื่องเกิดขึ้น ช่วงนั้นเราก็ไปทำงานที่โคราช ญาติที่บ้านต่างจังหวัดเสีย เราก็ต้องลางานฉุกเฉินกลับบ้าน ซึ่งบีก็เป็นห่วงเราและนั่งรถจากกรุงเทพไปนัดเจอกันครึ่งทางเพื่อกลับบ้านเรา ซึ่งนั้นก็คือครั้งแรกที่บีได้ไปเจอพ่อแม่ พี่สาว และญาติๆของเรา ซึ่งเราก็บอกทุกอย่างว่านี่คือแฟนเรานะ หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป เหมือนพายุที่เจอมาตลอด 8 เดือนจะค่อยๆสงบลง แต่ก็ไม่เชิงจะสงบซะทีเดียว เพราะตลอดเวลาก็ยังมีเรื่องต่างๆ ให้คิด ให้ทะเลาะ กันอยู่ตลอด ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้ใจเราชินขาไปแล้ว แทบจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้เรายังรักเขาอยู่ไหม แต่เขายังคงรักเราเหมือนเดินไม่เปลี่ยนแปลง จากความรู้สึกที่เราสัมผัสได้ บางครั้งเราอาจจะมองแต่ด้านของเราจนลืมมองอีกฝั่งเลย มาถึงจุดนนี้แล้ว 10 เดือน อนาคตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปไม่รู้ แต่ตอนนี้เราตอบใจตัวเองว่า เราจะให้โอกาสเขา ชีวิตทุกคนมีขึ้นมีลง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่