ปัญหาการโอนรถยนต์ธนาคารธนชาต!!

**ดูสรุปปัญหาเลยก็ได้นะคะ เป็นข้อๆแล้ว

สวัสดีค่ะ ขอสอบถามเรื่องปัญหาการโอนรถของธนาคารธนชาต เนื่องจากรู้สึกเหมือนตนเองเป็นผู้บริโภคที่เสียเปรียบมาก
เรื่องเริ่มจากการทีดิฉันไปเป็นผู้ค้ำประกันรถยนต์ที่ซื้อผ่านธนชาตมาให้คนต่างชาติ (อินเดีย) เพราะเป็นเพื่อนกัน เมื่อเวลาผ่านไปผู้เช่าซื้อก็ได้เดินทางออกนอกประเทศและเลิกทำงานในประเทศไทยกลับสู่อินเดีย แต่ปัญหาคืนรถยังผ่อนไม่หมดสิคะ ฝ่ายทวงหนี้ของธนาคารก็โทรมาทันที เราเองก็ยอมรับและพร้อมจะรับผิดชอบในฐานะคนค้ำประกัน เลยทำเรื่องของเปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อ ประเด็นคือเราไม่มีเอกสาร work permit และ visa ของชาวต่างชาติซึ่งไม่อยู่แล้ว เลยไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้ แต่ธนาคารก็เร่งลัดเรื่องหนี้ให้คนค้ำประกันรับผิดชอบ เราจึงสอบถามไปยังธนชาตระยองว่าถ้าเราผ่อนหมดแล้ว แล้วเรามีเอกสารมอบอำนาจ พร้อมสำเนา passport แต่ visa กับ workpermit มันจะหมดอายุแล้วสามารถทำเรื่องได้ไหม ซึ่งทางธนาคาร (ตอนนั้น) ให้คำตอบว่าได้ เพราะเมื่อชำระหนี้หมดแล้ว ธนาคารไม่ต้องการเอกสารยืนยันทางการเงินแล้ว จึงสามารถใช้เพียง passport ได้..เราก็ใจชื้นยอมรับภาระหนี้สินผ่อนต่อจนหมด

ณ วันนี้เมื่อเราทำเรื่องโอนรถโดยจัดส่งเอกสารตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ธนาคาร ตรวจสอบลายเซ็นต์ตรงตามระบบทุกประการ ก็รอไป 14 วันทำกาได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าต้องใช้ visa และ work permit !!! เอาแล้วไง.. เราก็ชี้แจงไปว่าเราติดตามไม่ได้และเคยสอบถามไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบปฏิเสธอย่างเดียว บอกว่าไม่ได้ต้องใช้เอกสารดังกล่าวที่ห้าม expire ด้วย!! เราเลยเกิดคำถามว่า ในเมื่อรถก็ผ่อนหมดแล้วธนาคารต้องเอกสารเหล่านี้เพื่ออะไร แล้วตอนทวงหนี้สิน บอกอย่างเดียวว่าต้องใช้หนี้แทนแต่กลับไม่บอกหล่ะว่าต้องทำอะไรบ้าง ต้องเตรียมการอย่างไร มาวันนี้กลายเป็นรถราคาหลายแสนที่ผ่อนชำระไปก็ติดอยู่กับธนาคาร.. ในฐานะผู้ค้ำประกันที่ผ่อนครบตรงเวลามาตลอดกลับทำสิ่งใดๆ ไม่ได้เลย เจ้าหน้าที่ยังบอกต่อว่า "พี่ก็ใช้รถต่อไปสิคะ.. เพียงแต่จะไม่ได้เป็นของพี่เท่านั้นเอง" !!!

ขอสอบถามผู้เชี่ยวชาญหน่อยค่ะ ว่ากรณีแบบนี้เราสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างคะ.. ถ้าจะร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานอะไรได้บ้าง.. ตอนนี้รู้สึกแย่กับทางธนาคารมากค่ะ ให้ข้อมูลมาไม่ครบตั้งแต่ต้น..สนใจแต่จะทวงหนี้อย่างเดียวเลย

ขอสรุปปัญหาและสาระสำคัญ หลังจากฝ่าฟัน (ตบตี) มีปากเสียง (เล็กน้อย) กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ดังนี้นะคะ
1. ประมาณ 2-3 ปีย้อนหลัง ฝ่ายติดตามหนี้สิน โทรแจ้งถึงปัญหาเพื่อให้ผู้ค้ำประกันรับผิดชอบตามสัญญา (ทำตามหน้าที่)
2. ผู้ค้ำประกัน (ตัวเรา) ติดต่อธนาคารเพื่อขอเปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อ ธนาคารปฏิเสธเพราะผู้ค้ำประกันไม่สามารถหาคนอื่นมาค้ำประกันตนได้ (เดิมสัญญาค้ำประกัน 2 คน)
3. ผู้ค้ำประกันติดต่อฝ่ายตายหนี้สินเพื่อชี้แจงเหตุผลที่ตนไม่สามารถเปลี่ยนเป็นชื่อผู้เช่าซื้อได้ ฝ่ายติดตามหนี้สินให้คำแนะนำในการโอนลอยแล้วรับผิดชอบในฐานะผู้ค้ำประกันต่อ (ซึ่งพนักงานทราบอยู่แล้วว่าสุดท้ายแล้วเอกสารที่เหลือและมีอายุในการขอโอนรถคืออะไรบ้าง)
4. ผู้ค้ำประกันติดต่อเจ้าหน้าที่ขนส่ง เพื่อยืนยันข้อมูล ได้รับแจ้งว่าเอกสารโอนลอย ใบมอบอำนาจ และ passport เพียงพอ (ถ้าธนาคารยินยอม จัดส่งเอกสาร)
5. ผู้ค้ำประกันยืนยันกับฝ่ายเช่าซื้อรถยนต์ ธนชาต สาขาระยอง (เป็นสำนักงาานใหญ่อีกแห่ง) เนื่องจากตัวสัญญาเช่าซื้ออยู่ที่นั้น (รถซื้อที่จันทบุรี แต่ทะเบียน กรุงเทพฯ) พนักงานแจ้งว่า เอกสาร workpermit และ visa ใช้แค่ตอนเช่าซื้อเพื่อยืนยันรายได้และการทำงาน ดังนั้นเมื่อผ่อนชำระหมดแล้วไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารดังกล่าว แค่ passport ก็เพียงพอ
6. ผู้ค้ำประกันตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินเพื่อผ่อนส่งชำระหนี้สิน แทนผู้เช่าซื้อ

เรื่องราวผ่านไปจนกระทั่งผ่อนงวดรถเสร็จสิ้น
7. วันที่ 28 ธันวาคม 2560 ผู้ค้ำประกันเดินทางไปธนาคารธนชาตสาขาตลาดกลางบางใหญ่ เพื่อทำเรื่อง โดยได้นำเอกสารได้แก่ ใบโอนลอยลงนามผู้เช่าซื้อเดิม ใบมอบอำนาจ และสำเนา passport ที่ยังไม่สิ้นอายุ สำเนาป้ายภาษี สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าโอนเล่ม (1400 บาท)
8. เจ้าหน้าที่ประจำสาขา ติดต่อ call center (คุณกมลวรรณ) รับสาย แจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องมี visa และ workpermit ที่ยังไม่หมดอายุด้วย ทั้งนี้แนะนำให้ติดต่อสภานทูตเพื่อขอเอกสารที่อยู่ผู้เช่าซื้อในอินเดีย และแจ้งว่าตนได้อัดเสียงการสนธนาไว้ เพราะตนยืนยันในคำตอบของตน)
9. ผู้เช่าซื้อร้องขอให้เจ้าหน้าที่สาขา ติดต่อฝ่ายเช่าซื้อรถยนต์ที่ระยอง
10. เจ้าหน้าที่ฝ่ายเช่าซื้อระยองยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องใช้เอกสาร visa และ workpermit ให้ทางเจ้าหน้าที่สาขา ดำเนินการจัดส่งเอกสารได้เลย โดยแบ่งเป็น 3 ชุด มีหลักฐานและเอกสารเหมือนกัน
11. เจ้าหน้าที่สาขาตรวจสอบลายเซ็นต์ในระบบ และยืนยันว่าลายเซ็นต์ผู้เช่าซื้อถูกต้อง ตามเอกสารทุกรายการ แล้วจัดส่งพร้อมแจ้งว่า 15 ทำการจะได้รับเล่ม (หากไม่มีอะไรผิดพลาด)

ช่วงปีใหม่ผ่านพ้นไป รอแล้วรออีกเปิดตู้จดหมายทุกวัน มีการเปลี่ยนแปลงมากมายคือ ฝ่ายเช่าซื้อรถยนต์ระยอง ยุบเข้า กทม. เจ้าหน้าจัดเอกสารสาขาตลาดกลางบางใหญ่ ย้ายไปสาขาอื่นแล้ว

12. ประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือนมกราคม 2561 เจ้าหน้าที่ฝ่ายโอน ธนาคารธนชาต สาขาสวนมะลิ (คุณฟาริดา) ติดต่อแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขาด visa และ workpermit
13. ตัวเรา (ผู้ค้ำประกันที่เป็น ผู้ได้รับมอบอำนาจและได้รับการโอนเป็นเจ้าของรถลำดับสุดท้าย) ชี้แจ้งที่มาทั้งหมด และปัญหาต่อเจ้าหน้าที่
14. คุณฟาริดารับทราบปัญหา พร้อมแจ้งว่าให้เอาเล่มไปดำเนินการเองไหม หรือขอชื่อของเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลมาไม่ตรง (เจ้าที่ฝ่ายจัดซื้อระยอง) แต่คุณฟาิรดาแจ้งว่า ฝ่ายเช่าซื้อรถยนต์ระยองยุบรวมเข้ากรุงเทพฯแล้ว หลังปีใหม่ไม่นาน (อ้าว.....) และให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ขนส่งจตุจักร ถ้าทางขนส่งไม่ติดประเด็นตนจะส่งเอกสารให้ได้ พร้อมขอชื่อและเบอร์ติดต่อเจ้าหน้าที่ขนส่ง (ที่คิดว่าไม่มีประเด็นเรื่องเอกสาร)
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ยืนยันว่าการให้ข้อมูลลูกค้าของธนาคารไม่ตรงกันเกิดขึ้นได้ เช่นฝ่ายติดตามหนี้สินมีหน้าที่ปิดเรื่องหนี้สินก็จะพยายามในขอบเขตงานตนเอง (เราได้อัดเสียงไว้แล้ว และเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของพนักงานธนาคารเอง)
15. ผู้เช่าซื้อติดต่อเจ้าหน้าที่ขนส่งสาขาจตุจักร และติดต่อผู้เชี่ยวชาญ เพื่อชี้แจงปัญหาและเหตุผล ทางคุณ (จิรภา) แจ้งว่าให้ทางธนาคารโทรมาคุยตนอยากทราบรายละเอียดจากทางธนาคาร
16. ผู้เช่าซื้อติดต่อคุณฟาริดา เพื่อให้เบอร์ติดต่อคุณ จิรภา ตามต้องการ

ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ ไม่มีวี่แววทางธนาคาร เราเลยติดต่อคุณฟาริดาไป
17. คุณฟาริดาแจ้งว่าติดต่อขนส่งตามเบอร์ไม่ได้ โทรแล้วสายไม่ว่างตลอด (แต่โทรให้วันละ 1 ครั้ง) เท่านั้น ทั้งนี้ได้ติดต่อหัวหน้างาน (ใช้คำว่า "ผู้ใหญ่") แจ้งว่าผู้ใหญ่ให้เลิกดำเนินการ เพราะไม่อนุมัติจังส่งเอกสาร และเพราะธนาคารไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ให้เอาเล่มไปดำเนินการเอง พร้อมเอาสลิปใบเสร็จ 1400 มายื่นขอเงินคืนไป (แต่เราทำสลิปใบเสร็จหายไปแล้ว)
18. เราขอให้คุณฟาริดาแจ้งผู้ใหญ่ติดต่อเราหน่อย
19. เราติดต่อ call center เรื่องคืนเงินและเอาเล่มออกไปดำเนินการ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเรื่องคืนเงินมีบันทึกในระบบอยู่แล้วดำเนินการได้ แต่การเอาเล่มออกไปดำเนินการเอง ถ้าไม่มี visa และ workpermit ก็ดำเนินการไม่ได้อยู่ดี!!!!

เพิ่มเติม
เราติดต่อกลับไปที่ระยอง พนักงานท่านหนึ่งรับสาย รับทราบปัญหา และความเห็นใจและแนะนำว่า ให้ไปฟ้องศาล แต่เรื่องจะนานมาและต้องเสียค่าใช้จ่าย ช่วงนี้ก็ใช้รถไปก่อน พร้อมให้ข้อมูลว่าฝ่ายเช่าซื้อเดิมระยองชั้น 5 ย้ายเข้า กทม. เพียงไม่กี่คน บ้างก็ลาออกแล้ว การติดตามเจ้าหน้าที่คนเดิมที่เคยให้ข้อมูล เมื่อไม่มีชื่อจริงยากมาก ถึงติดต่อได้แล้วอย่างไร การลงนาม ก็อยู่ที่ "ผู้ใหญ่" อยู่ดี

จนป่านนี้ "ผู้ใหญ่" ก็ไม่ติดต่อมา ฟาริดาก็ปิดมือถือ (9 โมงกว่า ยังไม่ทำงานเหรอ?)

สรุปนะคะ
1. เจ้าหน้าที่ธนาคารตั้งใจทำงานสุดความสามารถในงานตนเองและพยายามถามหารายชื่อพนักงงานคนอื่นที่ให้ข้อมูลย้อยแย้งตน โดยไม่ได้ตระหนักทราบว่า ในมุมมองลูกค้าไม่ว่าจะเป็นพนักงานท่านใด สาขาใด ฝ่ายงานใด ก็คือ "ธนาคารธนชาต" การที่เจ้าหน้าที่ธนาคารให้ข้อมูลอะไรไว้ ต่อให้จะพ้นตำแหน่งเนื่องจากการเปลี่ยนผังองค์กร ยุบหน่วยงาน หรืออะไรแล้ว ข้อมูลที่ให้ไว้ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ
2. ธนาคารมีนโยบายการทำงานชัดเจน ยืนยันในระเบียบปฏิบัติ แต่ปราศจากการพิจารณาถึงเหตุปัจจัยที่ตนให้ไว้กับผู้รับผิดชอบต่อหนี้ตน (ลูกหนี้) คำอธิบายใดๆ ถึงปัญหาและเหตุผล ธนาคารรับฟังเสมอ แต่ไม่มีฝ่ายใดสามารถให้คำชี้แนะ หรือส่งเรื่องถึง "ผู้ใหญ่" เพราะทุกคนทำตามหน้าที่ ระเบียบ จนตระหนักทราบถึง "ความเข้าใจในบริการ ปัญหาของลูกค้า และเป็นที่ปรึกษา" มีแต่จะกันปัญหาและปกป้องสิทธิตน โดยไม่คิดเสียว่า ลูกค้าไม่ได้ช้อโกงหรือปลอมแปลงเอกสารใดๆ (เพราะลูกค้าเป็นคนค้ำประกัน และถูกติดตามหนี้สิน และรับผิดชอบมาเสมอ) การที่จะอ้างว่าผู้เช่าซื้อจะฟ้องร้องตนได้นั้น (ฟาริดา กล่าวไว้) เป็นเรื่องที่ยกมาอ้างเพื่อปัดปัญหา ถ้าจะมีการฟ้องร้อง ผู้เช่าซื้อต้องมาฟ้องฝ่ายผู้รับเอาทรัพย์ไป ธนาคารเพียงยืนยันหลักฐานก็ได้ว่ามีการได้รับใบมอบอำนาจ ใบโอน และลงตามตรงตามระบบจริงๆ
3. ธนาคารทำงานประสานกับหน่วยงานภาครัฐ (ขนส่ง) เพียงเพราะแค่ทำตามหน้าที่ ไม่ได้พิจารณา ปกป้อง หรือช่วยลูกค้าในการดำเนินการอย่างไร (ลูกค้าต้องไปตามหาเบอร์โทร ผู้เชี่ยวชาญ และชี้แจงปัญหาทุกอย่าง)
4. ธนาคารมีมาตรฐานการอบรมความรู้ความเข้าใจพนักงาานภายในได้ไม่ดีพอ ทำให้ข้อมูลที่ลูกค้าได้รับแตกต่างกัน มีความย้อนแย้งในข้อมูล
5. ธนาคารธนชาตจะอยู่ในใจเรา (ตัวเรา) ตลอดไป แต่ด้วยในฐานะและภาพลักษณ์ไหน ท่านผู้อ่านทุกท่านย่อมเข้าใจความรู้สึกของเราดี
6. สิ่งที่ได้เรียกรู้การทำธุรกรรมใดๆ ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารธนชาต ท่านต้องบันทึก ชื่อ นามสกุล เวลา และตำแหน่งงานพนักงานไว้ด้วย เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง เพราะธนาคารมีพนักงานเยอะมากมายจริงๆ

สุดท้ายนี้ เราจะรอ "ผู้ใหญ่" ติดต่อมาและอัพเดตต่อไป และเราไม่มีเจตนาในการโทษ ให้ร้ายใครผู้ใดก็ตามในเนื้อหานะคะ เพียงเพราะเราอยากได้ความเห็น และสำคัญที่สุด "ความช่วยเหลือ" จากหน่วยงานหรือใครก็ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่