สวัสดีค่าาา วันนี้เราจะมารีวิว เที่ยวสวนผึ้ง 3วัน 2คืน ให้เพื่อนๆได้ดูกันนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอยากไปเที่ยวสวนผึ้งอยู่เนอะ และขอออกตัวก่อนว่าเกือบทุกรูปจะมีรูปเราติดไปด้วย มัวแต่เห่อถ่ายรูปตัวเอง ลืมถ่ายรูปวิวค่าาาา
ที่สวนผึ้งมีที่เที่ยวอยู่หลายที่ค่ะ แต่ครั้งนี้เราเลือกไปแค่ที่เดียว เนื่องจากอยากนอนพักผ่อนชิลๆมากกว่าค่ะ
เราไปวันที่ 8-10 ก.ค. 2560 เริ่มเดินทางออกจาก กทม. ประมาณ 9.00 น. ไปถึงบิ๊กซีราชบุรี ที่อยู่ในอำเภอเมือง ประมาณ 11.00 น. เพื่อแวะทานข้าว จากนั้นเดินทางต่อไปที่พัก อีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ที่พักค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ยิ่งใกล้ถึงยิ่งมีบ้านคนน้อยลง มีป่าสองข้างทางมากขึ้นเรื่อยๆ นานๆจะมีรถขับสวนผ่านไปมา
พอใกล้ถึงที่พักก็ทำใจแล้วว่า มันอาจไม่ดีอย่างที่คิด เพราะเข้ามาลึกมาก เหมือนไม่ค่อยมีคนมาพัก แต่ปรากฎว่ามันดีมากกกกค่ะ คือเราค่อนข้างประทับใจมากๆ และนี่คือบรรยากาศของที่พักค่ะ
The location resort


นี่เป็นภาพด้านหลังห้องพักค่ะ

ห้องมีทั้งหมด4แบบค่ะ คือแบบ A B C และ D เราเลือกพักแบบ A ค่ะ ราคา คืนละ 3,800 บาท แต่ช่วงนั้นเค้าลดราคา เหลือคืนละประมาณ 2,500 บาท
อันนี้เป็นภาพในห้องค่ะ เราเซฟมาจากไลน์ที่คุยกับพนักงานตอนจองห้อง ซึ่งในภาพกับของจริงก็เหมือนกันเลยค่ะ ไม่ได้มีการแต่งภาพหลอกลวงแต่อย่างใด




ตรงนี้จะเป็นประตูด้านหลังที่เปิดออกไปแล้วเจอสระว่ายน้ำเลยค่ะ วิวดีมากกกกก


มีเก้าอี้ยาวให้ด้วยค่ะ

วันแรกที่ไปถึงไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ นั่งพักชมวิวอยู่ที่รีสอร์ท และสั่งกะเพราหมู ไข่ดาวของทางรีสอร์ทมาทาน ราคาจานละไม่เกิน100 บาทค่ะ (จำราคาที่แน่นอนไม่ได้)
นี่คือมุมที่เรานั่งทานข้าวค่ะ ชิลไปอี๊กกกกกก ( ยืมรูปเค้ามาอีกแล้วค่ะ


เช้าวันที่สองเราตื่นมาก็ลงเล่นสระน้ำเลยค่ะ ขอบอกว่าอากาศดีมากๆ


พอเล่นน้ำเสร็จก็ไปทานอาหารเช้าของทางรีสอร์ทค่ะ เมนูอาหารที่พอจำได้นะคะ เช่น ไข่ดาว ไส้กรอก ข้าวผัด ข้าวสวย ข้าวต้มกุ๊ย ผัดผัก แกงจืด ไก่ทอด ขนมปังปิ้ง มีแยมกับนมข้นให้ทาด้วยค่ะ นมสด น้ำส้ม ประมาณนี้ค่ะ
จากนั้นเราก็ไปที่
Alpaca Hill ค่าเข้าคนละ 290 บาทค่ะ บัตรจะมีให้เลือกหลายแบบ ราคาอยู่ที่ 290 - 990 บาท
เราซื้อแบบ 290 บาท สิ่งที่ได้จากบัตรนี้คือ
1. อาหารป้อนอัลปาก้า 1 จาน
2. ถุงผ้าสีส้ม เอาไว้ใส่พวกอาหารและโบรชัวร์ต่างๆ
3. เข้าบ้านแฮรี่ฮัท ( แต่ไม่ได้ใส่ชุดคอสเพล พ่อมด แม่มด )
4. ขนอัลปาก้า ถุงน้อยๆมาคนละ1ถุงค่ะ( เค้าบอกว่าเก็บไว้แล้วจะโชคดี และชาวอินคานิยมนำขนมันมาใช้งาน เพราะเชื่อว่าเป็นเส้นใยจากพระเจ้า )
พอเข้าไปถึง ก็เดินไปซื้อบัตรค่ะ และจะมีเจ้าหน้าที่พูดแนะนำการเข้าและเปิดวิดิโอให้ดูค่ะ
ถุงขนอัลปาก้าค่ะ

บรรยากาศระหว่างทางไปค่ะ ธรรมชาติสุดๆ

บรรยากาศข้างในก็ประมาณนี้ค่ะ
คือจะบอกว่าของจริงหญ้าและสีของบ้านฮอบบิทไม่ได้สีสดขนาดนี้นะคะ อันนี้เราแต่งภาพเอาค่ะ


ตัวสีดำน่าร้ากกกกก





ให้อาหารห่านค่ะ
ไปบ้านแฮรี่กันค่ะ


ถ้าซื้อบัตรแพงกว่านี้จะได้ใส่ชุดแม่มดด้วยค่ะ ตรงนี้ไม่ค่อยมีไรมาก มีแต่นกฮูกตัวโตๆนี่แหระค่ะ
เดินต่อไปที่บ้านฮอบบิทเลยค่าาา



พอออกจากอัลปาก้าฮิล เราก็มุ่งตรงไปที่ครัวม่อนไข่ค่ะ แต่ช่วงที่เราไปประมาณบ่ายสามนิดๆ เค้าปิดรับลูกค้า เปิดอีกทีสี่โมงเย็น เลยต้องกลับไปสั่งอาหารในห้องอาหารของทางรีสอร์ททานค่ะ
วันที่สามเราไปทานข้าวเที่ยงที่ครัวม่อนไข่ สั่งมาแค่2เมนูค่ะ


สำหรับ 2 เมนูนี้รสชาติของอาหารยังไม่ค่อยถูกปากเรา เพราะเราทานรสเปรี้ยวเผ็ด แต่ 2 เมนูนี้ออกหวานค่ะ
ออกจากร้านอาหารก็แวะไปจิ๊กมะพร้าวบ้านเพื่อนมา2ทะลาย แวะซื้อเค้กโอ่งแถวถนนสุริยวงศ์แล้วก็กลับ กทม.ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูรีวิวของเรานะคะ อันนี้เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ
[CR] ไปเที่ยวสวนผึ้งกันนนนน
ที่สวนผึ้งมีที่เที่ยวอยู่หลายที่ค่ะ แต่ครั้งนี้เราเลือกไปแค่ที่เดียว เนื่องจากอยากนอนพักผ่อนชิลๆมากกว่าค่ะ
เราไปวันที่ 8-10 ก.ค. 2560 เริ่มเดินทางออกจาก กทม. ประมาณ 9.00 น. ไปถึงบิ๊กซีราชบุรี ที่อยู่ในอำเภอเมือง ประมาณ 11.00 น. เพื่อแวะทานข้าว จากนั้นเดินทางต่อไปที่พัก อีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ที่พักค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ยิ่งใกล้ถึงยิ่งมีบ้านคนน้อยลง มีป่าสองข้างทางมากขึ้นเรื่อยๆ นานๆจะมีรถขับสวนผ่านไปมา
พอใกล้ถึงที่พักก็ทำใจแล้วว่า มันอาจไม่ดีอย่างที่คิด เพราะเข้ามาลึกมาก เหมือนไม่ค่อยมีคนมาพัก แต่ปรากฎว่ามันดีมากกกกค่ะ คือเราค่อนข้างประทับใจมากๆ และนี่คือบรรยากาศของที่พักค่ะ
ห้องมีทั้งหมด4แบบค่ะ คือแบบ A B C และ D เราเลือกพักแบบ A ค่ะ ราคา คืนละ 3,800 บาท แต่ช่วงนั้นเค้าลดราคา เหลือคืนละประมาณ 2,500 บาท
อันนี้เป็นภาพในห้องค่ะ เราเซฟมาจากไลน์ที่คุยกับพนักงานตอนจองห้อง ซึ่งในภาพกับของจริงก็เหมือนกันเลยค่ะ ไม่ได้มีการแต่งภาพหลอกลวงแต่อย่างใด
วันแรกที่ไปถึงไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ นั่งพักชมวิวอยู่ที่รีสอร์ท และสั่งกะเพราหมู ไข่ดาวของทางรีสอร์ทมาทาน ราคาจานละไม่เกิน100 บาทค่ะ (จำราคาที่แน่นอนไม่ได้)
พอเล่นน้ำเสร็จก็ไปทานอาหารเช้าของทางรีสอร์ทค่ะ เมนูอาหารที่พอจำได้นะคะ เช่น ไข่ดาว ไส้กรอก ข้าวผัด ข้าวสวย ข้าวต้มกุ๊ย ผัดผัก แกงจืด ไก่ทอด ขนมปังปิ้ง มีแยมกับนมข้นให้ทาด้วยค่ะ นมสด น้ำส้ม ประมาณนี้ค่ะ
จากนั้นเราก็ไปที่ Alpaca Hill ค่าเข้าคนละ 290 บาทค่ะ บัตรจะมีให้เลือกหลายแบบ ราคาอยู่ที่ 290 - 990 บาท
เราซื้อแบบ 290 บาท สิ่งที่ได้จากบัตรนี้คือ
1. อาหารป้อนอัลปาก้า 1 จาน
2. ถุงผ้าสีส้ม เอาไว้ใส่พวกอาหารและโบรชัวร์ต่างๆ
3. เข้าบ้านแฮรี่ฮัท ( แต่ไม่ได้ใส่ชุดคอสเพล พ่อมด แม่มด )
4. ขนอัลปาก้า ถุงน้อยๆมาคนละ1ถุงค่ะ( เค้าบอกว่าเก็บไว้แล้วจะโชคดี และชาวอินคานิยมนำขนมันมาใช้งาน เพราะเชื่อว่าเป็นเส้นใยจากพระเจ้า )
พอเข้าไปถึง ก็เดินไปซื้อบัตรค่ะ และจะมีเจ้าหน้าที่พูดแนะนำการเข้าและเปิดวิดิโอให้ดูค่ะ
คือจะบอกว่าของจริงหญ้าและสีของบ้านฮอบบิทไม่ได้สีสดขนาดนี้นะคะ อันนี้เราแต่งภาพเอาค่ะ
ถ้าซื้อบัตรแพงกว่านี้จะได้ใส่ชุดแม่มดด้วยค่ะ ตรงนี้ไม่ค่อยมีไรมาก มีแต่นกฮูกตัวโตๆนี่แหระค่ะ
พอออกจากอัลปาก้าฮิล เราก็มุ่งตรงไปที่ครัวม่อนไข่ค่ะ แต่ช่วงที่เราไปประมาณบ่ายสามนิดๆ เค้าปิดรับลูกค้า เปิดอีกทีสี่โมงเย็น เลยต้องกลับไปสั่งอาหารในห้องอาหารของทางรีสอร์ททานค่ะ
สำหรับ 2 เมนูนี้รสชาติของอาหารยังไม่ค่อยถูกปากเรา เพราะเราทานรสเปรี้ยวเผ็ด แต่ 2 เมนูนี้ออกหวานค่ะ
ออกจากร้านอาหารก็แวะไปจิ๊กมะพร้าวบ้านเพื่อนมา2ทะลาย แวะซื้อเค้กโอ่งแถวถนนสุริยวงศ์แล้วก็กลับ กทม.ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูรีวิวของเรานะคะ อันนี้เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ