เพจเพจหนึ่ง ใช้แพลตฟอร์มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับสร้างความรับรู้ไม่ได้เท่าที่ควร
รณรงค์ให้เคารพรุ่นน้อง แต่กลับละเมิดข้อมูลส่วนตัวของนิสิตนักศึกษา และสวมรอยเป็นนิสิตนักศึกษาเหล่านั้น
บอกว่า การรับน้องต้องพูดคุยกับผู้จัด แต่กลับหาผลประโยชน์จากการรู้จักผู้จัดรับน้องเพื่อให้ผู้อื่นเสียหาย
บอกว่า โรคซึมเศร้า ต้องรักษา แต่กลับพยายามทำให้นิสิตนักศึกษากลุ่มหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้า และอยากฆ่าตัวตาย
บอกว่า มีอะไรให้ติดต่อเพจได้ ทั้งในฐานะผู้เสียหายและผู้มีจิตอาสา แต่กลับรังแกทั้งสองกลุ่ม โดยไม่เปิดเผยข้อมูลตัวเองเป็นสาธารณะ
และชอบอ้างว่า การกระทำเช่นนี้ต้องปิดตัว ถ้าเปิดเผยตัว ก็ทำให้เป็นเป้าความขัดแย้ง ทั้ง ๆ ที่เป้าหมายคือสมานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ให้เป็นความสัมพันธ์แนวราบ คือ รุ่นพี่รุ่นน้องเท่าเทียมทางสังคม ในฐานะนิสิตนักศึกษาร่วมมหาวิทยาลัย
ปกปิดจุดบอดของตรรกะตัวเอง แต่แฉจุดอ่อนของผู้อื่นไม่เว้นหน้า
บอกว่า คนมีการศึกษา ต้องมีความรับผิดชอบ แต่มันจะอ้างตัวว่าไม่มีการศึกษา เพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่คนในกลุ่มนั้นบางคนมีการศึกษา ป ตรี นะ
บอกให้เชิดชูศาสตราจารย์ทางศิลปกรรม แต่หมิ่นเทพเจ้าที่เป็นที่เคารพในวงการศิลปกรรม ทั้ง ๆ ที่เทพเจ้าเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานศิลปกรรมเหล่านี้แท้ ๆ และเป็นจุดที่ทำให้ศาสตราจารย์เหล่านั้นมีชื่อเสียง
กล้าทำชั่ว แต่เอาชื่อนิสิตนักศึกษาที่ไม่รู้เรื่องมารับเคราะห์
กล้าด่าพนักงานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ให้ความคิดเห็นเพื่อตักเตือนการกระทำของเพจ ตามหลักฐานนี้
https://pantip.com/topic/35524884
เพจเพจนี้ คงไม่ใช่ใครอื่น นอกจากรับน้องสร้างสรรค์ และเนื่องจากถูกรายงานบ่อย จึงมีใช้ชื่ออื่น ๆ ที่ใกล้เคียงจำนวนมาก
ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2560 เขาสร้างความเสี่ยงให้นักศึกษาสาขาวิชาการประกันภัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยใช้เพื่อนของเพื่อนในเฟซบุกเข้าตีสนิทเพื่อเข้าถึงข้อมูลบางประการที่เมื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ จะละเมิดความเป็นส่วนตัวทันที
ครั้งนี้เท่าที่เห็นกระทู้ของเพจที่ได้รายงานมาทั้งหมดในพันทิป จะเป็นครั้งแรกที่เครือข่ายนี้ได้ปั่นป่วนนักศึกษาที่ศึกษาที่กรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก ได้สำเร็จเป็นระยะเวลาหลายเดือน คือตั้งแต่สิงหาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน ผ่านคำชักชวนจากเพจให้ช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องการรับน้องสร้างสรรค์ แม้ว่านักศึกษาคนนี้จะยินดีสละกำลังกายกำลังใจเพื่อการลดความเสี่ยงจากการรับน้องที่ผิดกฎหมายตลอดช่วงเวลาระหว่างเทอม และช่วงสามสัปดาห์แรกของภาคการศึกษา แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการถูกคุกคามทาง Facebook Dek-D และแม้แต่พันทิป (ขอบคุณที่ทีมงานพันทิปได้ลบกระทู้ที่ไม่สร้างสรรค์แต่สร้างความขัดแย้งออกทันทีที่พบว่าปรากฏในพันทิป)
สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้เขียน และนักศึกษาผู้ประสบภัยคุกคามทางออนไลน์ จะกล่าวข้อมูลที่มีลักษณะสำคัญเพียงบางประการ การเขียนกระทู้นี้เป็นไปเพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้ถูกคุกคาม และเพื่อให้เจ้าของกระทู้ ในฐานะเพื่อนที่กำลังศึกษาเพื่อประกอบวิชาชีพทางการประกันภัย ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่นักศึกษาคนที่เสียหายได้ศึกษาอยู่ด้วย ได้สื่อสารถึงภัยที่มีนัยสำคัญต่อตนเอง ผู้ร่วมวงการวิชาชีพ สังคมมหาวิทยาลัย และสังคมไทยโดยภาพรวม ตามจรรยาบรรณวิชาชีพ หน้าที่ของพลเมืองไทยที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย และวัฒนธรรมอันดีงาม
นักศึกษาที่ได้รับความเสียหายคนนี้สนใจที่จัดการความเสี่ยงทางการรับน้อง ต่อไปจะเรียกว่า นาย ค ได้ติดต่อกับพระคนหนึ่ง ต่อไปนี้จะเรียกว่า พระ ก จากวัดแห่งหนึ่งที่คาดว่าอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบางริ้น เกี่ยวกับความช่วยเหลือที่เพจนี้จะทำ เพื่อให้มหาวิทยาลัยทั่วประเทศปลอดการรับน้องรุนแรง โดยเมื่อคุยกันแล้ว พระ ก แนะนำให้คุยกับรุ่นพี่คนนึงที่พระ ก เคยแก้ปัญหาให้ ต่อไปจะเรียกว่า นางสาว ข เป็นนิสิตที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร และคนนี้ได้อ้างตัวว่า ปัญหาการรับน้องในภาควิชาได้ยุติเพราะคนคนนี้
นาย ค สนใจที่จะควบคุมความเสี่ยงในกระบวนการรับน้อง จึงเชื่อใจกลุ่มนี้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับประสบปัญหาที่พ่อแม่บงการลูก ในด้านศาสนาจนสมาธิและเวลาในการเรียนถูกทำลาย (ปัจจุบัน ปัญหานี้ได้แก้ไขแล้ว โดยครอบครัวของ นาย ค ปรึกษาจิตแพทย์คนหนึ่งในหน่วยงานของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศ) และคำถามหนึ่งในแชทจากนางสาว ย ที่ถาม นาย ค ว่าถูกแกล้งมาตลอดหรือไม่ ทำให้นาย ค ตอบว่าใช่ เพราะโดนแกล้งตลอดทุกช่วงชีวิตจนถึงปัจจุบันจริง ยกเว้นสามปีแรกในมหาวิทยาลัย
ขณะที่ติดต่อกับพระ ก และนางสาว ข นาย ค ก็เพิ่งสอบปลายภาค และสอบข้อสอบ MLC ของสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ( www.soa.org ) เสร็จ พร้อม ๆ กับเตรียมสอบ MFE ในเดือนกรกฎาคม ที่นาย ค รีบสอบเพราะว่าสมาคมกำลังจะเปลี่ยนหลักสูตรในเดือน กรกฎาคม 2561 และจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มจำนวนมากหากจบหลักสูตร ASA (ผู้ช่วยนักคณิตศาสตร์ประกันภัย) ไม่ทันเวลาที่สมาคม ฯ กำหนด แต่ว่าแนวทางการแก้ปัญหาการรับน้อง คือให้ นาย ค ไปพักที่กุฏิของวัดแห่งหนึ่งในเกาะรัตนโกสินทร์ที่พระ ก มาขออาศัยเพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ทั้งที่มีสอบในสัปดาห์แรกของเดือน และค่าสอบเป็นหมื่นบาท
นาย ค ไม่ได้อ่านหนังสือเลยตลอดช่วงเดือนมิถุนายนเพราะเป็นเลขาธิการขององค์กรนักศึกษาแห่งหนึ่งด้วย เพิ่งได้รับคัดเลือกเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งต้องการความรับผิดชอบมหาศาส แถมคนในองค์กรแห่งนี้ได้เอาเปรียบเลขาอย่างต่อเนื่อง โดยให้เลขาทำเอกสารที่ต้องอาศัยการตัดสินใจของสมาชิกร่วมกันทั้งองค์กร ลัดขั้นตอนการประชุม และการอนุมัติงบตามระเบียบองค์กร เช่น การปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงของสถานทูตของประเทศมหาอำนาจแห่งหนึ่ง เป็นต้น
พระ ก ได้แนะนำให้ไม่เข้าร่วมการประชุมระหว่างองค์กรนักศึกษาเพียงเพราะมีปัญหาครอบครัว ทั้งที่ควรบอกว่า ต้องการจะเตรียมตัวสอบมากกว่า แต่วันทั้งวันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากคุยกรณีปัญหารับน้อง และหาที่อยู่ให้พระ ก ได้แก้ปัญหาต่อในช่วงเข้าพรรษา จนไม่ได้อ่านหนังสือสอบ และพระ ก ยังชวนไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนตอนไปรับการรักษาด้วย โดยได้แสดงความสามารถคามเป็นนักจิตวิทยาอกมาด้วย และแนะนำนาย ค โพสต์ข้อความในหน้าเฟซบุกเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ยุติธรรมขององค์กรนักศึกษา ซึ่งได้รับการกดถูกใจในปัจจุบันกว่า 900 ครั้ง และยอดแชร์เหยียบหลักร้อย แต่ว่าเพจรับน้องสร้างสรรค์ระดับพระกาฬกลับชงประเด็นให้ประธานออกจากองค์กรเสียเอง จนทำให้องค์กรปลดเลขา (นาย ค) ออกจากตำแหน่ง
สองวันก่อนวันอาสาฬหบูชา เจ้าอาวาสวัดให้เตรียมเก็บข้าวของออกจากวัดเพราะพระ ก ไม่ประสงค์เรียนบาลี และ นาย ค ใช้โอกาสนี้ออกจากวัดไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ MFE (โมเดลเศรษฐศาสตร์การเงิน) ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในสยามสแควร์ ด้วยเวลาทั้งหมดที่มีอยู่เพียงยี่สิบชั่วโมงก่อนสอบ ระหว่างทางไป พระ ก ติดต่อมาเป็นระยะให้หาที่อยู่ให้ท่าน โดยไม่ต้องเรียนบาลี แต่เมื่อสอบถามวัดต่าง ๆ ในย่านสยามสแควร์และสามย่าน แล้วได้คำตอบเดียวกัน คือ ต้องเรียนบาลี เลยต้องบอกท่านว่า หาไม่ได้ เพราะกฎวัด และพระขู่ว่าจะกลับไประยอง หรือภูมิลำเนา และ ถ้าหาให้ไม่ได้ แต่ นาย ค ไม่อยากแทรกแซงการตัดสินใจของวัด เลยไม่สามารถจัดหาที่อยู่ให้ได้ และยอมให้ท่านกลับต่างจังหวัดไป จนในที่สุดได้อ่านหนังสือตอน 17 นาฬิกา ซึ่งแน่นอน ต้องอ่านโต้รุ่ง เพราะจะอ่านไม่ทัน
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เพจรับน้องของความช่วยเหลือให้ติดต่อองค์กรราชการให้ใส่ใจปัญหารับน้อง และทำสื่อการแสดงออกมา (เพจรับน้องสร้างสรรค์ได้ทำสื่อโดยใช้นักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง ที่เป็นนักแสดงอยู่แล้ว นำแสดง) ให้เผยแพร่ ซึ่ง นาย ค ได้ช่วยติดต่อให้และช่วยเหลือนักศึกษาในต่างจังหวัดที่ถูกรังแก รอดจากภัยรับน้อง
เจ้าของกระทู้ได้ศึกษาวิชาการประกันภัยและจัดการความเสี่ยง พบว่า ความเสี่ยงใด ๆ สามารถจัดการได้ สี่วิธี คือ การรับไว้เอง เช่น จอดรถไว้กลางแจ้ง ก็ต้องรับความเสี่ยงที่รถจะถูกฝนตกใส่ การป้องกันความเสี่ยง เช่น การคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ หรือการติดตั้งสัญญาณไฟจราจร เพื่อลดความน่าจะเป็นที่จะเกิดอุบัติเหตุ การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เช่น การไม่ดื่มเหล้าเพื่อไม่ให้ถูกตำรวจจับขณะขับรถเป็นต้น ส่วนการถ่ายโอนความเสี่ยง คือ การทำประกันภัยรถยนต์
ความเสี่ยงจากการรับน้องเช่นกัน คือ น้องต้องรับความเสี่ยงที่จะเจอรุ่นพี่รังแก และไม่สามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมได้ เพราะจะเจอความเสี่ยงที่จะถูกคนทั้งรุ่นแบนได้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวอีกความเสียงหนึ่ง ดังนั้น ผู้มีอำนาจ ต้องเข้ามาควบคุมความเสี่ยง คือ ลดความน่าจะเป็นที่จะมีการรับน้องรุนแรง และลดความรุนแรงที่ใช้ในการรับน้อง ทั้งต่อน้อง ต่อผู้จัด และผู้มีส่วนได้เสียทุกคน ส่วนการถ่ายโอนความเสี่ยงคือ สถานศึกษาต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่นักศึกษาที่จัดรับน้องสร้างขึ้นและเกิดผลแก่น้องใหม่
เมื่อจัดการความเสี่ยงเช่นนี้ได้รายสองราย เพจรับน้องสร้างสรรค์ระดับพระกาฬ ได้เชิญให้ นาย ค ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แก่รายการเรื่องเด่นเย็นนี้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ถึงกรณีรับน้องรุนแรงในภาคอีสาน ซึ่งทำให้นาย ค ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรณรงค์เพื่อจัดการความเสี่ยงในกระบวนการรับน้อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับสังคมมหาวิทยาลัย และสังคมอื่น ๆ ของน้องใหม่ และจะส่งผลต่อไปยังผลการเรียน และเส้นทางอาชีพในที่สุด
เหตุการณ์รับน้องต่อ ๆ มา ที่นาย ค รับไว้ ก็ปรากฏผู้เสียหายชัดเจน และ พระ ก กับ นางสาว ข ยังให้ความช่วยเหลืออยู่ จนถึงวันเปิดเทอม เพจได้สั่งให้ นาย ค ไปสำรวจว่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยที่นาย ค ศึกษาอยู่ ยังมีรับน้องรุนแรงหรือไม่ ในเวลาอันเป็นเวลาเรียนของนาย ค ซึ่งทำให้ไม่สามารถดูได้อย่างทั่วถึง อันนำไปสู่การ Blackmail นาย ค ด้วยวิธีต่าง ๆ ผ่านสื่อออนไลน์ทุกสื่อที่ นาย ค ได้เคยให้ พระ ก ไว้ เช่น ให้ นาย ค LIVE สด เพื่อจะได้พิมพ์ด่า นาย ค ได้อย่างสะดวก แล้ว ก็โพสต์ข้อมูลที่ นาย ค ให้ นางสาว ข ดูเท่านั้น และไม่อนุญาตให้เผยแพร่สู่สาธารณะ ในลักษณะที่เป็นการหมิ่นประมาท นาย ค เชิงโฆษณา
ต่อมามีตัวละครสมมุติใน LINE ส่งข้อความที่เป็นข้อความขยะหา นาย ค ว่า ภาควิชาที่ นาย ค เรียนอยู่ มีการรับน้องรุนแรง แต่ว่าตัวละครตัวนี้ไม่ได้บอกข้อมูลอะไรเลย ที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการสถานการณ์ บอกแค่ว่า เป็นน้องของพี่ โดนว้าก สนใจด้วย ขอหมายเลขนิสิต น้องก็บอกว่า แค่นี้ก็ทำให้น้องไว้ใจไม่ได้ เลยถามชื่อจริง น้องก็ไม่บอก และย้ำ นาย ค แค่ว่า มีการว้ากในภาควิชาของพี่ พร้อม ๆ กับคุกคามแม่ของนาย ค ด้วย ครั้น นาย ค จะติดต่อ พระ ก หรือนางสาว ข ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ แถมยังโดนด่าราวกับทำความผิดทางกฎหมายมา นาย ค เลยไม่สามารถให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหารับน้องรายการนี้ได้ เพราะเขาชี้แต่ปัญหา และไม่ได้ชี้ว่า เกิดขึ้นกับใคร เกิดขึ้นอย่างไร เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดขึ้นที่ส่วนใดของภาควิชา ฯลฯ และแชทไลน์นี้ก็ถูกเผยแพร่ทางเพจด้วย ทั้งที่เพจก็บอกเองว่า จะทำให้รุ่นน้องสบายใจได้ ถ้าติดต่อเพจนี้ แต่การกระทำของเพจก็ได้ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของรุ่นน้องแล้ว เหตุทั้งหมดทำให้ นาย ค สันนิษฐานว่าน้องคนนั้นคือคนที่ถูกสมมุติขึ้น
เพจรับน้องสร้างสรรค์ระดับพระกาฬ คุกคามหลายคนที่อาสาช่วยเหลือ ไม่เว้นนักศึกษาสาขาวิชาการประกันภัย
รณรงค์ให้เคารพรุ่นน้อง แต่กลับละเมิดข้อมูลส่วนตัวของนิสิตนักศึกษา และสวมรอยเป็นนิสิตนักศึกษาเหล่านั้น
บอกว่า การรับน้องต้องพูดคุยกับผู้จัด แต่กลับหาผลประโยชน์จากการรู้จักผู้จัดรับน้องเพื่อให้ผู้อื่นเสียหาย
บอกว่า โรคซึมเศร้า ต้องรักษา แต่กลับพยายามทำให้นิสิตนักศึกษากลุ่มหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้า และอยากฆ่าตัวตาย
บอกว่า มีอะไรให้ติดต่อเพจได้ ทั้งในฐานะผู้เสียหายและผู้มีจิตอาสา แต่กลับรังแกทั้งสองกลุ่ม โดยไม่เปิดเผยข้อมูลตัวเองเป็นสาธารณะ
และชอบอ้างว่า การกระทำเช่นนี้ต้องปิดตัว ถ้าเปิดเผยตัว ก็ทำให้เป็นเป้าความขัดแย้ง ทั้ง ๆ ที่เป้าหมายคือสมานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ให้เป็นความสัมพันธ์แนวราบ คือ รุ่นพี่รุ่นน้องเท่าเทียมทางสังคม ในฐานะนิสิตนักศึกษาร่วมมหาวิทยาลัย
ปกปิดจุดบอดของตรรกะตัวเอง แต่แฉจุดอ่อนของผู้อื่นไม่เว้นหน้า
บอกว่า คนมีการศึกษา ต้องมีความรับผิดชอบ แต่มันจะอ้างตัวว่าไม่มีการศึกษา เพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่คนในกลุ่มนั้นบางคนมีการศึกษา ป ตรี นะ
บอกให้เชิดชูศาสตราจารย์ทางศิลปกรรม แต่หมิ่นเทพเจ้าที่เป็นที่เคารพในวงการศิลปกรรม ทั้ง ๆ ที่เทพเจ้าเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานศิลปกรรมเหล่านี้แท้ ๆ และเป็นจุดที่ทำให้ศาสตราจารย์เหล่านั้นมีชื่อเสียง
กล้าทำชั่ว แต่เอาชื่อนิสิตนักศึกษาที่ไม่รู้เรื่องมารับเคราะห์
กล้าด่าพนักงานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ให้ความคิดเห็นเพื่อตักเตือนการกระทำของเพจ ตามหลักฐานนี้
https://pantip.com/topic/35524884
เพจเพจนี้ คงไม่ใช่ใครอื่น นอกจากรับน้องสร้างสรรค์ และเนื่องจากถูกรายงานบ่อย จึงมีใช้ชื่ออื่น ๆ ที่ใกล้เคียงจำนวนมาก
ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2560 เขาสร้างความเสี่ยงให้นักศึกษาสาขาวิชาการประกันภัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยใช้เพื่อนของเพื่อนในเฟซบุกเข้าตีสนิทเพื่อเข้าถึงข้อมูลบางประการที่เมื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ จะละเมิดความเป็นส่วนตัวทันที
ครั้งนี้เท่าที่เห็นกระทู้ของเพจที่ได้รายงานมาทั้งหมดในพันทิป จะเป็นครั้งแรกที่เครือข่ายนี้ได้ปั่นป่วนนักศึกษาที่ศึกษาที่กรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก ได้สำเร็จเป็นระยะเวลาหลายเดือน คือตั้งแต่สิงหาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน ผ่านคำชักชวนจากเพจให้ช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องการรับน้องสร้างสรรค์ แม้ว่านักศึกษาคนนี้จะยินดีสละกำลังกายกำลังใจเพื่อการลดความเสี่ยงจากการรับน้องที่ผิดกฎหมายตลอดช่วงเวลาระหว่างเทอม และช่วงสามสัปดาห์แรกของภาคการศึกษา แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการถูกคุกคามทาง Facebook Dek-D และแม้แต่พันทิป (ขอบคุณที่ทีมงานพันทิปได้ลบกระทู้ที่ไม่สร้างสรรค์แต่สร้างความขัดแย้งออกทันทีที่พบว่าปรากฏในพันทิป)
สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้เขียน และนักศึกษาผู้ประสบภัยคุกคามทางออนไลน์ จะกล่าวข้อมูลที่มีลักษณะสำคัญเพียงบางประการ การเขียนกระทู้นี้เป็นไปเพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้ถูกคุกคาม และเพื่อให้เจ้าของกระทู้ ในฐานะเพื่อนที่กำลังศึกษาเพื่อประกอบวิชาชีพทางการประกันภัย ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่นักศึกษาคนที่เสียหายได้ศึกษาอยู่ด้วย ได้สื่อสารถึงภัยที่มีนัยสำคัญต่อตนเอง ผู้ร่วมวงการวิชาชีพ สังคมมหาวิทยาลัย และสังคมไทยโดยภาพรวม ตามจรรยาบรรณวิชาชีพ หน้าที่ของพลเมืองไทยที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย และวัฒนธรรมอันดีงาม
นักศึกษาที่ได้รับความเสียหายคนนี้สนใจที่จัดการความเสี่ยงทางการรับน้อง ต่อไปจะเรียกว่า นาย ค ได้ติดต่อกับพระคนหนึ่ง ต่อไปนี้จะเรียกว่า พระ ก จากวัดแห่งหนึ่งที่คาดว่าอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบางริ้น เกี่ยวกับความช่วยเหลือที่เพจนี้จะทำ เพื่อให้มหาวิทยาลัยทั่วประเทศปลอดการรับน้องรุนแรง โดยเมื่อคุยกันแล้ว พระ ก แนะนำให้คุยกับรุ่นพี่คนนึงที่พระ ก เคยแก้ปัญหาให้ ต่อไปจะเรียกว่า นางสาว ข เป็นนิสิตที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร และคนนี้ได้อ้างตัวว่า ปัญหาการรับน้องในภาควิชาได้ยุติเพราะคนคนนี้
นาย ค สนใจที่จะควบคุมความเสี่ยงในกระบวนการรับน้อง จึงเชื่อใจกลุ่มนี้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับประสบปัญหาที่พ่อแม่บงการลูก ในด้านศาสนาจนสมาธิและเวลาในการเรียนถูกทำลาย (ปัจจุบัน ปัญหานี้ได้แก้ไขแล้ว โดยครอบครัวของ นาย ค ปรึกษาจิตแพทย์คนหนึ่งในหน่วยงานของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศ) และคำถามหนึ่งในแชทจากนางสาว ย ที่ถาม นาย ค ว่าถูกแกล้งมาตลอดหรือไม่ ทำให้นาย ค ตอบว่าใช่ เพราะโดนแกล้งตลอดทุกช่วงชีวิตจนถึงปัจจุบันจริง ยกเว้นสามปีแรกในมหาวิทยาลัย
ขณะที่ติดต่อกับพระ ก และนางสาว ข นาย ค ก็เพิ่งสอบปลายภาค และสอบข้อสอบ MLC ของสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ( www.soa.org ) เสร็จ พร้อม ๆ กับเตรียมสอบ MFE ในเดือนกรกฎาคม ที่นาย ค รีบสอบเพราะว่าสมาคมกำลังจะเปลี่ยนหลักสูตรในเดือน กรกฎาคม 2561 และจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มจำนวนมากหากจบหลักสูตร ASA (ผู้ช่วยนักคณิตศาสตร์ประกันภัย) ไม่ทันเวลาที่สมาคม ฯ กำหนด แต่ว่าแนวทางการแก้ปัญหาการรับน้อง คือให้ นาย ค ไปพักที่กุฏิของวัดแห่งหนึ่งในเกาะรัตนโกสินทร์ที่พระ ก มาขออาศัยเพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ทั้งที่มีสอบในสัปดาห์แรกของเดือน และค่าสอบเป็นหมื่นบาท
นาย ค ไม่ได้อ่านหนังสือเลยตลอดช่วงเดือนมิถุนายนเพราะเป็นเลขาธิการขององค์กรนักศึกษาแห่งหนึ่งด้วย เพิ่งได้รับคัดเลือกเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งต้องการความรับผิดชอบมหาศาส แถมคนในองค์กรแห่งนี้ได้เอาเปรียบเลขาอย่างต่อเนื่อง โดยให้เลขาทำเอกสารที่ต้องอาศัยการตัดสินใจของสมาชิกร่วมกันทั้งองค์กร ลัดขั้นตอนการประชุม และการอนุมัติงบตามระเบียบองค์กร เช่น การปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงของสถานทูตของประเทศมหาอำนาจแห่งหนึ่ง เป็นต้น
พระ ก ได้แนะนำให้ไม่เข้าร่วมการประชุมระหว่างองค์กรนักศึกษาเพียงเพราะมีปัญหาครอบครัว ทั้งที่ควรบอกว่า ต้องการจะเตรียมตัวสอบมากกว่า แต่วันทั้งวันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากคุยกรณีปัญหารับน้อง และหาที่อยู่ให้พระ ก ได้แก้ปัญหาต่อในช่วงเข้าพรรษา จนไม่ได้อ่านหนังสือสอบ และพระ ก ยังชวนไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนตอนไปรับการรักษาด้วย โดยได้แสดงความสามารถคามเป็นนักจิตวิทยาอกมาด้วย และแนะนำนาย ค โพสต์ข้อความในหน้าเฟซบุกเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ยุติธรรมขององค์กรนักศึกษา ซึ่งได้รับการกดถูกใจในปัจจุบันกว่า 900 ครั้ง และยอดแชร์เหยียบหลักร้อย แต่ว่าเพจรับน้องสร้างสรรค์ระดับพระกาฬกลับชงประเด็นให้ประธานออกจากองค์กรเสียเอง จนทำให้องค์กรปลดเลขา (นาย ค) ออกจากตำแหน่ง
สองวันก่อนวันอาสาฬหบูชา เจ้าอาวาสวัดให้เตรียมเก็บข้าวของออกจากวัดเพราะพระ ก ไม่ประสงค์เรียนบาลี และ นาย ค ใช้โอกาสนี้ออกจากวัดไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ MFE (โมเดลเศรษฐศาสตร์การเงิน) ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในสยามสแควร์ ด้วยเวลาทั้งหมดที่มีอยู่เพียงยี่สิบชั่วโมงก่อนสอบ ระหว่างทางไป พระ ก ติดต่อมาเป็นระยะให้หาที่อยู่ให้ท่าน โดยไม่ต้องเรียนบาลี แต่เมื่อสอบถามวัดต่าง ๆ ในย่านสยามสแควร์และสามย่าน แล้วได้คำตอบเดียวกัน คือ ต้องเรียนบาลี เลยต้องบอกท่านว่า หาไม่ได้ เพราะกฎวัด และพระขู่ว่าจะกลับไประยอง หรือภูมิลำเนา และ ถ้าหาให้ไม่ได้ แต่ นาย ค ไม่อยากแทรกแซงการตัดสินใจของวัด เลยไม่สามารถจัดหาที่อยู่ให้ได้ และยอมให้ท่านกลับต่างจังหวัดไป จนในที่สุดได้อ่านหนังสือตอน 17 นาฬิกา ซึ่งแน่นอน ต้องอ่านโต้รุ่ง เพราะจะอ่านไม่ทัน
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เพจรับน้องของความช่วยเหลือให้ติดต่อองค์กรราชการให้ใส่ใจปัญหารับน้อง และทำสื่อการแสดงออกมา (เพจรับน้องสร้างสรรค์ได้ทำสื่อโดยใช้นักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง ที่เป็นนักแสดงอยู่แล้ว นำแสดง) ให้เผยแพร่ ซึ่ง นาย ค ได้ช่วยติดต่อให้และช่วยเหลือนักศึกษาในต่างจังหวัดที่ถูกรังแก รอดจากภัยรับน้อง
เจ้าของกระทู้ได้ศึกษาวิชาการประกันภัยและจัดการความเสี่ยง พบว่า ความเสี่ยงใด ๆ สามารถจัดการได้ สี่วิธี คือ การรับไว้เอง เช่น จอดรถไว้กลางแจ้ง ก็ต้องรับความเสี่ยงที่รถจะถูกฝนตกใส่ การป้องกันความเสี่ยง เช่น การคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ หรือการติดตั้งสัญญาณไฟจราจร เพื่อลดความน่าจะเป็นที่จะเกิดอุบัติเหตุ การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เช่น การไม่ดื่มเหล้าเพื่อไม่ให้ถูกตำรวจจับขณะขับรถเป็นต้น ส่วนการถ่ายโอนความเสี่ยง คือ การทำประกันภัยรถยนต์
ความเสี่ยงจากการรับน้องเช่นกัน คือ น้องต้องรับความเสี่ยงที่จะเจอรุ่นพี่รังแก และไม่สามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมได้ เพราะจะเจอความเสี่ยงที่จะถูกคนทั้งรุ่นแบนได้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวอีกความเสียงหนึ่ง ดังนั้น ผู้มีอำนาจ ต้องเข้ามาควบคุมความเสี่ยง คือ ลดความน่าจะเป็นที่จะมีการรับน้องรุนแรง และลดความรุนแรงที่ใช้ในการรับน้อง ทั้งต่อน้อง ต่อผู้จัด และผู้มีส่วนได้เสียทุกคน ส่วนการถ่ายโอนความเสี่ยงคือ สถานศึกษาต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่นักศึกษาที่จัดรับน้องสร้างขึ้นและเกิดผลแก่น้องใหม่
เมื่อจัดการความเสี่ยงเช่นนี้ได้รายสองราย เพจรับน้องสร้างสรรค์ระดับพระกาฬ ได้เชิญให้ นาย ค ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แก่รายการเรื่องเด่นเย็นนี้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ถึงกรณีรับน้องรุนแรงในภาคอีสาน ซึ่งทำให้นาย ค ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรณรงค์เพื่อจัดการความเสี่ยงในกระบวนการรับน้อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับสังคมมหาวิทยาลัย และสังคมอื่น ๆ ของน้องใหม่ และจะส่งผลต่อไปยังผลการเรียน และเส้นทางอาชีพในที่สุด
เหตุการณ์รับน้องต่อ ๆ มา ที่นาย ค รับไว้ ก็ปรากฏผู้เสียหายชัดเจน และ พระ ก กับ นางสาว ข ยังให้ความช่วยเหลืออยู่ จนถึงวันเปิดเทอม เพจได้สั่งให้ นาย ค ไปสำรวจว่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยที่นาย ค ศึกษาอยู่ ยังมีรับน้องรุนแรงหรือไม่ ในเวลาอันเป็นเวลาเรียนของนาย ค ซึ่งทำให้ไม่สามารถดูได้อย่างทั่วถึง อันนำไปสู่การ Blackmail นาย ค ด้วยวิธีต่าง ๆ ผ่านสื่อออนไลน์ทุกสื่อที่ นาย ค ได้เคยให้ พระ ก ไว้ เช่น ให้ นาย ค LIVE สด เพื่อจะได้พิมพ์ด่า นาย ค ได้อย่างสะดวก แล้ว ก็โพสต์ข้อมูลที่ นาย ค ให้ นางสาว ข ดูเท่านั้น และไม่อนุญาตให้เผยแพร่สู่สาธารณะ ในลักษณะที่เป็นการหมิ่นประมาท นาย ค เชิงโฆษณา
ต่อมามีตัวละครสมมุติใน LINE ส่งข้อความที่เป็นข้อความขยะหา นาย ค ว่า ภาควิชาที่ นาย ค เรียนอยู่ มีการรับน้องรุนแรง แต่ว่าตัวละครตัวนี้ไม่ได้บอกข้อมูลอะไรเลย ที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการสถานการณ์ บอกแค่ว่า เป็นน้องของพี่ โดนว้าก สนใจด้วย ขอหมายเลขนิสิต น้องก็บอกว่า แค่นี้ก็ทำให้น้องไว้ใจไม่ได้ เลยถามชื่อจริง น้องก็ไม่บอก และย้ำ นาย ค แค่ว่า มีการว้ากในภาควิชาของพี่ พร้อม ๆ กับคุกคามแม่ของนาย ค ด้วย ครั้น นาย ค จะติดต่อ พระ ก หรือนางสาว ข ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ แถมยังโดนด่าราวกับทำความผิดทางกฎหมายมา นาย ค เลยไม่สามารถให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหารับน้องรายการนี้ได้ เพราะเขาชี้แต่ปัญหา และไม่ได้ชี้ว่า เกิดขึ้นกับใคร เกิดขึ้นอย่างไร เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดขึ้นที่ส่วนใดของภาควิชา ฯลฯ และแชทไลน์นี้ก็ถูกเผยแพร่ทางเพจด้วย ทั้งที่เพจก็บอกเองว่า จะทำให้รุ่นน้องสบายใจได้ ถ้าติดต่อเพจนี้ แต่การกระทำของเพจก็ได้ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของรุ่นน้องแล้ว เหตุทั้งหมดทำให้ นาย ค สันนิษฐานว่าน้องคนนั้นคือคนที่ถูกสมมุติขึ้น