"ถ้าสวรรค์มีจริง “บาหลี” คงเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์แน่ๆ"
ถ้าจะให้ยก destination ที่ผมไปแล้วประทับใจที่สุด “บาหลี” คือหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งธรรมชาติที่น่าหลงไหล บรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกริมหาดที่ไม่เหมือนใคร วิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย และน้ำใจของคนท้องถิ่นที่พร้อมจะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตลอดเวลา มันทำให้มองข้ามสถานที่นี้ไปไม่ได้
“บาหลี” เป็นเกาะเล็กๆ ของประเทศอินโดนีเซีย ทริปนี้เราใช้บริการสายการบิน Air Asia โดยจองรอบเช้า เวลา 6.10 น. ไป – กลับได้ในราคารวมทั้งหมด 3,575 บาทถ้วน โอ้ว…แม่เจ้า!!! ทำไมถูกจังวะ 5555
ไปส่องหาตั๋วถูกๆ ได้ที่ : www.airasia.com
ก่อนไปผมได้ลองศึกษาจากหลายๆ เว็บ รวมถึงถามเพื่อนที่เคยไป เรื่องของการเดินทางในบาหลี ส่วนมากก็จะเป็นการเช่ารถพร้อมคนขับ ซึ่งตกอยู่ประมาณวันละ 1,500 บาท ถ้าไปหลายๆ คน หารกันยังไงก็คุ้ม แต่เรื่องของเรื่องคือเราไปกันแค่ 2 คนนี่สิ!!!
เลื่อนหาข้อมูลไปเรื่อยๆ เห้ย!!! ทำไมเช่ารถขับเองมันถึงถูกจังวะ ตกวันละ 20 USD หรือ 600 กว่าบาทเอง รวมทั้งเป็นคนที่ชอบขับรถเที่ยวเองอยู่แล้วเวลาอยู่ที่ไทย เลยตัดสินใจเช่ารถมันซะเลย
โดยเราใช้บริการของบริษัท balicar4rent โดยรวมถือว่าประทับใจเลยทีเดียว รับ – ส่งรถตรงเวลา มีเจ้าหน้าที่คอยบริการตลอด สามารถกำหนดจุดรับรถ วันและเวลา เองได้ ซึ่งผมกำหนดให้เป็นที่สนามบินทั้งรับและส่งรถ
ทางไปจอง :
https://www.balicar4rent.com/
Day 1 : 06/01/2018
วันเดินทางเราไปถึงสนามบินดอนเมืองตอนตี 5 กว่าๆ โดยทำการ check-in ผ่าน app ของ Air Asia ไปแล้ว (โคตรสะดวก) เพราะชอบไปสาย กลัว check-in ที่เคาเตอร์ไม่ทัน 5555 จากนั้นก็เดินไปทางเชื่อมอาคารกะว่าจะไปเติมเงินเข้าซิมเน็ตของ AIS SIM2Fly
ปรากฏว่า “ปิด” จ้า ยังไม่มีค่ายไหนเปิดเลย OMG!!! จะทำยังไงดีวะเนี่ยยย
ลองโทรติดต่อ Call Center ของ AIS ดู เห้ย!!! มีคนรับสายด้วย แล้วเค้าก็ให้เติมเงินจาก Internet Banking จากนั้นก็เปิดเน็ตให้เรา (โคตรดีเลย ตี 5 ก็ยังบริการอยู่)
ผมแนะนำนะ ใครจะไปต่างประเทศ ใช้เถอะ โคตรสะดวก
พอขึ้นเครื่อง เป็นเวลาพระอาทิตย์ขึ้นพอดี หยิบกล้องมาถ่ายรูปได้ 3 รูปถ้วน จากนั้นก็หลับสิครับ นี่มันเวลานอนโว้ย!!!
เราถึงสนามบินเดนปาซาร์ เกาะบาหลี เวลา 11.20 น. เลทไปประมาณ 10 นาที พอเปิดโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ของบริษัทก็ message มาพอดี นัดเจอตรง Information แล้วพาเราไปเอารถ
นี่คือเพื่อนร่วมทางของเราในทริปนี้ คุณบรีโอ
พอได้รถแล้ว พนักงานถามว่าคุณจะทำประกันรถด้วยไหม เบี้ยประกันวันละ 6 USD ซึ่งคุ้มครองตลอด 4 วันที่เราอยู่ที่นี่ ผมเลยตอบตกลงไป (แนะนำใครเช่าขับก็ทำไว้ดีกว่า เพราะที่โน่นถนนแคบ อาจมีเฉี่ยวชนได้)
ออกมาก็จะเจอด่านเก็บค่าเข้าสนามบิน จ่ายไป 5,000 IDR
ทริปนี้ใช้แผนที่ของ Google Map เป็นหลัก โดยวางแผนไว้ก่อนไป แล้วเซฟ map ไว้บน internet (ใครอยากได้ ทักมาขอได้นะ)
จุดแรกที่เราจะไปเรียกว่า “Puncak Karang Boma Pecatu” เป็นหน้าผาที่ยื่นออกไปกลางทะเล ซึ่งเป็น hidden place ของบาหลีเลยก็ว่าได้ ตอนผมไปคือไม่มีคนเข้าไปเลย มีแค่ฝรั่งเดินตามเรามาแค่คนเดียว
พอไปถึงจะเจอไม้กั้นอยู่ ไม่ให้รถใหญ่เข้า ต้องจอดแล้วลงเดินต่อ ประมาณ 1 กิโล
เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะมาสุดทางที่ประตูเหล็ก ให้ออกขวาเดินตามทางเข้าป่าไป
ตรงไปเรื่อยๆ จะมาสุดทางที่ลานกว้างๆ ข้างหน้าเป็นหน้าผา โคตรสวยเลยวะ แต่ไม่เหมาะกับคนกลัวความสูง 5555 ปั๊ย!!! ไปถ่ายรูป
จากนั้นเราก็ขับรถต่อไปจุดหมายที่ 2 ก็คือ “Uluwatu Temple” หรือวัดอูลูวาตูนั่นแหละ เป็นวัดดังที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ใครมาบาหลีแล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึง 5555
วัดอูลูวาตูเสียค่าเข้าคนละ 30,000 IDR แล้วก่อนเข้าต้องนุ่งโสร่งทุกคน (ทุกวัดในบาหลีจะต้องนุ่งโสร่งก่อนเข้า)
ยังเดินถ่ายรูปไม่ทันครบรอบ ฝนก็ตกอย่างหนัก เราต้องยืนค้างอยู่ในศาลาประมาณ 1 ชม. เลยตัดสินใจวิ่งผ่าฝนมาที่รถ เพราะจะต้องขับรถไปที่พักที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟอากุง และห่างจากอูลูวาตูประมาณ 2 ชม.
การขับรถในบาหลีค่อยข้างที่จะขับง่าย เหมือนต่างจังหวัดบ้านเรา แต่ต้องระวังมอเตอร์ไซหน่อย เพราะมอเตอร์ไซที่นี่เยอะมาก แล้วขับกันไม่กลัวตายซักนิด 5555 สุดท้ายเลยต้องเอาพระมาห้อยหน้ารถ วิถีชาวพุทธโคตรๆ 5555
เราไปถึงที่พักประมาณ 1 ทุ่ม ฟ้าก็มืดไปแล้ว เราเลยไม่ได้ถ่ายรูปที่พักในคืนนั้น เก็บของ กินข้าวอาบน้ำแล้วนอนเลย
Day 2 : 07/01/2018
ใครที่เคยดูรีวิว หรือกระทู้บาหลีผ่านหูผ่านตามาบ้าง จะรู้ว่าที่นี่มีที่พักดีๆ เจ๋งๆ โคตรเยอะ ซึ่งที่พักของเรามีชื่อว่า Hideout Lightroom เป็นเครือเดียวกับ Hideout Bali ที่ Blogger ดังๆ หลายคนเคยไปพัก แล้วก็เจ๋งจริงๆ โคตรสวย โคตรชิค พูดมากก็ไม่เชื่อ ไปดูรูปกันดีกว่า
ทางไปจอง :
https://th.airbnb.com/rooms/18761574
สรุปว่าพอเราถ่ายรูปที่พักเสร็จ ฝนก็ตกหนักมาก หนักทั้งวัน แบบมองไม่เห็นอะไรเลย เราเลยไม่ได้ออกไปไหน ได้แต่นอนเล่น ถ่ายรูปอยู่ที่พักอย่างเดียว
[CR] “Between HEAVEN and EARTH” | คนไทย 2 คน เที่ยวบาหลี 5 วัน 4 คืน ขับรถเที่ยวเองก็ได้ สบายมาก
https://www.facebook.com/hangaroundthailand/
"ถ้าสวรรค์มีจริง “บาหลี” คงเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์แน่ๆ"
ถ้าจะให้ยก destination ที่ผมไปแล้วประทับใจที่สุด “บาหลี” คือหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งธรรมชาติที่น่าหลงไหล บรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกริมหาดที่ไม่เหมือนใคร วิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย และน้ำใจของคนท้องถิ่นที่พร้อมจะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตลอดเวลา มันทำให้มองข้ามสถานที่นี้ไปไม่ได้
“บาหลี” เป็นเกาะเล็กๆ ของประเทศอินโดนีเซีย ทริปนี้เราใช้บริการสายการบิน Air Asia โดยจองรอบเช้า เวลา 6.10 น. ไป – กลับได้ในราคารวมทั้งหมด 3,575 บาทถ้วน โอ้ว…แม่เจ้า!!! ทำไมถูกจังวะ 5555
ไปส่องหาตั๋วถูกๆ ได้ที่ : www.airasia.com
ก่อนไปผมได้ลองศึกษาจากหลายๆ เว็บ รวมถึงถามเพื่อนที่เคยไป เรื่องของการเดินทางในบาหลี ส่วนมากก็จะเป็นการเช่ารถพร้อมคนขับ ซึ่งตกอยู่ประมาณวันละ 1,500 บาท ถ้าไปหลายๆ คน หารกันยังไงก็คุ้ม แต่เรื่องของเรื่องคือเราไปกันแค่ 2 คนนี่สิ!!!
เลื่อนหาข้อมูลไปเรื่อยๆ เห้ย!!! ทำไมเช่ารถขับเองมันถึงถูกจังวะ ตกวันละ 20 USD หรือ 600 กว่าบาทเอง รวมทั้งเป็นคนที่ชอบขับรถเที่ยวเองอยู่แล้วเวลาอยู่ที่ไทย เลยตัดสินใจเช่ารถมันซะเลย
โดยเราใช้บริการของบริษัท balicar4rent โดยรวมถือว่าประทับใจเลยทีเดียว รับ – ส่งรถตรงเวลา มีเจ้าหน้าที่คอยบริการตลอด สามารถกำหนดจุดรับรถ วันและเวลา เองได้ ซึ่งผมกำหนดให้เป็นที่สนามบินทั้งรับและส่งรถ
ทางไปจอง : https://www.balicar4rent.com/
วันเดินทางเราไปถึงสนามบินดอนเมืองตอนตี 5 กว่าๆ โดยทำการ check-in ผ่าน app ของ Air Asia ไปแล้ว (โคตรสะดวก) เพราะชอบไปสาย กลัว check-in ที่เคาเตอร์ไม่ทัน 5555 จากนั้นก็เดินไปทางเชื่อมอาคารกะว่าจะไปเติมเงินเข้าซิมเน็ตของ AIS SIM2Fly
ปรากฏว่า “ปิด” จ้า ยังไม่มีค่ายไหนเปิดเลย OMG!!! จะทำยังไงดีวะเนี่ยยย
ลองโทรติดต่อ Call Center ของ AIS ดู เห้ย!!! มีคนรับสายด้วย แล้วเค้าก็ให้เติมเงินจาก Internet Banking จากนั้นก็เปิดเน็ตให้เรา (โคตรดีเลย ตี 5 ก็ยังบริการอยู่)
ผมแนะนำนะ ใครจะไปต่างประเทศ ใช้เถอะ โคตรสะดวก
พอขึ้นเครื่อง เป็นเวลาพระอาทิตย์ขึ้นพอดี หยิบกล้องมาถ่ายรูปได้ 3 รูปถ้วน จากนั้นก็หลับสิครับ นี่มันเวลานอนโว้ย!!!
เราถึงสนามบินเดนปาซาร์ เกาะบาหลี เวลา 11.20 น. เลทไปประมาณ 10 นาที พอเปิดโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ของบริษัทก็ message มาพอดี นัดเจอตรง Information แล้วพาเราไปเอารถ
นี่คือเพื่อนร่วมทางของเราในทริปนี้ คุณบรีโอ
พอได้รถแล้ว พนักงานถามว่าคุณจะทำประกันรถด้วยไหม เบี้ยประกันวันละ 6 USD ซึ่งคุ้มครองตลอด 4 วันที่เราอยู่ที่นี่ ผมเลยตอบตกลงไป (แนะนำใครเช่าขับก็ทำไว้ดีกว่า เพราะที่โน่นถนนแคบ อาจมีเฉี่ยวชนได้)
ออกมาก็จะเจอด่านเก็บค่าเข้าสนามบิน จ่ายไป 5,000 IDR
ทริปนี้ใช้แผนที่ของ Google Map เป็นหลัก โดยวางแผนไว้ก่อนไป แล้วเซฟ map ไว้บน internet (ใครอยากได้ ทักมาขอได้นะ)
จุดแรกที่เราจะไปเรียกว่า “Puncak Karang Boma Pecatu” เป็นหน้าผาที่ยื่นออกไปกลางทะเล ซึ่งเป็น hidden place ของบาหลีเลยก็ว่าได้ ตอนผมไปคือไม่มีคนเข้าไปเลย มีแค่ฝรั่งเดินตามเรามาแค่คนเดียว
พอไปถึงจะเจอไม้กั้นอยู่ ไม่ให้รถใหญ่เข้า ต้องจอดแล้วลงเดินต่อ ประมาณ 1 กิโล
เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะมาสุดทางที่ประตูเหล็ก ให้ออกขวาเดินตามทางเข้าป่าไป
ตรงไปเรื่อยๆ จะมาสุดทางที่ลานกว้างๆ ข้างหน้าเป็นหน้าผา โคตรสวยเลยวะ แต่ไม่เหมาะกับคนกลัวความสูง 5555 ปั๊ย!!! ไปถ่ายรูป
จากนั้นเราก็ขับรถต่อไปจุดหมายที่ 2 ก็คือ “Uluwatu Temple” หรือวัดอูลูวาตูนั่นแหละ เป็นวัดดังที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ใครมาบาหลีแล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึง 5555
วัดอูลูวาตูเสียค่าเข้าคนละ 30,000 IDR แล้วก่อนเข้าต้องนุ่งโสร่งทุกคน (ทุกวัดในบาหลีจะต้องนุ่งโสร่งก่อนเข้า)
ยังเดินถ่ายรูปไม่ทันครบรอบ ฝนก็ตกอย่างหนัก เราต้องยืนค้างอยู่ในศาลาประมาณ 1 ชม. เลยตัดสินใจวิ่งผ่าฝนมาที่รถ เพราะจะต้องขับรถไปที่พักที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟอากุง และห่างจากอูลูวาตูประมาณ 2 ชม.
การขับรถในบาหลีค่อยข้างที่จะขับง่าย เหมือนต่างจังหวัดบ้านเรา แต่ต้องระวังมอเตอร์ไซหน่อย เพราะมอเตอร์ไซที่นี่เยอะมาก แล้วขับกันไม่กลัวตายซักนิด 5555 สุดท้ายเลยต้องเอาพระมาห้อยหน้ารถ วิถีชาวพุทธโคตรๆ 5555
เราไปถึงที่พักประมาณ 1 ทุ่ม ฟ้าก็มืดไปแล้ว เราเลยไม่ได้ถ่ายรูปที่พักในคืนนั้น เก็บของ กินข้าวอาบน้ำแล้วนอนเลย
Day 2 : 07/01/2018
ใครที่เคยดูรีวิว หรือกระทู้บาหลีผ่านหูผ่านตามาบ้าง จะรู้ว่าที่นี่มีที่พักดีๆ เจ๋งๆ โคตรเยอะ ซึ่งที่พักของเรามีชื่อว่า Hideout Lightroom เป็นเครือเดียวกับ Hideout Bali ที่ Blogger ดังๆ หลายคนเคยไปพัก แล้วก็เจ๋งจริงๆ โคตรสวย โคตรชิค พูดมากก็ไม่เชื่อ ไปดูรูปกันดีกว่า
ทางไปจอง : https://th.airbnb.com/rooms/18761574
สรุปว่าพอเราถ่ายรูปที่พักเสร็จ ฝนก็ตกหนักมาก หนักทั้งวัน แบบมองไม่เห็นอะไรเลย เราเลยไม่ได้ออกไปไหน ได้แต่นอนเล่น ถ่ายรูปอยู่ที่พักอย่างเดียว
https://www.facebook.com/hangaroundthailand/
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น