ผู้คนที่เป็นถึงออทิซึมมีความเสี่ยงสูงที่จะพยายามฆ่าตัวตาย สอดคล้องกับงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Coventry โดยได้นำรายงานเรื่องนี้เสนอไปต่อคณะกรรมการที่ปรึกษาทางด้านนี้โดยเฉพาะ
นักวิจัยหลายคนพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่มีภาวะความเป็นออทิซึมสูงมีความพยายามที่จะจบชีวิตตัวเองมากกว่าคนที่ไม่ได้เป็นภาวะนี้ เนื่องจากพวกเขาคิดว่าพวกเขาถูกกีดกันออกจากสังคมทั้งเพื่อนฝูงและครอบครัว และเนื่องจากพวกเขาประสบกับภาวะกดดันรอบตัว
งานวิจัยก่อนหน้านี้ก็ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าคนที่เป็นออทิซึมมีความเสี่ยงสูงที่จะทำการฆ่าตัวตาย
ทางด้านนักวิชาการก็ได้กล่าวถึงเงื่อนไขปัจจัยต่างๆที่มีความเชื่อมโยงกันเพื่อที่จะช่วยไม่ให้มีความพยายามที่จะฆ่าตัวตาย และงานวิจัยก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Coventry ก็ได้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Autism Research โดยได้ทำการศึกษาผู้คนกว่า 163 คนที่มีอายุระหว่าง 18 กับ 30 ปีโดยได้มีการสำรวจสอบถามประเมินเกี่ยวกับบุคลิกภาพที่แสดงให้เห็นถึงภาวะออทิซึม มีความกดดันและมีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตาย
ภาวะออทิซึมก็ประกอบไปด้วยการไม่เข้าสังคมกับการสื่อสารทางสังคมที่ยากต่อการทำความเข้าใจ รวมไปถึงความให้ความสนใจกับรายละเอียดนั้นๆแนวโน้มที่จะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองให้ความสนใจ
เช่นกันมีการประเมินว่า อารมณ์ความรู้สึกของแต่ละคนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องที่มีความพยายามฆ่าตัวตายด้วย อย่างเช่นเชื่อว่าพวกเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกับโลกหรือปรับตัวเข้ากับโลกได้ และทำให้พวกเขาสร้างปัญหาให้กับคนอื่นๆตามมาด้วย
นักวิชาการได้ใช้แบบทดสอบมาตรฐานและทำการวิเคราะห์ทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับภาวะออทิซึม,ความกดดัน,ความรู้สึกที่ไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับการสร้างภาระยุ่งยากและพฤติกรรมที่มีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตาย
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ชี้ให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมมีแนวโน้มที่เป็นออทิซึมสูงพร้อมกับมีความเสี่ยงสูงที่มีพฤติกรรมที่อยากฆ่าตัวตายในช่วงชีวิตของพวกเขา
คนที่เป็นออทิซึมมากมีแนวโน้มที่จะประสบกับภาวะกดดัน พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นภาระให้กับคนอื่นๆและไม่อยากที่จะอยู่ร่วมโลก ซึ่งก็อาจจะนำไปสู่ความเสี่ยงในการที่จะพยายามฆ่าตัวตาย
นักวิชาการกล่าวว่า รูปแบบการประเมินทางจิตวิทยาสามารถคาดการณ์ผู้คนที่มีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตายได้และพัฒนาอุดช่องว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งจากการสนับสนุนและบำบัดรักษาผู้คนที่อยากฆ่าตัวตาย
งานวิจัยประสบความสำเร็จก็เพราะได้ใช้วิทยานิพนธ์ส่วนหนึ่งของ Mirabel Pelton จากมหาวิทยาลัย Coventry ตอนนี้เธอก็ทำงานเป็นอาจารย์และทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
Mirabel ได้กล่าวว่า “หัวข้อเกี่ยวกับการใช้ชีวิตกับความตายนั้น งานวิจัยล้มเหลวในการทำความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างภาวะออทิซึมกับการฆ่าตัวตาย แต่งานวิจัยนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าการส่งเสริมทางสังคมกับการให้อิสระในการใช้ชีวิตจะช่วยชีวิตพวกเขาเหล่านี้ได้”
Dr.Sarah Cassidy ซึ่งได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับออทิซึมก็ได้กล่าวว่า “นี่ถือเป็นเรื่องช็อคมากที่ช่วยให้สังคมเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา เมื่อผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมโลกได้ สังคมก็จะทำให้พวกเราคิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองดูมีคุณค่าขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ช่วยชีวิตพวกเขาได้อีกหลายคน”
Dr.James Cusack ซึ่งเป็นผู้อำนวยการองค์กรการกุศล Autistica ก็ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับออทิซึมกับการฆ่าตัวตาย โดยเขากล่าวว่า
“พวกเรารู้ดีว่าปัญหาสุขภาพจิตที่รุมเร้ากับการฆ่าตัวตายถือเป็นปัญหาใหญ่ในออทิซึม แต่งานวิจัยที่ดีจะช่วยให้พวกเราเข้าใจได้ว่า พวกเราสามารถยกระดับการช่วยเหลือและอยู่ร่วมกับคนที่เป็นออทิซึมได้อย่างไร
“ยังมีการค้นพบหลายอย่างที่เป็นทั้งเรื่องดีและน่าวิตกกังวล พวกเราพยายามที่จะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจกับงานวิจัยออทิซึมของพวกเรา โดยมีการค้นพบว่าภาวะออทิซึมมีความเชื่อมโยงกับงานวิจัยหลายอย่าง อย่างเช่นที่มหาวิทยาลัย Coventry ยิ่งพวกเราเข้าใจถึงสาเหตุมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้พวกเราสามารถส่งเสริมยกระดับให้คนที่เป็นออทิซึมมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น ทั้งมีสุขภาพที่ดี มีความสุขกับการใช้ชีวิต”
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com
คนที่เป็นออทิซึมมีความเสี่ยงที่พยายามที่จะฆ่าตัวตาย
ผู้คนที่เป็นถึงออทิซึมมีความเสี่ยงสูงที่จะพยายามฆ่าตัวตาย สอดคล้องกับงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Coventry โดยได้นำรายงานเรื่องนี้เสนอไปต่อคณะกรรมการที่ปรึกษาทางด้านนี้โดยเฉพาะ
นักวิจัยหลายคนพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่มีภาวะความเป็นออทิซึมสูงมีความพยายามที่จะจบชีวิตตัวเองมากกว่าคนที่ไม่ได้เป็นภาวะนี้ เนื่องจากพวกเขาคิดว่าพวกเขาถูกกีดกันออกจากสังคมทั้งเพื่อนฝูงและครอบครัว และเนื่องจากพวกเขาประสบกับภาวะกดดันรอบตัว
งานวิจัยก่อนหน้านี้ก็ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าคนที่เป็นออทิซึมมีความเสี่ยงสูงที่จะทำการฆ่าตัวตาย
ทางด้านนักวิชาการก็ได้กล่าวถึงเงื่อนไขปัจจัยต่างๆที่มีความเชื่อมโยงกันเพื่อที่จะช่วยไม่ให้มีความพยายามที่จะฆ่าตัวตาย และงานวิจัยก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Coventry ก็ได้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Autism Research โดยได้ทำการศึกษาผู้คนกว่า 163 คนที่มีอายุระหว่าง 18 กับ 30 ปีโดยได้มีการสำรวจสอบถามประเมินเกี่ยวกับบุคลิกภาพที่แสดงให้เห็นถึงภาวะออทิซึม มีความกดดันและมีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตาย
ภาวะออทิซึมก็ประกอบไปด้วยการไม่เข้าสังคมกับการสื่อสารทางสังคมที่ยากต่อการทำความเข้าใจ รวมไปถึงความให้ความสนใจกับรายละเอียดนั้นๆแนวโน้มที่จะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองให้ความสนใจ
เช่นกันมีการประเมินว่า อารมณ์ความรู้สึกของแต่ละคนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องที่มีความพยายามฆ่าตัวตายด้วย อย่างเช่นเชื่อว่าพวกเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกับโลกหรือปรับตัวเข้ากับโลกได้ และทำให้พวกเขาสร้างปัญหาให้กับคนอื่นๆตามมาด้วย
นักวิชาการได้ใช้แบบทดสอบมาตรฐานและทำการวิเคราะห์ทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับภาวะออทิซึม,ความกดดัน,ความรู้สึกที่ไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับการสร้างภาระยุ่งยากและพฤติกรรมที่มีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตาย
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ชี้ให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมมีแนวโน้มที่เป็นออทิซึมสูงพร้อมกับมีความเสี่ยงสูงที่มีพฤติกรรมที่อยากฆ่าตัวตายในช่วงชีวิตของพวกเขา
คนที่เป็นออทิซึมมากมีแนวโน้มที่จะประสบกับภาวะกดดัน พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นภาระให้กับคนอื่นๆและไม่อยากที่จะอยู่ร่วมโลก ซึ่งก็อาจจะนำไปสู่ความเสี่ยงในการที่จะพยายามฆ่าตัวตาย
นักวิชาการกล่าวว่า รูปแบบการประเมินทางจิตวิทยาสามารถคาดการณ์ผู้คนที่มีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตายได้และพัฒนาอุดช่องว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งจากการสนับสนุนและบำบัดรักษาผู้คนที่อยากฆ่าตัวตาย
งานวิจัยประสบความสำเร็จก็เพราะได้ใช้วิทยานิพนธ์ส่วนหนึ่งของ Mirabel Pelton จากมหาวิทยาลัย Coventry ตอนนี้เธอก็ทำงานเป็นอาจารย์และทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
Mirabel ได้กล่าวว่า “หัวข้อเกี่ยวกับการใช้ชีวิตกับความตายนั้น งานวิจัยล้มเหลวในการทำความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างภาวะออทิซึมกับการฆ่าตัวตาย แต่งานวิจัยนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าการส่งเสริมทางสังคมกับการให้อิสระในการใช้ชีวิตจะช่วยชีวิตพวกเขาเหล่านี้ได้”
Dr.Sarah Cassidy ซึ่งได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับออทิซึมก็ได้กล่าวว่า “นี่ถือเป็นเรื่องช็อคมากที่ช่วยให้สังคมเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา เมื่อผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมโลกได้ สังคมก็จะทำให้พวกเราคิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองดูมีคุณค่าขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ช่วยชีวิตพวกเขาได้อีกหลายคน”
Dr.James Cusack ซึ่งเป็นผู้อำนวยการองค์กรการกุศล Autistica ก็ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับออทิซึมกับการฆ่าตัวตาย โดยเขากล่าวว่า
“พวกเรารู้ดีว่าปัญหาสุขภาพจิตที่รุมเร้ากับการฆ่าตัวตายถือเป็นปัญหาใหญ่ในออทิซึม แต่งานวิจัยที่ดีจะช่วยให้พวกเราเข้าใจได้ว่า พวกเราสามารถยกระดับการช่วยเหลือและอยู่ร่วมกับคนที่เป็นออทิซึมได้อย่างไร
“ยังมีการค้นพบหลายอย่างที่เป็นทั้งเรื่องดีและน่าวิตกกังวล พวกเราพยายามที่จะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจกับงานวิจัยออทิซึมของพวกเรา โดยมีการค้นพบว่าภาวะออทิซึมมีความเชื่อมโยงกับงานวิจัยหลายอย่าง อย่างเช่นที่มหาวิทยาลัย Coventry ยิ่งพวกเราเข้าใจถึงสาเหตุมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้พวกเราสามารถส่งเสริมยกระดับให้คนที่เป็นออทิซึมมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น ทั้งมีสุขภาพที่ดี มีความสุขกับการใช้ชีวิต”
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com