จุดยืนของคนที่อยู่ท่ามกลางซองมาม่า

กระทู้คำถาม
.
       ผมขออาศัยกะทู้นี้แสดงจุดยืนของตัวเองหน่อยนะครับ ซึ่งคงมีคนในห้องราชดำเนินไม่มากนักในห้องราชดำเนินแห่งนี้ ที่มีโอกาสได้รับรู้การประกาศจุดยืนของผม เพราะคนส่วนใหญ่ในเวลานี้เข้าราชดำเนินเพื่อสนทนาเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การเมืองเป็นหลัก แถมสไตล์การเขียนของผมที่มักจะยาวอ้อมโลก ก็ผลักคนที่ไม่นิยมการอ่านให้ออกห่างจากกะทู้ของผมไปอีก (เห็นไหมครับ...กว่าจะเข้าประเด็นก็ยังมีข้อความรำพึงรำพัน มาเป็นภาระการอ่านให้มากขึ้นไปอีก) และเป้าหมายหลักที่ผมต้องการให้รับรู้ถึงจุดยืนของผม ก็คือคนที่ผมคิดว่าเขาเป็นเพื่อน และแวะเวียนมาอ่านกะทู้ผมอยู่เป็นประจำนั้นแหละครับ

       ซึ่งจุดยืนที่ผมต้องการจะบอก คือ ผมเป็นเหมือนเดิมกับทุกคน เหมือนเดิมกับคนที่ผมรู้จักและมีอุดมการณ์ทางการเมืองคล้ายคลึงกัน  ไม่ว่าจะฝั่งไหนของปัญหาก็ตาม ที่กำลังมีความบาดหมางกันอยู่ในตอนนี้ ความขัดแย้งของพวกคุณไม่ได้ทำให้ผมต้องตัดสินใจหยุดความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนร่วมอุดมการณ์กับใครไม่ว่าจากฝั่งไหนก็ตาม ผมจะไม่เปลี่ยนแปลงวิถีปฏิบัติที่เคยมีกับคนที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์กับผม เคยคุยกับใครอย่างไร เข้าไปในกะทู้ของคนไหน ผมก็ยังจะทำเหมือนเดิมแบบนั้น และไม่เปลี่ยนแปลงวิถีปฏิบัติที่มีต่อคนที่เห็นต่างกันทางอุดมการณ์ แม้ว่าเขาจะแสดงท่าทีสนับสนุนพวกคุณฝั่งหนึ่งฝั่งใดก็ตาม คือไม่คุย หรือคุยด้วยแต่ไม่ดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกะทู้ของฝ่ายตรงข้าม(ถ้าไม่เหลือทน) ตามปกติของคนที่คิดต่างกัน

       และก็ต้องขออภัยที่ในกะทู้บทความการเมืองล่าสุด(ที่เตรียมจะลงในวันนี้) อาจมีบางข้อความที่ไปกระทบกระเทือนกับใครที่กำลังมีปัญหากัน ซึ่งยอมรับตามตรงครับ ว่าผมจงใจเขียนกระทบจริงๆนั้นแหละ แต่ข้อความเหล่านั้นไม่ได้เขียนขึ้นจากพื้นฐานความเกลียดชัง มันถูกเขียนขึ้นจากคนที่รู้สึกว่าอยู่ตรงกลางและไม่รู้จะทำอย่างไรให้กลับมาเหมือนเดิมมากกว่า และรู้ตัวว่าขอร้องไปก็คงไม่มีประโยชน์ ก็เลยเหน็บมันซะทั้งสองฝ่าย ซึ่งมันก็คงเป็นครั้งสุดท้าย ที่ข้อความของผมจะพาตัวเองไปก้าวล่วงกับปัญหาความบาดหมางครั้งนี้

       ผมไม่รู้ลึกในรายระเอียดทั้งหมดที่มีปัญหากันนะครับ แม้จะยอมรับว่าอ่านผ่านตามาคร่าวๆด้วยความอยากรู้บ้าง แต่ไม่ว่ามันจะมาจากประเด็นอะไรก็ช่าง ตอนนี้ผมไม่สนใจ ผมสนใจแค่ว่าก่อนหน้านั้น

ย้ำนะครับ ก่อนที่จะมามีปัญหาเรื่องนี้
พวกคุณมองกันเองระหว่างกลุ่มที่มีปัญหากันอยู่ตอนนี้อย่างไร..?
เคยมองคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามคุณตอนนี้อย่างไร เป็นเพื่อนรึเปล่า..?


       ไม่ว่าคนที่ถูกมองว่าเป็นแกนกลางของประเด็น หรือคนที่ตกเป็นฝ่ายสนับสนุนในฝั่งฝากไหนจากการแสดงท่าทีในกะทู้ที่เกี่ยวเนื่องกันจากประเด็นความบาดหมาง ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ว่าบทบาทไหนก็แล้วแต่ในฝากอุดมการณ์เหมือนกับกับผม ผมกล้ายืนยันว่า ผมเคยกดอีโม “ถูกใจ” อย่างจริงจังให้กับทุกคน และมีไมตรีให้ผ่านการอ่านและข้อความไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ ให้กับผู้ที่แสดงความเห็นทางการเมืองสอดคล้องกับแนวคิดของผม เพราะผมมองว่าเจ้าของความเห็นหรือเจ้าของข้อความเหล่านั้นเป็น “เพื่อน” กับผม โดยไม่ต้องรอเจ้าตัวใครคนนั้นอนุญาตหรือเอ่ยปากรับความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับผม ซึ่งจะมองว่าผมใจง่ายก็ได้ที่มอบไมตรี และเปิดใจให้กับคนที่ไม่เคยเจอหน้าพูดคุยกันมาก่อนมานับเป็นเพื่อน ผมก็ไม่เถียง แต่เมื่อเป็นเพื่อนแล้วคนอย่างผมตัดเพื่อนไม่ได้ ดังนั้นหากเพื่อนแบ่งฝ่ายมาทะเลาะกันเอง ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของการตัดสินใจของบุคคลไป ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยในประเด็นปัญหา ไม่ว่าจะในฐานะผู้สนับสนุนฝ่ายใด หรือในฐานะให้ออกตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยผมก็ไม่เอา ทำได้เต็มที่ก็คือให้กำลังใจ ทั้งสองฝ่าย

       และสิ่งเดียวที่คนที่รู้สึกเศร้าเมื่อเพื่อนทะเลาะกันพอจะทำได้ คือไม่ติดตามเรื่องนี้อีก เดี๋ยวมันจะเศร้าจนต้องลาบอร์ดไปอีกรอบ เพราะผมเองเป็นคนจำพวกใส่ความรู้สึกไปในตัวอักษรเวลาเขียน ดังนั้นเวลาอ่านจึงรับความรู้สึกของผู้ที่เขียนใส่มาด้วยได้ง่าย และในกรณีนี้มันทำร้ายผม เพราะกะทู้ที่เป็นดราม่าของพวกคุณหลายๆข้อความ แม้จะเป็นการตัดพ้อต่อว่ากันไปมาด้วยความไม่พอใจ แต่เนื้อในของข้อความบางข้อความเหล่านั้น ผมก็ยังรับรู้ได้ถึงไมตรีที่พวกคุณบางคนยังมีให้กัน แม้ยืนอยู่คนล่ะฝั่ง และทุกครั้งที่ผมอ่านข้อความแบบนี้ ผมรับรู้และรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ของผู้ที่พิมพ์ข้อความนั้นมา มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ทำไมเพื่อนไม่เข้าใจเพื่อน

ดังนั้นไม่อ่าน ไม่ตามจะดีกว่า ก้มหน้าก้มตาเขียนอย่างพากเพียร ปรับโหมดตัวเองเป็น “ไอ้บ้าการเมืองเต็มขั้น” ท่ามกลางซองมาม่าที่ถูกฉีกทิ้งอย่างกลาดเกลื่อน น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้ผมยังอยู่ในห้องนี้ได้ต่อไปล่ะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่