คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เห็นใจค่ะ เห็นใจ
เอาทีละเรื่องเนาะ
ของกิน ทำใจค่ะ ช่างมัน ทิ้งก็ให้เค้าทิ้งไป เก็บปากเก็บคำ กินเหลือแค่ไหน ก็ทำใจว่าเหมือนเราทิ้ง บอกลาของกิน ก่อนเอาเข้าตู้เย็น ถ้ามีวาสนาได้เห็นกันอีกชั้นจะกินเธอให้อร่อยเลย
อันนี้เราทำจริงๆนะ เราก็เจอแบบ จขกท เก็บเนย เก็บขนม เก็บของกินที่มันเก็บได้นานๆไว้ในตู้เย็นวันดีคืนดีถูกทิ้งหมด บางอย่างเป็นของที่แม่เราทำมาให้เก็บไว้กิน โกรธมากกกก แต่สุดท้ายดีที่สุดคือทำใจ
เรื่องลูก การเลี้ยงลูก ต้องสตรองค่ะ ทั้งวิธีการและจิตใจ จำไว้ว่าเราเป็นแม่ เรามีสิทธิกำหนดวิธีการเลี้ยง ใครไม่เห็นด้วย เรามีสิทธิเพิกเฉยต่อความเห็นนั่น ใครคัดค้าน เราก็มีสิทธิโต้แย้งค่ะ ลูกยังเล็ก หนทางยังยาว ปล่อยให้เค้าวิจารณ์ไป มองไปที่เป้าหมายเราอย่าเดียว
อันนี้ตัวเราเองกว่าจะผ่านมาได้ก็หงุดหงิดใจค่ะ เราสอนลูก เช่นนั่งกินข้าวแล้วเค้าร้องให้ ครอบครัวสามีเราถึงขนาดมาอุ้มออกจากเก้าอี้เลยนะคะ แต่เรากดแขนเค้าไว้ แล้วบอกว่า ไม่ต้องค่ะ หนูดูแลเค้าอยู่ หน้าเข้ม เสียงแข็งใส่เลย ไม่พอใจก็ต้องยอม ทำบ่อยๆเข้าเค้าจะรับรู้เอง
เรื่องการเจ็บป่วยก็เหมือนกันค่ะ ถ้าลูกป่วยเราจะบอกเค้าเลยว่า ต่อไปนี้จะไม่ให้ลูกทำแบบนี้ๆๆๆ เพราะทำแล้วลูกป่วย
การรับมือกับหลาน เราว่า จขกท ต้องจำกัดพื้นที่ค่ะ ของเล่นลูก อันไหนที่มีค่า เก็บในที่ของเรา ไม่แชร์ ไม่แบ่ง อันไหนพังแล้วช่างมัน เริ่มไหม่ เราไม่ให้หลานสามีเราเข้าห้องเรานะ เราบอกว่าต้องสอนเรื่องพื้นที่ส่วนตัวให้หลานได้แล้วโตแล้ว เราเองก็ไม่ชอบให้ใครมาเข้าพื้นที่ส่วนตัวเรา
อย่างที่สอง พาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หมายถึงบริเวณบ้านน่ะค่ะ เห็นว่ามีพื้นที่เยอะ ทำบ่อทราย กะบะทราย เอากระป๋อง แก้ว ถ้วยพลาสติกกะโหลกกะลาให้เค้าเล่น ปล่อยเค้านั่งเล่นนานๆ หลานจะเล่นก็ลองแซว อะไร เจ็ดขวบยังเล่นทรายเหรอลูก
ถ้าเค้าแกล้งลูก บอกแค่ว่าถ้าทำอีก อาจะไม่ให้น้องเล่นด้วย ถ้าไม่เชื่อครั้งหน้าทำ อุ้มลูกหนีเลยค่ะ ผู้หใญ่จะมาว่าอะไรไม่ได้ เพราะเราก็บอกแล้ว ถ้าบ่นก็บอกว่านี่คือวิธีสอนของเรา
เราว่าเรื่องแค่นี้ ยังพอรับมือได้ค่ะ สูดลมหายใจลึกๆ ยังไหวๆ
เอาทีละเรื่องเนาะ
ของกิน ทำใจค่ะ ช่างมัน ทิ้งก็ให้เค้าทิ้งไป เก็บปากเก็บคำ กินเหลือแค่ไหน ก็ทำใจว่าเหมือนเราทิ้ง บอกลาของกิน ก่อนเอาเข้าตู้เย็น ถ้ามีวาสนาได้เห็นกันอีกชั้นจะกินเธอให้อร่อยเลย
อันนี้เราทำจริงๆนะ เราก็เจอแบบ จขกท เก็บเนย เก็บขนม เก็บของกินที่มันเก็บได้นานๆไว้ในตู้เย็นวันดีคืนดีถูกทิ้งหมด บางอย่างเป็นของที่แม่เราทำมาให้เก็บไว้กิน โกรธมากกกก แต่สุดท้ายดีที่สุดคือทำใจ
เรื่องลูก การเลี้ยงลูก ต้องสตรองค่ะ ทั้งวิธีการและจิตใจ จำไว้ว่าเราเป็นแม่ เรามีสิทธิกำหนดวิธีการเลี้ยง ใครไม่เห็นด้วย เรามีสิทธิเพิกเฉยต่อความเห็นนั่น ใครคัดค้าน เราก็มีสิทธิโต้แย้งค่ะ ลูกยังเล็ก หนทางยังยาว ปล่อยให้เค้าวิจารณ์ไป มองไปที่เป้าหมายเราอย่าเดียว
อันนี้ตัวเราเองกว่าจะผ่านมาได้ก็หงุดหงิดใจค่ะ เราสอนลูก เช่นนั่งกินข้าวแล้วเค้าร้องให้ ครอบครัวสามีเราถึงขนาดมาอุ้มออกจากเก้าอี้เลยนะคะ แต่เรากดแขนเค้าไว้ แล้วบอกว่า ไม่ต้องค่ะ หนูดูแลเค้าอยู่ หน้าเข้ม เสียงแข็งใส่เลย ไม่พอใจก็ต้องยอม ทำบ่อยๆเข้าเค้าจะรับรู้เอง
เรื่องการเจ็บป่วยก็เหมือนกันค่ะ ถ้าลูกป่วยเราจะบอกเค้าเลยว่า ต่อไปนี้จะไม่ให้ลูกทำแบบนี้ๆๆๆ เพราะทำแล้วลูกป่วย
การรับมือกับหลาน เราว่า จขกท ต้องจำกัดพื้นที่ค่ะ ของเล่นลูก อันไหนที่มีค่า เก็บในที่ของเรา ไม่แชร์ ไม่แบ่ง อันไหนพังแล้วช่างมัน เริ่มไหม่ เราไม่ให้หลานสามีเราเข้าห้องเรานะ เราบอกว่าต้องสอนเรื่องพื้นที่ส่วนตัวให้หลานได้แล้วโตแล้ว เราเองก็ไม่ชอบให้ใครมาเข้าพื้นที่ส่วนตัวเรา
อย่างที่สอง พาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หมายถึงบริเวณบ้านน่ะค่ะ เห็นว่ามีพื้นที่เยอะ ทำบ่อทราย กะบะทราย เอากระป๋อง แก้ว ถ้วยพลาสติกกะโหลกกะลาให้เค้าเล่น ปล่อยเค้านั่งเล่นนานๆ หลานจะเล่นก็ลองแซว อะไร เจ็ดขวบยังเล่นทรายเหรอลูก
ถ้าเค้าแกล้งลูก บอกแค่ว่าถ้าทำอีก อาจะไม่ให้น้องเล่นด้วย ถ้าไม่เชื่อครั้งหน้าทำ อุ้มลูกหนีเลยค่ะ ผู้หใญ่จะมาว่าอะไรไม่ได้ เพราะเราก็บอกแล้ว ถ้าบ่นก็บอกว่านี่คือวิธีสอนของเรา
เราว่าเรื่องแค่นี้ ยังพอรับมือได้ค่ะ สูดลมหายใจลึกๆ ยังไหวๆ
แสดงความคิดเห็น
เราควรอยู่ต่อหรือย้ายออกดีคะ
เรื่องที่สองนะคะ เราไม่มีสิทจะเลี้ยงลูกในแบบของตัวเองเลยค่ะ เช่นเราจะใส่รองเท้าหรือแต่งตัวให้ลูก ในวัยที่เดินยังไม่ได้ เค้าก็จะมารุมหัวเราะเยาะลูกเราประมาณว่า ใส่ทำไมไม่มีใครใส่กัน เด็กยังเดินไม่ได้เลย เหตุผลที่เราให้ลูกใส่รองเท้าเพราะ ตอนคลอดแม่เราซิ้อมาให้เยอะมาก เรากลัว ลูกเราโตจะใส่ได้แค่ไม่กี่ครัง ประกอบกับเราเห็นคนอื่นๆก็ใส่กัน แต่บ้านเรากลับมองว่าเราอนามัย เราเว่อ
เรื่องที่สามค่ะ จะมีเด็กหลานชายในบ้านเค้าคนนึงอายุประมาน7ขวบ ซึ่งซนมากซนบรรลัย หลายครั้งที่เรา รู้สึกเกลียดมาก เพราะชอบมาแกล้งลูกเราจนร้องไห้ บอกก็มึนไม่สนใจยังทำต่อไปจนเราต้องขึ้นเสียง พอด่ามากๆ บ้านเค้าก็มาว่าเราว่าจะไปอะไรกับเด็ก แต่ไม่เคยมาดูเลย ว่าสร้างความเดือดร้อนให้เราขนาดไหน
เรื่องต่อไปค่ะ เด็กคนนี้ป่วยบ่อยมาก ป่วยทุกเดือน เราก็พยายามบอกว่าอย่าเข้าใกล้น้องนะลูกอย่าเพิ่งเล่นกับน้องนะ เดี๋ยวน้องติดไข้ แต่แม่แฟนบอกเล่นได้ เอาแมสปิดปากมาให้เด็กนี่ แล้วให้มาเล่นกับลูกเรา ด้วยความที่ยังคงเด็กอ่ะค่ะ ก็ใส่ๆถอดๆ พูดจนน้ำลายฉ่ำแมสปิดปากก็เอามือ ไปถูๆแมส แล้วใส่เข้าไปใหม่ แล้วมิอก็ไปจับของเล่นชิ้นเดียวกับที่ลูกเราเล่น จนสุดท้ายลูกเราติดไข้ พอมาครั้งนี้ป่วยอีกเราไม่ยอมแล้ว เราพูดย้ำเลย ว่าอย่ามาเล่นอย่ามาใกล้ ตอนแรกพูดกับแฟนเราก่อน แต่แฟนเรามึนค่ะ เด็กนี่ก็ปีนรั้วมาเล่นอย่างสบายใจ พร้อมไอและ น้ำมูกมาเต็ม เราทนไม่ไหว ไล่ลงไปก็ไม่ไป เลยอุ้มลูกหนีค่ะ พอแม่แฟนรู้เท่านั้นแหละค่ะ โกรธเราไม่พอใจเรา ที่เราอนามัยเกินไปบอกเรา
และยังมีอีกหลายๆเรื่องค่ะที่เรารู้สึกอยากจะพูดแต่พูดไม่ได้ อึดอัดน้ำท่วมปากมากค่ะ เราเลยอยากทราบว่าเราควรอยู่ต่อดีมั้ย เพราะอยุ่ที่นี่ลูกเรามีอากาศบริสุทมีพื้นที่วิ่งเล่น อยุ่ในระแวกบ้านที่ดีมากๆ เราไม่รุ้จะทำไงแล้วค่ะ อยู่เพราะรักลูกจริงๆ แต่เราไม่รุ้จะทนได้อีกนานแค่ไหน