เที่ยวเมืองจีนไม่ง้อทัวร์ ปักกิ่ง ฮาร์บิน มกรา ๒๕๖๑

สวัสดีครับ วันนี้จะมาเล่าประสพการณ์เที่ยวเมืองจีนโดยไม่ง้อทัวร์ ไปกัน๓คน พ่อ แม่ ลูก จุดเริ่มต้นทริปนี้จริงๆคิดไว้กว่าสิบปีแล้วว่าอยากไปเที่ยวฮาร์บินสักครั้งเพราะดูในรูปแล้วมันสวย แปลกตามากๆ แต่ติดที่มันหนาวเหลือเกิน(-30 C)และมีคนขู่ว่าระวังหนาวตายนะ ระวังจะหนาวจนป่วยไม่ได้เที่ยวนะ ก็คิดตั้งแต่ยังโสด จนแต่งงานก็คุยกับแฟน จนมีลูกโต๑๒ขวบแล้วจึงตัดสินใจว่า ไปก็ไป ถ้าไม่ไปปีนี้คงแก่จนไปไม่ไหวแล้ว อาศัยว่าผมเคยเรียนภาษาจีนมา พอพูดได้บ้าง และเคยไปปักกิ่งมาครั้งหนึ่งเลยพอจะเข้าใจระบบขนส่งพอสมควร ที่สำคัญมี ผู้รับเหมาจีนที่สนิทกันอยู่ที่ปักกิ่งคอยเป็นกองหนุนในกรณีจำเป็น  รีวิวนี้ไม่ค่อยเน้นรูปนะครับ ถ่ายรูปไม่ค่อยสวย
                                         ว่าแล้วก็เริ่มวางแผนเที่ยวกัน    เริ่มจากไปฮาร์บินที่เดียวคงไม่คุ้มเลยหาเมืองอื่นแถมไปด้วย ลูกก็เห็นพ่อ แม่ เคยไปกำแพงเมืองจีนมาแล้ว(ต่างคนต่างไป)ก็เลยอยากไปบ้าง โอเค งั้นไปปักกิ่งแล้วกันมีทุกอย่างที่ทุกคนต้องการ สรุปมาได้ว่า ไปปักกิ่ง ๓วัน ฮาร์บิน๒วัน รวมเดินทางกลับก็เป็น๖วัน การเดินทางจากกรุงเทพ- ปักกิ่ง  ,ปักกิ่ง - ฮาร์บิน , ฮาร์บิน- กรุงเทพ แวะเปลี่ยนเครื่องเซียงไฮ้  ใช้สายการบิน China Eastern ตลอดทาง การเดินทางในปักกิ่งใช้รถใต้ดินและแทกซี่  ส่วนที่ฮาร์บิน ใช้ แทกซี่เป็นหลัก
              วันที่๑ (๖ มค๖๑)กรุงเทพ- ปักกิ่ง เครื่องออก ๐๑๒๐ เครื่องออกก่อนเวลาสิบนาที ถึงก่อนเกือบชั่วโมง ก็ดีเหมือนกัน ถึงเร็วจะได้เที่ยวเร็ว พอขึ้นเครื่องก็นอนกันก่อนเลยพอตี๔ก็ปลุกมากินอาหารเช้า ก็อาหารจากครัวการบินไทย รสชาตก็อย่างที่รู้กัน พอลงมาไม่ได้เข้างวงด้วย ลงบันไดมาขึ้นรถเข้าอาคาร อากาศปักกิ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ลงมาก็เจอลบ๗ นำไปก่อน หายง่วงกันเลย ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองก็เรียบร้อยดี ช้านิดหน่อยเพราะคนเยอะ  หลังจากผ่านกระบวนการแล้วก็เดินมาหาแท๊กซี่ เจอคนมาแจกนามบัตรแท๊กซี่ตั้งแต่ยังไม่ออกจากส่วนของผู้โดยสารเลย น่ากลัวเหมือนกันแต่ไม่สนใจเดินไปตรงจุดรับผู้โดยสารของสนามบินเขาก็ชี้ให้ขึ้นรถก็ขึ้นไป แล้วบอกจุดหมายพร้อมแผนที่ และรายละเอียดภาษาจีนที่พิมพ์จากเวปของโรงแรม คนขับแกก็เข้าใจก็ขับไป ผมก็กลัวๆก็บอกว่าเปิดมิเตอร์ด้วยนะ แกก็ชี้ให้ดูบอกว่าเปิดแล้ว ระหว่างทางผมก็ชวนแกคุยไปเรื่อยๆ ทำนองว่าฉันรู้ภาษาจีนนะเฟ้ย จริงๆก็พูดได้ แต่ฟังไม่ค่อยได้ จนใกล้โรงแรมซึ่งอยู่ใกล้สถานีตงซี แกก็จอดหน้าปากซอยแล้วบอกว่าซอยมันเล็กมากเข้าไม่สะดวก เหลือแค่ไม่กี่เมตรก็ถึงแล้ว ก็จริงของเขาเลยลงรถจ่ายเงินไป๘๕หยวนมีใบเสร็จให้ด้วย ก็เดินลากกระเป๋าไปไม่ถึงร้อยเมตรก็ถึงโรงแรม แต่ดันไม่ใช่ เพราะในซอยนี้มี๒โรงแรมชื่อคล้ายกัน ที่ผมจองไว้ต้องเดินเข้าไปอีกเกือบ๓๐๐เมตร แต่โชคดีที่ใช่ และโชคดี๒ต่อคือห้องที่ผมจองไว้ว่างพอดีน้องเขาเลยเปิดให้เข้าพักตั้งแต่๓โมงกว่า เลยได้พักล้างหน้าเปลี่ยนชุดกันก่อนจะเริ่มออกลุยกัน เริ่มต้นก็เดินไปสถานีรถใต้ดินตงซี ซื้อตั๋ว อีข่าทง แล้วก็ไป หอสักการะฟ้า กันก่อน ก็เดินกันรอบนึงขาลากกันเลยเพราะมันใหญ่จริงๆ
          ลูกสาวเพิ่งเริ่มเดิน ยังยิ้มได้
          สองคนพ่อลูก หลังจากนี้เริ่มยิ้มไม่ออกแล้ว
          
จากนั้นก็จะไปกินบ่ายกันที่ร้าน จินดิงชวน ใกล้วัดลามะ แต่พอไปถึง google map  ทำพิษ พาเดินอ้อมเป็นกิโล ให้เดินลุยข้ามคลอง ทั้งที่ไม่มีสะพาน เดินจนจะบ่าย๓ยังไม่เจอ สงสารลูกเมียมาก พอดีเจอร้านอาหารร้านนึงท่าทางน่ากินเลยกินมันที่นี่แหละ
        จริงๆจากวัดลามะทางออกA เดินตรงข้ามคลองนี้ มองไปทางซ้ายมือก็จะเห็นร้านแล้ว
           จากร้านนี้เดินไปอีกไม่ถึง๕๐๐ ม ก็จะถึงเป้าหมาย แต่ตอนนั้นมันยังไม่เห็นเลย กินที่นี่ดีกว่า

            อาหารใช้ได้เลย แค่๓อย่างแต่กินกันไม่หมด
โชคดีที่อร่อย ไม่แพงด้วย พอออกมาเดินอีกนิดเดียวก็เจอร้านที่หาแล้ว ก็อาฆาตไว้ว่าวันหลังเจอกัน จากแผนว่าจะไปต่อวัดลามะเลยไม่ไหวแล้วกลับไปพักโรงแรมก่อนแล้วมาเดินหนานโหลวกู่เซี่ยงต่อตอนกลางคืน พอถึงห้องได้ก็สลบกันหมด กว่าจะปลุกให้มาเดินต่อได้ก็แทบแย่ ลูกสาวเธอเดินหนักเลยงอแงไม่ยอมไปต่อกว่าจะกล่อมให้ออกได้ แต่พอไปเดินจริงๆเธอก็ชอบมาก กินนู่น นี่ นั่นตลอดทาง แล้วก็ไปหาอะไรกินมื้อเย็นกันที่นี่เลย แล้วก็กลับห้องนอน ไม่ต้องอาบน้ำ
               หนาวแค่ไหนเธอก็ต้องกินไอติม
               แบ่งกันกินกับแม่


วันที่๒(๗ มค๖๑) ไปกำแพงเมืองจีน คือผมกับแฟนเคยไปมาแล้วที่ด่าน ปาตาหลิง ผมเลยเปลี่ยนบรรยากาศไปด่าน มู่เถียนเยว่ ก็ไปขึ้นรถบัสที่ สถานีขนส่ง ตงจื๋อเหมิน พอไปถึงท่ารถก็ถามคนที่คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่นั่นว่า คันนี้ไปกำแพงเมืองจีนใช่ไหม เขาก็บอกว่าใช่ ก็โอเค ขึ้นไปนั่งพอรถออกสักพักพี่คนเมื่อกี้ก็มาถามว่าจะไปลงไหน ก็บอกว่าจะไปลง สถานี หมิงจูกว่างฉาง ตามรีวิวจากพันทิปแล้วต่อแท๊กซี่ไป แกก็บอกว่าไปกับแกไหม คิดคนละ๒๐หยวน ไปถึงหน้าด่านเลย ผมก็ต่อเหลือ ๑๕ หยวนต่อคน แล้วก็ถามว่าถ้าไปกลับเท่าไร แกก็บอกว่า๑๐๐ หยวนเหมา ไปกลับ ผมก็ทำลังเลอยู่ แกก็คุยกับคนจีนที่นั่งข้างๆ เขาก็บอกว่าราคานี้ใช้ได้ เอาก็เอาวะ ก็ตกลงที่๑๐๐หยวน แล้วแกก็พาไปลงอีกป้ายเพราะแกจอดรถอยู่ตรงนั้นแล้วก็ขึ้นรถแกไปเป็นแท๊กซี่ป้ายดำ ไปส่งจนถึงด่าน พาไปซื้อตั๋วและให้เอาบัตรนักเรียนของลูกมาแสดงก็ได้ลดอีก๒๐หยวน แล้วผมก็ขอ we chat แกไว้ พอลงมาจะได้เรียกแกมารับ

                      ถ้าเดินไม่ไหวก็มีรถลาก น่าสนุก แต่ไม่รู้เท่าไร

ตอนขึ้นแฟนอยากขึ้น cable car แต่ผมพาขึ้น Tobogan เหมือนชิงช้านั่งห้อยขา ที่ละ๒คน ตอนแรกเธอก็กลัว แต่พอขึ้นไปจริงๆเธอสนุกมาก
                              สนุกกันใหญ่ทั้งแม่ ลูก
ขาลงก็ลงเหมือนรถรางมีคันเบรคให้อยากไปเร็วหรือช้าก็แล้วแต่เลย ลูกสาวชอบมาก ลงมาถึงข้างล่างขอจะขึ้นไปเล่นอีก ต้องบอกว่าขึ้นลงเที่ยวละ๑๒๐หยวนนะลูก เลยพอ
                      ในบ้อมมีกระดานให้ลงความในใจ แต่ไม่ได้เอาปากกาไป และไม่เห็นมีภาษาไทยเลย
                        แม่เธอไม่ยอมเดินมาด้วย
                         ระหว่างทางเหมือนเป็นนำ้ตกที่เป็นนำ้แช็ง สวยดีแต่เข้าไปใกล้ๆไม่ได้
แล้วก็ we chat ให้พี่แกมารับ แกก็มาตามนัดแล้วก็ไปส่งถึงป้ายรถบัส ระหว่างทางก็ถามแกว่าจะกลับปักกิ่งด้วยกันไหม แกก็บอกว่าแกทำงานที่นี่ พอว่างงานก็มารับลูกค้า อ๋อมิน่ารู้จักเขาไปหมดเลย พอจ่ายเงินแกก็แย็บว่าไม่มีทิปมั่งเหรอ ผมเห็นแกบริการดี เราก็เที่ยวสะดวกเลยทิปไป๑๐หยวน แกยิ้มใหญ่เลย กลับเข้าปักกิ่งมาก็ไปกินร้านจินดิงชวน แก้แค้นเมื่อวาน กินกันจนกินไม่หมด ติ๋มซำอร่อยแต่ไม่ใช่รสที่คุ้นเคยเหมือนที่ฮ่องกง
                        นี่ละ จินติงชวน แนะนำให้มากินเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่