เมื่อฉันเป็นโรคไบโพล่าและโรคซึมเศร้า ตอน 1

สวัสดีค่ะ
เราเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาอาจจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคน ขอเล่าจากประสบการณ์ตัวเอง
เราเป็นไบโพล่าค่ะและโรคซึมเศร้า โรคนี้ถ้าไม่รู้จักวิธีจัดการกับมัน มันทรมานจริงๆค่ะ
เราจะ spoil ชีวิตวัยเด็ก(ฉบับย่อแล้ว 55 )ไว้นะคะเพราะค่อนข้างยาวไร้สาระนิดนึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตั้งแต่เราเรียนจบมาก็ทำงานที่สำนักกฎหมายนานาชาติแถวสุขุมวิท ทำได้อยู่หลายปีก็เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ แต่ก็เป็นงานสายเดิมๆ จนกระทั่งออกมาเปิดสำนักงานกฎหมายของตัวเอง
หลายคนบอกว่า เราเก่ง แต่เราไม่เคยมีความรู้สึกนั้นเลย
เราเริ่มมีอาการ Mania ช่วงอาการนี้เราจะพูดมาก มั่นใจในตัวเองสุด จนเพื่อนคิดว่าเราต้องโดนตัวไหนมาซักตัว มั่นใจขนาดที่สามารถใส่โจงกะเบนออกจากบ้านได้ เราเป็นแบบนี้อยู่ 2-3 อาทิตย์ได้ จากนั้นอาการ Mania ก็จะลดลงและเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า เราหดหู่ โลกเป็นสีเทา ทุกอย่างในชีวิตมันแย่
เราเป็นสลับกันแบบนี้อยู่หลายเดือน
จนกระทั่งเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นวันเกิดของเราเอง เราโดนข่มขืนค่ะ และนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราโดนข่มขืน แต่ครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่ากับครั้งในอดีตของเรา เราขอไม่เอ่ยถึงนะคะ ขอเล่าเเค่ครั้งล่าสุด
เราไปนวดกับแฟน เพราะแฟนเราซื้อคูปองนวดให้เป็นของขวัญวันเกิด พอไปถึงร้านนวด คนนวดเป็นผู้ชายแต่เนื่องจากเราไปกับแฟนนอนติดกัน  จับมือกันถึง มีเพียงผ้าม่านกั้น เราจึงไม่คิดอะไรมาก พอเริ่มนวดเราก็พล่อยหลับไปค่ะ แฟนก็หลับ เพราะต่างคนต่างเหนื่อย พอนวดไปซักพักหมอนวดมันเอานิ้วใส่เข้าไปในช่องคลอดเราและดูดหัวนมเรา (ตามกฎหมายถือว่าข่มขืนแล้ว) เรากับแฟนไปแจ้งความ แต่ร้านนวดเค้าพาหนีค่ะ ปกปิดทำลายหลักฐานทุกอย่าง เราไปตรวจร่างกายดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย แต่ผ่านมาตั้งบัดนั้นจนถึงปัจจุบันเราขับรถผ่านไปเรายังเห็นไอ้หมอนวดคนเดิมนั่งอยู่หน้าร้านรอลูกค้าอย่างมีความสุขอยู่หน้าอยู่เลย เราเล่าให้เพื่อนๆเราฟังหลังจากเกิดเหตุได้ 1 วัน เราเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากกับเพื่อนๆ แต่ครั้งนี้ทำให้เรารู้ตัวว่าอาการเราแย่ คือเพื่อนเราคนนึงพูดมาว่า "ก็สมควรแล้ว" ถ้าเป็นเราเมื่อก่อน เราจะไม่คิดอะไรเลย
แต่คำพูดในวันนั้นทำให้เราคิดอยากฆ่าตัวตายค่ะ และเกลียดเพื่อนคนนั้นมาก เราเริ่มรู้สึกตัวเเล้วว่าเราไม่ปกติเพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
ตั้งแต่นั้นมาเรารู้สึกด้อยค่า รู้สึกชีวิตเรามันแย่ รู้สึกเราไม่มีคุณค่าที่จะอยู่บนโลกใบนี้ เรารู้สึกแบบนี้มาตลอด จนกระทั้งความรู้สึกแบบนี้มันเริ่มมากขึ้นๆ มากจนถึงกับนอนไม่หลับติดๆกัน 3-4 วัน
จากคนที่ขยันทำงาน งานทุกอย่างต้องดี 100% เราเริ่มทิ้งๆขว้างๆ ทำงานชุ่ยๆ  บางครั้งถึงขนาดไม่ทำงานงานนอนอย่างเดียวเป็นหลายๆอาทิตย์
เราเริ่มทำร้ายตัวเอง เราเอามีดคัตเตอร์กรีดที่ต้นขาพอเห็นเลือดซึมๆออกมาเรารู้สึกดีมาก  เราต่อยกำแพง เตะกำแพงจนเล็บหัก เรารู้สึกได้ปลดปล่อย
เราเริ่มคุยกับตุ๊กตาหมี ได้ยินเสียงแว่ว เราสามารถคุยกับตุ๊กตามีได้เป็นวันๆ อาการ Mania เริ่มหายไปเหลือไว้แต่อาการซึมเศร้า เราทำลายข้าวของ พังโทรศัพท์ ปาแก้วน้ำ กรี๊ดเหมือนคนบ้า ร้องไห้ได้เป็นวันๆคืนๆ ขี้ลืมและพูดวนไปวนมา  เราขี้ลืมถึงขนาดเราลืมว่าเรากินข้าวไปแล้ว ภายใน 30 นาที เราพูดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา 2-3 ครั้ง
จนกระทั้งเพื่อนเราคนนึงในกลุ่มเป็นโรคซึมเศร้า เพื่อนก็เล่าให้ฟังว่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลรามาได้ยามากินอาการดีขึ้น (ปกติเราหาหมออยู่แล้วสืบเนื่องจากเราโดนข่มขืน ซึ่งคนไข้รายที่โดยข่มขืนนั้นจะต้องพบจิตแพทย์และนักสังคมสงเคราะห์)แต่หมอของเราจำกัดเวลาคุยแค่ 30 นาที เลยรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนหมอพอดี เราจึงโทรไปนัดคุณหมอที่ รพ. รามาและโชคดีเราได้คิวพอดีในวันถัดมา
วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2560
เราไปรพ.ตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อรับบัตรที่อาคาร 1 ชั้น 1  เราได้ลงทะเบียนออนไลน์ไว้เรียบร้อบแล้ว จึงรวดเร็วไม่ถึง 5 นาทีก็ได้บัตรหละ ค่าทำบัตร 5 บาทเท่านั้นเจ้าหน้าที่ให้หยอดใส่กล่อง เราเลยหยอดไป 20 บาท ใครสนใจก็คลิ๊กตามลิงค์ด้านล่างนะคะ  
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นเราจึงไปแผนกจิตเวชอยู่อาคาร 4 ชั้น 2 ซึ่งเปิดตอน  7 โมงเช้า ยื่นบัตรเสร็จก็รอพยาบาลเรียกชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูง ถามประวัติเบื้องต้น เสร็จประมาณ 8 โมงก็นั่งรอคุณหมอลงตรวจประมาณ 9 โมง เราได้เป็นคิวแรกนะคะ แต่มีเคสด่วนเราเลยได้คิวที่ 2 เข้าตรวจเวลา 10 โมงกว่าๆ
คุณหมอจะบันทึกเสียงระหว่างทำการตรวจ คุณหมอดีมากค่ะ เรารู้สึกดีที่ได้คุยกับคุณหมอ เล่าให้คุณหมอฟังว่าเราทำร้ายตัวเอง คุณหมอจึงแนะนำวิธีทำร้ายตัวเองแบบปลอดภัยมาให้ คือการเอาหนังยางดีดที่มือตัวเอง ซึ่งเราพึงพอใจกับวิธีของคุณหมอมาก เราไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อนเลย เหมือนโลกสดใสขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั้งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงกว่า ซึ่งเร็วมาก เรารู้สึกเหมือนว่าผ่านไป 10 นาที คุณหมอก็วิฉิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าและเป็นไบโพล่าด้วย คุณสั่งยาให้ 2 ชนิด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คุณหมอนัดอีกทีอาทิตย์หน้า เพื่อเจาะเลือดและดูอาการ แล้วจะมาอัพเดทใหม่

ที่เรามาตั้งกระทู้วันนี้ เราคิดว่าเราพร้อมสู้กับโรคนี้แล้ว และอยากแนะนำคนที่กำลังประสบปัญหาเดียวกันว่าโรคนี้สามารถรักษาให้หายและคุณจะกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ถึงตอนนี้เราจะยังไม่หายขาดแต่เรารู้สึกว่าโรคนี้มันบันทอนและกินเวลาแห่งความสุขในชีวิตเรามามากพอแล้ว  เราอยากมีความสุขอีกครั้งค่ะ

ใครมีญาติหรือคนใกล้ตัวที่เป็นโรคนี้ ขอให้ใจเย็นกับเค้าให้มากๆนะคะ คุณคือกำลังใจที่สำคัญของเค้า ระวังคำพูดที่จะพูดกับคนป่วยโรคนี้ เพราะบางคำพูดมันบันทอนจิตใจพวกเราอย่างมากเลย ตัวอย่างคำพูดที่ควรหลีกเลี่ยงในลิงค์นะคะ สามารถหาได้ทางอินเตอร์เน็ท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เราหาข้อมูลอย่างหนักเกี่ยวกับโรคนี้ทั้งไทยและอังกฤษจึงพบกับ Documentary ของพิธีกรชื่อดังชาวอังกฤษ "Stephen Fry"  เค้าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยไบโพล่า สามารถหาได้ในยูทูปโดยพิมพ์คำว่า "stephen fry bipolar documentary part 1 " ซึ่งมีหลาย part เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เข้าใจโรคนี้มากขึ้น

ตอนนี้อาการเราดีขึ้นเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ยาหรืออะไรก็ตามแต่ แต่เราร้องไห้น้อยลง จากร้องไห้ทั้งวันทั้นคืน ตอนนี้เฉพาะเวลาอาการของโรคเท่านั้น  สามารถนอนหลับได้มากขึ้นกว่าเดิม

หากการพิมพ์ของเราไม่สละสลวยต้องขออภัยด้วย เราพยายามพิมพ์ให้ดีที่สุด ตอนนี้ยังขี้ลืมอยู่ พิมพ์ซ้ำไปซ้ำมาหลายๆครั้งด้วยอาการของโรค จึงต้องกลับไปแก้หลายครั้งอาจจะทำให้อ่านแล้วสับสนบ้างนะคะ

ท้ายที่สุดขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังป่วยเป็นโรคนี้ เราเข้าใจคุณนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่