[CR] Morocco trip ตอนแรก Tangier, Chefchaouen, Volubilis เมืองที่ตั้งใจไปมานาน แล้วก็ได้ไปซะทีครับ :)

สัมผัสแรกของโมรอคโคที่เมือง Tangier

ผมเลือกเดินทางไปเที่ยวโมรอคโค เพราะว่าอยากไปมานานแล้ว มี list ประเทศที่คิดว่าคงไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้แต่อยากไปมากอยู่หลายที่ ซึ่งก็ได้แก่ โมรอคโค จอร์แดน อิหร่าน อียิปต์และเกาหลีเหนือ

พอเหมาะกับที่น้องที่ทำงานคนหนึ่ง ชวนไปทัวร์โมรอคโคพอดี เลยไม่ลังเลเลยที่จะไป เราจองตั๋วเครื่องบินและทัวร์กันล่วงหน้านานเลยครับ ผมเองก็กลัวนิดหนึ่งเพราะว่าตัวเองเป็นคน "เยอะ" พอสมควร ไปไหนมาไหน ก็จะไปคนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ กลัวจะไปทัวร์แล้วลำบากหรือทำให้คนอื่นอึดอัด แถมนี่เป็นการไปกับทัวร์ครั้งแรกในชีวิตด้วย (เที่ยวไหนก็ไปเองตลอด) แค่ปรากฏว่าเป็นทัวร์ที่ผมประทับใจมาก บริการดี ได้เพื่อนได้น้องดีๆ กลับมาด้วย  

กลับมาที่การไปเที่ยวโมรอคโคกันนะครับ

เราเดินทางออกจากไทยด้วยสารการบิน Etihad ไป transit ที่ Abu Dhabi ซึ่งผมกับกอล์ฟไปก่อนคณะทัวร์คนอื่นๆ เพราะอยากแวะเที่ยวที่ UAE ก่อน ซึ่งก็ลงรูปไปแล้ว

เครื่องบินของ Etihad ที่จะไปลงโมรอคโคนั้นลงได้สองสนามบินคือที่ Casablanca และที่เมืองหลวงคือ Rabat สำหรับทริปของผมนั้น เราลงที่ Casablanca แต่กลับจากที่ Rabat

การตรวจคนเข้าเมืองของที่นี่ ต้องกรอกใบ ตม และมีที่อยู่ของโรงแรมด้วย ตม ยังค่อนข้าง Primitive และใช้เวลาตรวจนานมากครับ ยิ่งขาออกจากประเทศไว้ค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ยิ่งนานและจุกจิกมาก

เมื่อออกจากสนามบินแล้วก็แลกเงินครับ ที่นี่ใช้เงินที่เรียกว่า Moroccan Durham โดย 1 MAD มีค่าประมาณ 3.44 บาทครับ แต่ว่าไปแลกนั้น รับแลกแค่เงินยูโร หรือ USD เท่านั้น ใช้เงินยูโร จะได้ rate ดีกว่าเล็กน้อย

เกร็ดสำคัญของการแลกเงิน คือ ผมว่าเจ้าไหนๆ ในสนามบินก็ราคาไม่ต่างกัน แถมน่าจะเป็นเจ้าเดียวกันเกือบทั้งหมด การแลกเงินนั้น ไม่ต้องแลกไปมากครับ เพราะว่าจะมีปัญหาสองอย่างคือ
1. ตอนแลกกับ ต้องเก็บใบเสร็จไว้ และต้องแลกกับที่เดิม เจ้าเดิม ไม่เช่นนั้น จะได้ rate ต่ำมาก หรืออาจแลกไม่ได้เลย
2. ตอน ตม ขาออก เขาจะถามเลยว่าเหลือ MAD บ้างไหม แค่ไหน น้องบางคนในทริปนี่โดนเปิดกระเป๋านับเลยครับ เพิ่งมาอ่านเจอทราบทีหลังว่า เขาไม่พยายามให้เอาเงินของบ้านเขาออกนอกประเทศเลย ส่วนผมเองนั้น ตอนแรกตั้งใจว่าจะเหลือ 20 MAD เป็นที่ระลึก แต่สุดท้ายก็ใช้ซื้อขนมไปหมดที่สนามบิน

อีกอย่างคือ เจ้าหน้าที่แลกเงิน จะพยายามบอกว่าเราต้องแลกเป็น cash card เหมือนเป็นข้อบังคับว่า ไม่ว่าจะแลกเงินเท่าไหร่ ก็ต้องมีส่วนหนี่งอยู่ใน cash card คุยกันนานมาก เพราะฟังกันไม่ค่อยออก เจ้าหน้าที่บอกว่า cash card นี้จะใช้ที่ไหนก็ได้ ตอนแรกบอกให้เราใส่เงินไปถึง 1000 MAD แต่สุดท้าย ก็ซักจนรู้ว่า ใส่แค่ไหนก็ได้อย่างน้อย 100 MAD (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วถูกหลอกอีกเปล่า 5555)
แล้วก็น้องที่เป็นตัวแทนแลก cash card นั้น ก็ไม่แน่ใจว่าจะหาที่ใช้ หรือได้ใช้หรือเปล่าครับ เพราะการซื้อของส่วนใหญ่เป็นร้านแบบ local มากๆ

ที่บอกว่าไม่ต้องแลกไปเยอะ เพราะว่า ตาม รร ก็ rate ไม่ต่างกันมากครับ ผมเอง ถือว่าถ้าเราจุกจิกกับเศษสตางค์เป็นจุด ก็จะทำให้เที่ยวไม่สนุกเสียเปล่าๆ

หลังจากแลกเงินแล้ว ส่วนหนึ่งก็ไปซื้อ SIM ครับ เท่าทีจำได้ น่าจะ 4GB ราคาไม่แพงมากนัก ส่วนผมเองนั้น raoming ไป เพราะว่า ใช้ package เดียวกับที่ UAE ได้ แล้วก็มีประสบการณ์การถูก hack บัตรเครดิต เลยไม่กล้าเสี่ยงดีกว่า เพราะว่าตอนนั้นที่ถูก hack ถ้าไม่ roaming ไป ก็คงไม่ทราบเลย เพราะว่าจะไม่ได้รับ SMS ยืนยันการใช้เงินจากธนาคาร

แม้ว่าเราจะลงกันที่สนามบิน Casablanca แต่ว่าเมืองแรกที่เราจะเที่ยวและพัก คือเมือง Tangier ครับ ซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศเลย

ก็เริ่มวันแรก ด้วยการนั่งรถยาวๆ เลยครับ ในทัวร์ของผมมี guide ไทยหนึ่งคน ซึ่งดีมากๆ ครับ แล้วก็มี local guide อีกสองคน คนหนี่งจะเป็นคนคอยอธิบายสถานที่ต่างๆ อีกคนเหมือนเป็นคนช่วยคอยดูแลภาพรวมของทริป แล้วก็มีคนขับรถบัสอีกหนี่งคน

ทริปของเรามีกัน 20 คนครับ แต่ว่ารถที่ใช้เป็นขนาด 40 คน ก็นั่งกันสบายๆ มากเลย

ลักษณะภูมิประเทศของโมรอคโคนั้นมีหลายแบบมากครับ อากาศค่อนข้างแปรปรวน เราเจอฝนกันหนึ่งวัน คือวันที่สอง เจอทั้งวัน แต่ก็ไม่หนักมากนัก ขับรถก็มีทั้งต้องผ่านทะเลทรายข้างทาง พื้นที่เกษตรกรรม รวมทั้งขึ้นเขา Atlas ด้วย

เทิอกเขา Atlas นั้นเป็นเทือกเขาที่สำคัญมากทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา สูงใหญ่และกว้าง ขนาดที่มองเห็นได้จากเมือง มาราเกช เลยครับ การนั่งรถบัสเที่ยวโมรอคโคครั้งนี้ เราไปกันทั้งประเทศ จึงมีโอกาสได้ข้ามผ่านทั้ง High Atlas, Middle Atlas และ Anti-Atlas

เรานั่งรถกันยาวนานมากครับ จนมาถึง Tangier ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือของโมรอคโค ที่ติดกับสเปนเลย กั้นด้วยช่องแคบยิบบรอลตาเท่านั้นเอง (Strait of Gibralta) นอกจากนี้น้ำทะเลที่นี่ยังเป็นสองสีด้วยครับ เนื่องจากเป็นจุดที่น้ำทะเลของทะเลเมดิเตอเรเนียน มาพบกับน้ำทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติก

จุดที่ผมได้ไปทานอาหาร อยู่ไม่ไกลจากป้อมปราการเมืองแทนเจียร์ (Tangier Kasbah) ซึ่งสามารถเห็นทั้งช่องแคบบิบบรอลตา และน้ำทะเลสองสีได้ครับ

Tangier นั้นเป็นเมืองท่าครับ มีเรือให้เห็นมากมาย บรรยากาศผมว่าต่างกับเมืองอื่นๆ ของโมรอคโคที่ได้ไปต่อมากครับ ยกเว้นในส่วนของ Medina หรือเมืองเก่า ที่ค่อนข้างคล้ายกันทั้งประเทศ

ขมรูปกันเลยนะครับ


มื้อเช้าก่อนลงครับ

เช้าที่ Casablanca ครับ

    ทางเดินไปร้านอาหารที่ Tangier  ครับ

ผมก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ  ครับ

วันแรกนี่ฝนตกเล็กน้อย ก่อนผมมาถึงที่ Tangier ครับ

        
      ประตูเมืองเก่า

เนื่องจากเป็นเมืองท่า มีนกนางนวลเยอะมากครับ

จับภาพได้พอดี

มองไปคือฝั่งยุโรปแล้วนะครับ ที่เห็นน้ำทะเลสองสี ก็คือที่เล่าไว้นะครับ ว่าเป็นน้ำจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับมหาสมุทรแอตแลนติกครับ

วิวเมือง Tangier  ครับ ถ่ายมาจากดาดฟ้าร้านอาหาร

ส่วนขอป้อมปราการที่เหลือ มองย้อนมาจากฝั่งทะเลครับ

ร้านอาหารตกแต่งสวยงามครับ

ขมมปังวันแรกครับ ผมว่าแข็งมากครับ แต่ว่ากลายเป็นขนมปังวันแรกที่ Tangier  นี่ นุ่มที่สุดแล้วครับ ยิ้ม

สลัดทูน่าครับ วันแรกเท่านั้นที่ได้ทาน Tuna

โมรอคโคส้มอร่อยครับ ได้ทานทุกวันเลยครับ เช้า เที่ยง เย็น

หลังจากทานอาหารที่ Tangier เสร็จ เราก็รีบไปชม Cave of Hercules กันครับ

ถ้ำเฮอร์คิวลีส ตั้งอยู่ที่ทางตะวันตกของเมือง Tangier วันแรกที่เราไปเที่ยว Tangier ทางทัวร์ก็พยายามจัดเวลาให้เราได้ไปชมพระอาทิตย์ตกที่ Caves of Hercules ซึ่งก็โชคดีครับ ทันเวลาพอดี

ถ้ำมีทางออกสองทางคือ ทางทะเล และทางบก เวลาเราจะไปชมถ้ำ เราเดินทางบกเข้าไปครับ แล้วลงไปข้างล่าง เดินลงไปนิดเดียวตามทาง ไม่ยากเลย ก็จะเห็นทางออกทะเล ที่อยู่ในถ้ำครับ ในถ้ำมีแสงสว่างจากหลอดไฟครับ เดินไม่ยากเลย

ทางออกทางทะเลนั้น เขาเล่ากันว่า ชาวฟินิเชียน (ซึ่งเป็นชนกลุ่มสมัยโบราณที่มีความสามารถอย่างมากในการเดินเรือ และการประดิษฐ์อักษรที่กลายมาเป็นต้นแบบของภาษากรีก โรมันและภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ ในยุโรปในที่สุดครับ) เป็นคนทำทางออกทางทะเลนี้ไว้ ซึ่งเมื่อมองทั้งจากข้างในและข้างนอก จะเห็นเป็นรูปทวีปแอฟริกา

แต่ถ้าตามตำนานกรีกหรือโรมัน ก็เล่าว่า Hercules อาศัยอยู่ในถ้ำนี้ ตอนที่ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจ 12 อย่างตามตำนาน และเป็นคนทำให้เกิดช่องแคบยิบบรอลตา รวมทั้งถ้ำนี้ โดยใช้พลังเหนือมนูษย์ที่มี แยกทะเลออก เพราะว่าอยากให้เป็นทางลัด ไม่ต้องเดินผ่านข้ามภูเขา Atlas

ภายในถ้ำสวยมากครับ โดยเฉพาะมุมที่มองเห็นทะเล ผ่านช่องที่บอกว่าเหมือนทวีป แอฟริกา ซึ่งก็ดูคล้ายจริงๆ

การชมพระอาทิตย์ตกกับแสงสวยๆ ที่นี่ ทำให้ประทับใจในการมาที่โมรอคโค ตั้งแต่วันแรกเลยครับ

คืนแรกเรานอนกับที่ Hilton ซึ่งเป็น รร ที่ดีที่สุดในทริปนี้เลย รร อยู่ริมทะเล แล้วมีห้างสรรพสินค้าอยู่ข้างๆ ผมเดินไปซื้อ SD card ที่ห้างข้างๆ ร้านแรกเป็น Samsung shop มีแต่ของหมดแล้ว แต่พนักงานก็บริการดีมากครับ พาผมเดินไปที่ร้านขายเครื่องไฟฟ้าอีกทีหนึ่งในห้าง

ทางออกทะเล ที่เล่าให้ฟังครับ ว่ามองผ่านออกไปเหมือนรูปทวีปแอฟริกา

คนไปรอถ่ายภาพตรงนี้เยอะมากครับ ต้องรอจังหวะดีๆ ครับ

ภายในถ้ำครับ

เงาสะท้อนในถ้ำครับ แสงสวยมาก แต่ถ่ายรูปยากนิดหนึ่ง คนเยอะ แล้วก็แสงไม่พอ

พระอาทิตย์ตกพอดีครับ ได้แสงสวยมากๆ

Sunset ครับ

รอจนได้รูปนี้ครับ

ร้านอาหาร ที่อยู่ข้างๆ  ถ้ำครับ ขึ้นไปถ่ายรุปได้ครับ

มหาสมุทรแอตแลนติกครับ

ถ่ายรูปไปเรื่อยครับ
ชื่อสินค้า:   Morocco โมร็อกโค
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่